หน้าแรกกัลยาณมิตร กัลยาณมิตร กัลยาณมิตร กัลยาณมิตร สื่อธรรมะ กัลยาณมิตร กัลยาณมิตร
กัลยาณมิตร กัลยาณมิตร กัลยาณมิตร กัลยาณมิตร กัลยาณมิตร กัลยาณมิตร กัลยาณมิตร

 

 

 

 

 

 






ภาพ  ป๋องแป๋ง
ลงสี  ปูเป้

   ชายหนุ่มได้นำโอ่งใส่
น้ำดื่มไปตั้งไว้ใกล้ทาง
เข้าประตูเมือง เชิญชวน
คนเกี่ยวหญ้าเลี้ยงสัตว์
๕๐๐ คน ดื่มแก้กระหาย

 ต่อมาไม่กี่วันชายหนุ่ม
ได้ยินว่าจะมีพ่อค้าจาก
ต่างเมืองนำม้ามาขาย


  ชายหนุ่มขอให้คนเกี่ยวหญ้ารอให้ตนขายหญ้าก่อน ต่อมาในวันนั้นเขาได้หญ้าถึง ๕๐๐ ฟ่อน เมื่อพ่อค้าม้าหาซื้อหญ้า จากที่ใดไม่ได้ จึงต้องซื้อจากเขาเป็นเงินสูงถึง ๑,๐๐๐ กหาปณะ และทำให้คนเกี่ยวหญ้า ขายหญ้าได้ราคาดีตามไปด้วย

  อีก ๒-๓ วันต่อมามีีเรือสินค้ามาเทียบท่า ชายหนุ่มจึงรีบไปเช่ารถม้าซึ่งมีบริวารติดตาม และแต่งกายอย่างโก้หรูไปที่ท่าเรือ

  เมื่อพ่อค้านับร้อยคนของเมืองพาราณสี มาขอซื้อสินค้าก็พากันผิดหวัง เมื่อรู้ว่ามีคนมามัดจำสินค้าทั้งหมดแล้ว
  พ่อค้าเหล้านั้นขอร่วมลงทุนในเรือสินค้ากับเขาคนละ ๑,๐๐๐ กหาปณะ และอีก ๑,๐๐๐ กหาปณะ
สำหรับเป็นค่าสินค้า เขาจึงขายสินค้าไป ได้กำไรทันทีสองแสนกหาปณะ

  ชายหนุ่มได้เล่าเรื่อง
ทั้งปวงของตนให้ฟัง
ท่านเศรษฐีเห็นความมี
สติปัญญาเฉลียวฉลาด
ความวิริยะอุตสาหะและ
ความกตัญญูกตเวที
ของเขา จึงยกลูกสาว
ให้พร้อมกับมอบทรัพย์
สมบัติให้ครอบครอง

  ต่อมาภายหลัง ท่านจุลลกเศรษฐีได้สิ้นชีวิต ชายหนุ่มผู้นี้ก็ได้ตำแหน่งเศรษฐีของเมืองพาราณสีสืบแทนตั้งแต่นั้นมา
Copyright © Dhammakaya Foundation. All rights reserved.
 
จบ
 
ที่มา : หนังสือนิทานชาดก โดย พระภาวนาวิริยคุณ  



 
จุลลกเศรษฐีชาดก
 
:: สาเหตุที่ตรัสชาดก ::

.… ในสมัยพุทธกาล มีธิดาของเศรษฐีผู้หนึ่ง ในกรุงราชคฤห์ ลอบได้เสียกับทาสชายในบ้าน แล้วจึงพากันหนีไป ต่อมานางมีบุตรชาย ๒ คน คนโตชื่อว่า มหาปันถก และคนน้องชื่อจุลปันถก พอเด็กน้อยโตขึ้นถามถึงญาติพี่น้อง มารดาเล่าเรื่องตายายให้ฟัง เด็กน้อยรบเร้าอยากให้ไปหาอยู่บ่อยๆ สองสามีภรรยาจึงพาครอบครัวไปยังเมืองราชคฤห์ แต่บิดามารดาไม่ยอมรับสามีภรรยาแต่จะขอหลานไปเลี้ยงไว้ ซึ่งทั้งสองก็ยอมแต่โดยดี

.....เด็กทั้งสองอยู่กับตายายจนเจริญวัยขึ้น มหาปันถก ได้ฟังพระธรรมเทศนาจากพระบรมศาสดาจึงออกบวช เมื่อบวชแล้ว ได้บรรลุธรรมเป็นพระอรหันต์ ต่อมานึกถึงน้องชายจึงพามาบวชด้วย แต่พระน้องชายบวชแล้วเป็นคนปัญญาทึบ แม้ให้ท่องคาถาสั้นๆ เพียง ๑ บท ถึง ๔ เดือนก็ท่องไม่ได้ พระพี่ชายจึงไล่ให้สึกเสีย ทำให้พระจุลลปันถกมีความเสียใจมาก

.....สมัยนั้น พระมหาปันถกรับหน้าที่เป็น ภัตตุเทศก์ เมื่อหมอชีวกโกมารภัจจ์นิมนต์พระบรมศาสดาและพระภิกษุทั้งหลายไปฉันภัตตาหารที่บ้าน พระมหาปันถกรับนิมนต์ไว้หมด เว้นแต่พระจุลลปันถกรูปเดียว ทำให้พระจุลลปันถกน้อยใจคิดอยากจะสึก เช้าวันนั้น พระบรมศาสดาทรงสอดข่ายพระญาณ จึงเสด็จไปโปรดพระจุลปันถก โดยประทานผ้าขาวบริสุทธิ์ผืนหนึ่งแก่พระจุลลปันถก ตรัสให้ลูบคลำผ้าผืนนั้น พร้อมบริกรรมภาวนาไปเรื่อยๆ แล้วเสด็จไปบ้านหมอชีวก ฝ่ายพระจุลลปันถกลูบคลำผ้าไปเรื่อยๆ จนเห็นผ้าหมองคล้ำ จึงเกิดความสลดใจ แล้วพิจารณาธรรมจนบรรลุเป็นพระอรหันต์ ณ ที่นั้นเอง

.....ที่บ้านหมอชีวก พระบรมศาสดามิได้กระทำอนุโมทนา ตรัสว่า ในวัดยังมีเหลือพระภิกษุอยู่รูปหนึ่ง หมอชีวกจึงส่งคนไปดู ปรากฏว่าคนรับใช้เห็นพระภิกษุพันรูปเต็มวัดไปหมด ที่พระจุลปันถกเนรมิตไว้ด้วยฤทธิ์ คนรับใช้วิ่งกลับไปบอกหมอชีวก พระบรมศาสดาจึงรับสั่งว่า ให้เรียกชื่อดังๆ หากรูปไหนขานรับขึ้นก่อนให้จับมือพระรูปนั้นไว้ แล้วพามายังที่นิมนต์ คนรับใช้ก็ทำตาม เมื่อพระจุลลปันถกมาถึงแล้วได้รับภัตตาหารพร้อมทั้งอนุโมทนา

.....วันรุ่งขึ้น พระภิกษุต่างพากันสรรเสริญพระคุณของพระบรมศาสดา ครั้นพระพุทธองค์ทรงทราบความแล้ว ได้ตรัสว่า พระจุลลปันถกบรรลุถึงความเป็นใหญ่ในธรรมในชาตินี้ เพราะอาศัยพระองค์ แต่ในอดีต พระจุลลปันถกถึงความเป็นใหญ่ในทรัพย์สมบัติ ก็เพราะอาศัยพระองค์เช่นกัน จากนั้นทรงระลึกชาติหนหลัง แล้วตรัสเล่า จุลลกเศรษฐีชาดก

 
:: ข้อคิดจากชาดก ::
 

.....(๑) ข้อคิดสำหรับผู้เริ่มสร้างฐานะ
          ๑.๑. ไม่เป็นคนเลือกงาน
          ๑.๒. ไม่เป็นคนเกียจคร้าน
          ๑.๓. ไม่เป็นคนทำงานสะเพร่า

.....(๒) คนที่ประสบความสำเร็จในชีวิต จะต้องประกอบด้วยองค์คุณ ๔ ประการ คือ
          ๑. เป็นผู้มีความรู้ดี
          ๒. เป็นผู้มีความสามารถดี
          ๓. เป็นผู้มีความประพฤติดี
          ๔. เป็นผู้มีบุญเก่าสร้างสมไว้ดี

 
 

Home  | นิทานชาดก