หน้าแรกกัลยาณมิตร กัลยาณมิตร กัลยาณมิตร กัลยาณมิตร สื่อธรรมะ กัลยาณมิตร กัลยาณมิตร
กัลยาณมิตร กัลยาณมิตร กัลยาณมิตร กัลยาณมิตร กัลยาณมิตร กัลยาณมิตร กัลยาณมิตร

 

 

 

 

 

 






ภาพ  ป๋องแป๋ง
ลงสี  ปูเป้
   ในอดีตกาลนานนับ
อสงไขยกัป มีวานรโทน
ตัวหนึ่งอาศัยอยู่ในป่าใหญ่
ใกล้แม่น้ำแห่งหนึ่ง
  เมื่อเจริญวัยเต็มที่ ก็เป็น
วานรที่มีร่างกายใหญ่โต
กำยำ มีเรี่ยวแรงแข็งขัน
ดังพญาช้างสาร ผิดกว่า
วานรตัวใดทั้งสิ้น
  แม่น้ำสายที่ไหลผ่านป่าแห่งนี้ เป็นแม่น้ำที่กว้างใหญ่มาก มีเกาะกลางน้ำอยู่เกาะหนึ่ง อุดมด้วยผลไม้นานาชนิด สัตว์บกอื่นใดในป่าไม่อาจข้ามไปกินได้ นอกจากวานรตัวนี้เท่านั้น

ถึงแม้พญาวานรจะมีกำลังมาก แต่ก็ไม่สามารถกระโจน
รวดเดียวไปถึงเกาะได้ จำต้องอาศัยโขดหินแผ่นหนึ่ง
กลางลำน้ำ เป็นที่พักเท้ากระโจนข้ามไปอีกทอดหนึ่ง

ในย่านนี้ มีจระเข้ ๒ ตัวผัวเมีย อาศัยอยู่ใกล้ๆ
เกาะ คอยดักจับสัตว์ที่เผลอมากินน้ำเล่นน้ำ
ตามชายฝั่งเป็นอาหารอยู่เนืองๆ

  คราวหนึ่งนางจระเข้
เกิดแพ้ท้อง นางเหลือบ
เห็นพญาวานรกระโจน
ข้ามแม่น้ำไป ทำให้นึก
อยากกินหัวใจวานรขึ้น
มาทันที

จระเข้สามีรับปากจะจับพญาวานรมาให้ แต่เมื่อเห็นความ
คล่องแคล่วว่องไวของพญาวานรแล้วก็ชักท้อใจ

ในที่สุดพญาจระเข้ก็คิดอุบายได้ ในวันรุ่งขึ้น พญาจระเข้ก็คลานขึ้นไปนอนหมอบนิ่งบน
แผ่นหิน ซึ่งพญาวานรใช้เป็นที่กระโดด

  พญาจระเข้หมอบนิ่ง
ไม่กระดุกกระดิก รอคอย
เวลาที่เหยื่อจะกลับมา
จากหากินในตอนเย็น
ซุกหัวซุกหางอย่างดี
ด้วยเกรงว่าจะเป็นพิรุธ
ให้พญาวานรสังเกตได้
  พอตกเย็นพญาวานรเที่ยวเก็บผลไม้บนเกาะกินจนอิ่มหนำสำราญดีแล้ว ก็มุ่งหน้ากลับที่อยู่ของตน
แต่เมื่อมองดูแผ่นหินที่ตนใช้กระโดด พญาวานรก็รู้สึกผิดสังเกต
  พญาวานรต้องการ
ตรวจสอบให้แน่ใจ
จึงคิดอุบายโดย
แสร้งตะโกนด้วย
สำเนียงอันคุ้นเคย
ออกไปว่า
  เท่านี้เอง พญาจระเข้ก็หลงกลเพราะความรู้และความช่างสังเกตมีน้อย
หลงคิดว่าพญาวานรกับแผ่นหินนี้ คงเคยพูดเล่นกันทุกวัน
พญาจระเข้หลงเชื่อว่าพญาวานรจะยอมสละ
ชีวิตแก่ตนจริงๆ จึงอ้าปากคอย โดยลืมคิดถึง
ธรรมชาติของตนว่า เมื่ออ้าปากตาก็จะปิดสนิท
 ทันทีที่พญาจระเข้อ้าปาก พญาวานรก็เผ่นลิ่วลงเหยียบหัวจระเข้อย่าง
เหมาะเจาะ แล้วถีบตัวข้ามต่อไปยังฝั่งตรงข้ามในชั่วพริบตา
เมื่อพญาวานรกระโดดมายังฝั่งตรงข้ามได้แล้ว พญาจระเข้ก็รู้ตัวว่าหลงกลพญาวานร แต่ก็หวนคิดอัศจรรย์ใจว่า
 พญาจระเข้ได้คลายความแค้นเคือง กลับนึกรักในน้ำใจพญาวานร แล้วกล่าวสรรเสริญด้วยความจริงใจ จากนั้นพญาจระเข้ ก็กลับสู่ที่อยู่ของตน ส่วนพญาวานรก็เที่ยวหากินอยู่แต่เฉพาะป่านั้น ไม่ข้ามไปที่เกาะกลางน้ำอีกจนตลอดอายุขัย
Copyright © Dhammakaya Foundation. All rights reserved.
 
จบ
 
ที่มา : หนังสือนิทานชาดก โดย พระภาวนาวิริยคุณ  



 
วานรินทชาดก
 
:: สาเหตุที่ตรัสชาดก ::

.....ในสมัยพุทธกาล นับแต่พระศาสดาทรงตรัสรู้ พระพุทธองค์ทรงเสด็จจาริกไปเผยแผ่พระพุทธศาสนายังที่ต่างๆ พร้อมด้วยพระอรหันตสาวก ยังความเลื่อมใสศรัทธาแก่มหาชน ก่อเกิดพุทธบริษัทเป็นจำนวนมาก

..... ขณะเดียวกันพระเทวทัตผู้มีจิตริษยาพระพุทธองค์ฝังลึกมาช้านาน ได้พยายามทำลายความเลื่อมใสศรัทธาของพุทธศาสนิกชนที่มีต่อพระพุทธองค์ในทุกวิถีทาง เมื่อใดที่พระสงฆ์สาวกได้ทราบข่าวพระเทวทัตวางแผนร้าย ต่างวิตกกังวลยิ่งนัก ขออาสาปกป้องพระพุทธองค์ด้วยตนเอง

..... พระศาสดาทรงปลอบโยนเหล่าพระสงฆ์สาวกให้คลายวิตกกังวลอยู่เสมอๆ และไม่ทรงอนุญาตให้ขัดขวางการกระทำของพระเทวทัต แต่พระสงฆ์สาวกที่มีความห่วงใยต่างก็สนทนากันในเรื่องนี้อีกในธรรมสภา พระศาสดาเสด็จผ่านมาได้ยินเข้า จึงทรงปลอบโยนให้คลายความวิตกกังวล เสด็จไปประทับ ณ พุทธอาสน์ ท่ามกลางสงฆ์ทั้งหลาย ทรงระลึกชาติแต่หนหลังด้วยบุพเพนิวาสานุสติญาณแล้วตรัสเล่า วานรินทชาดก

 
:: ข้อคิดจากชาดก ::
 

.....๑ . สิ่งที่คนเราต้องพยายามฝึกให้ได้คือ ความช่างสังเกตเพราะคนช่างสังเกต มักรู้ถึงความผิดปกติได้โดยง่าย จึงสามารถป้องกันเหตุร้ายได้ทันท่วงทีเสมอ แม้จะตกอยู่ในอันตราย ก็ยังสามารถเอาตัวรอดได้

.....๒ . การนั่งสมาธิให้ได้ผล ต้องฝึกตัวให้มีคุณธรรม ๔ ประการด้วย คือ สัจจะ ธรรมะ ธิติ จาคะ

 
 

Home  | นิทานชาดก