หน้าแรกกัลยาณมิตร กัลยาณมิตร กัลยาณมิตร กัลยาณมิตร สื่อธรรมะ กัลยาณมิตร กัลยาณมิตร
กัลยาณมิตร กัลยาณมิตร กัลยาณมิตร กัลยาณมิตร กัลยาณมิตร กัลยาณมิตร กัลยาณมิตร

 

 

 

 

 

พระมหาสีลวราช
ว่าด้วยการปรารภความเพียร (ตอนที่ ๑)

        ในอดีตกาล ณ กรุงพาราณสี พรหมทัต พระองค์หนึ่งพระนามว่า พระมหาสีลวราช พระองค์เป็นผู้
ทรงมีพระปรีชา สามารถพระทัยเปี่ยม ไปด้วยพระเมตตากรุณา

          ครั้นเมื่อได้ครองราชสมบัติ
แล้วก็ทรงปกครอง แผ่นดินโดยธรรม ทรงโปรดการทำทานยิ่งนักทรงให้ สร้างโรงทานไว้ถึง ๖ แห่งคือที่ประต ูเมืองทั้ง ๔ ด้าน ที่กลางพระนคร และที่ประตูพระราชวังเพื่อเป็นทาน แก่คนยากจนคนกำพร้าและคนเดินทาง

         ครั้งนั้นมีอำมาตย์ชั่วคนหนึ่งเห็น
พระราชามีน้ำพระราชหฤทัยเปี่ยมไป
ด้วยพระเมตตากรุณาจึงคิดเหิมเกริม
ถึงขนาดบังอาจลักลอบเข้าไปในเขต
พระราชฐานชั้นในหลาย ครั้งหลายครา
จนมีผู้มากราบทูลฟ้องร้องและพระองค์
ก็ทรงทราบด้วยพระองค์เอง

          ถึงแม้ว่าการกระทำเช่นนมีความ
ผิดถึงขั้นประหารชีวิตแต่พระองค์ทรงมีน้ำ
พระทัย กรุณาจึงทรงเพียงกว่ากล่าว และขับไล่ ไปเสียจากพระนคร


          เมื่ออำมาตย์ชั่วถูกขับไล่ออก
จากเมืองก็โกรธแค้นพระเจ้ามหาสีล
วราชจึงอพยพครอบครัวไปอยู่ที่เมือง
โกศล
          เนื่องจากอำมาตย์ผู้นี้่เป็นผู้ที่มีฝีมือ
ในการทำงานแล้วและยังเป็นคนประจบ
สอพลอในที่สุดก็ได้รับการไว้วางพระราช
หฤทัยของพระเจ้าโกศล

          อยู่มาวันหนึ่งในขณะที่เหล่าเสนา
อำมาตย์ปรึกษาหารือเกี่ยวกับงานราชการ แผ่นดินอำมาตย์ชั่วจึงได้สบโอกาสที่จะหา
ทางแก้แค้นจึงกราบทูพระเจ้าโกศล
         พระเจ้าโกศลฟ้งแล้วก็ยังไม่
เชื่อทันทีเพราะทราบมาว่าอำมาตย์
ชั่วผู้นี้เคยอยู่เมืองพาราณสีมาก่อน

          เมื่ออำมาตย์ัชั่วเห็นว่าพระเจ้าโกศลยังไม่เชื่อจึงได้ใช้อุบายเพื่อให้เป็น ไปตามความต้องการของตน

          พระเจ้าโกศลก็ยังไม่เชื่อนัก แต่เห็นว่าอำมาตย์ชั่วกล่าวอย่างแข็งขัน จึงได้ลองทำตามที่อำมาตย์ดูสักครั้ง โดยส่งทหารปลอมตัวไปปล้นชาวบ้าน ที่อยู่ชายแดนในเมืองพาราณสี

          เหตุการณ์ก็เป็นไปตามที่อำมาตย์ชั่วพูด เพราะเมื่อโจรที่พระเจ้าโกศล ส่งไปนั้นเมื่อถูกจับแล้วก็ถูกพระเจ้ามหาสีลวราช ไตร่สวนอย่างเมตตาธรรม

          เมื่อพระเจ้ามหาสีลวราชทราบความดังกล่าวจากพวกโจรแล้วแล้วจึง
พระราชทานทรัพย์จำนวนหนึ่งเพื่อให้ไปตั้งตัวประกอบอาชีพสุจริต

          เมื่อพระเจ้ามหาสีลวราชปล่อยตัว
พวกโจรแล้วพวกโจรก็ได้ไำปรายงานให้
้้พระเจ้าโกศล ทราบทันที
          เมื่อพระเจ้าโกศลได้รับรายงาน
แล้วก็หลงเชื่อคำยุยงของอำมาตย์ชั่ว
แต่เพื่อความแน่พระทัยจึงได้ใืห้ทหาร
ปลอมตัวไปปล้นชาวบ้านที่อยุ่ใกล้ๆ พระนคร

          เหตุการณ์ก็เป็นไปอย่างคราวแรก
หลังจากที่พวกโจรถูกจับได้ พระเจ้ามหา
สีลวราช ก็ทรงปล่อยตัวไป พร้อมกับมอบ
ทรัพย์ให้จำนวนหนึ่งเพื่อให้ไปตั้งตัว
        หลังจากที่พระเจ้ามหาสีลวราช
ปล่อยตัวแล้ว พระเจ้าโกศลก็ยังไม่แน่
พระทัยหากถูกแย่งชิงราชสมบัติแล้ว
จะไม่มีการต่อสู้ จึงได้ส่งโจรไปปล้น
ชาวบ้านที่อยู่ในเมืองอีก ปรากฎว่่า
เหตุการณ์ก็เป็นเหมือนเดิม

              พระเจ้าโกศลจึงเกิดความลำพองใจ คิดว่าพระเจ้าสีลวราชคงไม่กล้่า ทำสงครามจึงได้ยกทัพไปล้อมเมืองพาราณสี

          กรุงพาราณสีในสมัยนั้นมีเหล่าเสนาอำมาตย์ แม่ทัพ ที่เป็นนักรบที่ไม่มีใคร มาเปรียบได้ จำนวนพันนาย ความสามารถของนักรบเหล่านั้นอาจกล่่าวได้ว่า ไม่มีใครในโลกมาสู้ได้ อย่าว่าแต่สู้มนุษย์ด้วยกันเลยแม้แต่ช้างที่ตกมันก็มิเคย หวาดหวั่น

           เมื่อพระเจ้าโกศลยกทัพมาปิดล้อมเมืองพาราณสี นักรบเหล่านั้นก็ขออาสา ออกไปทำศึกสงครามและจะจับพระเจ้าโกศล มาลงโทษให้ได
แต่พระเจ้ามหา สีลวราชก็ทรงห้ามไว้

          ด้วยเหตุนี้พระเจ้าโกศลจึงได้ใจ
ยกทัพเข้ามาประชิดเมืองหลวงได้โดย
ไม่ต้องเสียเลือดเนื้อ
          แม้เหล่าบรรดาเสนา อำมาตย์ แม่ทัพ อยากจะออกไปรบเต็มที แต่ก็ ห้ามใจไว้ เพราะด้วยความเคารพต่อ พระเจ้าสีลวราช ซึ่งเป็นกษัตย์ของพวกตน ซึ่งเป็นคุณธรรมที่ยอดเยี่ยมของทหารหาญ

          เมืื่่อพระเจ้าโกศลยกทัพเข้ามา
ประชิดเมืองพาราณสีอย่างง่ายดาย
จึงเกิดหวาดระแวงว่าพระเจ้ามหาสีลวราช
จะวางกลอุบายไว้หรือเปล่า จึงได้ส่ง
พระราชสาส์นมาทูลถามว่าจะยอมยก
พระราชสมบัติหรือว่าจะรบ

          เมื่อพระเจ้ามหาสีลวราชได้รับ ทราบข้อความจากพระราชสาส์นแล้ว
จึงตัดสินพระทัยที่จะยกพระราชสม
บัติให้

          จากนั้นพระเจ้ามหาสีลวราชจึงได้รับสั่งให้ทหารเปิดประตูเมืองพระองค์ก็ทรง ประ่ัทับ อยู่บนบัลลังก์ เหล่าเสนาอำมาตย์ แม่ทัพทััั้้ังพันคนก็อยู่ในอาการสงบ

          เมื่อพระเจ้าโกศลยึดเมือง
พาราณาสีได้แล้วก็จับพระเจ้ามหา
สีลวราช พร้อมด้วยเหล่าเสนา
อำมาตย์ แม่ทัพ ทั้งพันนายมัดไว้

          ใช่ว่าพระเจ้าโกศลจะมีความเมตตา
กลับนำ พระเจ้ามหาสีลวราช พร้อมด้วย
เสนา อำมาตย์ แม่ทัพ พันนายนำไปฝังในป่้า ช้าผีดิบ โดยให้ขุด หลุมลึกฝังลำตัวเหลือไว้ แต่ศรีษะเพื่อรอให้ สุนัขป่าและสัตว์ร้าย มากัดกินเป็นอาหาร

         ถีงแม้ว่าพระเจ้ามหาสีลวราชจะถูกเหยียบย่ำ อย่างไรก็ตาม แต่พระองค ์ก็หาได้ถือโกรธ ตั้งมั่น ด้วยการประพฤติธรรมและแผ่เมตตาให้กับศััตรูุ

          เหล่าเสนาอำมาตย์ แม่ทัพ ทั้งพันนายต้องอดกลั่นต่อการกระทำ ของศัตรู ที่เหยียบย่ำพระเจ้ามหาสีล วราชภายในใจครุกรุ่นไปด้วยความ
โกรธแต่ก็สามารถควบคุมสติได้เพราะ ได้ผ่านการฝึกมาอย่างยอดเยี่ยม

          อีกประการหนึ่ง เพราะด้วย
ความเคารพและศรัทธาต่อพระเจ้า
มหาสีลวราช จึงยอมปฏิบัตตามแต่
โดยดีและพร้อมเผชิญกับมรณภัย
ที่ได้มาถึง
     ในยามค่ำคืนนั้นเองเหล่าบรรดาสุนัขป่า
สุนัขจิ้งจอก และสัตว์ร้ายก็ออกมาหากิน
ในป่าช้าตามปกติ

          เมื่อพวกมันเห็นศรีษะมนุษย์ที่โผล่ขึ้นมามากในป่าช้านั้น จึงเข้าใจว่าเป็น ซากศพต่างวิ่งกรูเข้าไปหมายจะกัดกินเป็นอาหาร

          พระเจ้ามหาสีลวราช คาดคะเนถึงภัยที่จะเกิดขึ้นมาก่อนหน้านี้แล้วจึงทรง
นัดแนะอุบายเอาตัวรอดให้กับเหล่าบรรดาเสนาอำมาตย์ และ แม่ทัพของพระองค์
ล่วงหน้า เมื่อพวกสัตว์ป่าวิ่งรี่เข้ามาก็ให้ตะโกนพร้อมกันดังๆ ขึ้นพร้อมกันย เสียงนั้น
ดังกึกก้องไปทั้วป่าช้า จึงทำให้พวกมันตกใจกลัวและวิ่งหนีไป
Copyright © Dhammakaya Foundation. All rights reserved.
 
 
ที่มา : หนังสือนิทานชาดก โดย พระภาวนาวิริยคุณ  





Home  | นิทานชาดก