หน้าแรกกัลยาณมิตร กัลยาณมิตร กัลยาณมิตร กัลยาณมิตร สื่อธรรมะ กัลยาณมิตร กัลยาณมิตร
กัลยาณมิตร กัลยาณมิตร กัลยาณมิตร กัลยาณมิตร กัลยาณมิตร กัลยาณมิตร กัลยาณมิตร

 

 

 

 

 

 






ภาพ  ป๋องแป๋ง
ลงสี  ปูเป้


หลังจากนั้น
เวลาผ่านไป
ได้ไม่นาน

 พ่อค้าที่เป็นพาล
ได้กลับมาหาสอง
ยายหลานเพื่อจะ
เอาถาดทอง

เมื่อยายเปิดประตูออกมาพบพ่อค้าที่เป็นคนพาล จึงทำการต่อว่า และเล่าความจริงให้ทราบว่า ตนได้ขายถาดทองคำ ใหักับพ่อคัาที่เป็นบัณฑิตไปแล้วด้วยราคาที่สูงมาก

เมื่อพ่อค้าที่เป็นพาลได้ยินว่ามีคนซื้อถาดไปแล้ว จึงเสียใจถึงกับเป็นลมหมดสติ

 เมื่อฟื้นขึ้นมาก็นำ
ข้าวของทั้งหมด
เทกระจัดกระจาย
พูดพร่ำเพ้อเหมือน
คนเสียสติ

 เมื่อเหลือบไปเห็นตาชั่งก็เกิดอารมณ์พลุ่งพล่านด้วยความเสียดายถาดทองคำ จึงวิ่งไปที่ท่าเรือ
 ณ ท่าเรือข้ามฟาก พ่อค้าที่เป็นบัณฑิต ได้นั่งเรือข้ามฟากไปยังอีกฝั่งหนึ่ง
พ่อค้าที่เป็นบัณฑิต เห็นท่าไม่ดี จึงให้เจ้าของเรือรีบพายไปยังอีกฟากหนึ่งโดยเร็ว
เมื่อเห็นเรือไม่หวนกลับมารับตน จึงเกิดความอาฆาตพยาบาท และได้ก้มลงเอามือกำเม็ดทรายไว้
แล้วจึงตะโกนออกมาด้วยเสียงอันดัง เพื่อขอจองเวรกับพ่อค้าที่เป็นบัณฑิต เท่ากับจำนวนเม็ดทรายในกำมือ
ด้วยจิตที่เร่าร้อนแผดเผาด้วยเพลิงโทสะอันรุนแรง บีบคั้นหัวใจพ่อค้าผู้นี้แตกสลาย กระอักเลือดขาดใจตายอยู่ตรงนั้นเอง

 เมื่อพ่อค้าที่เป็นคนพาล
ได้สิ้นชีวิตแล้ว ก็ดำดิ่ง
สู่นรก เพราะมีจิตที่เต็ม
ไปด้วยความอาฆาตและ
พยาบาทจึงต้องทนทุกข์
ทรมานอยู่หลายกัป

ส่วนพ่อค้าที่เป็นบัณฑิตได้กลับบ้านตน นำถาดทองคำไปขายตั้งตัวทำการค้า ร่ำรวยเป็นเศรษฐี และได้ทำบุญจนตลอดชีวิต นับตั้งแต่นั้นมา พ่อค้าทั้งสองหากเกิดมาพบกันชาติใด ไม่ว่าจะเกิดเป็นสัตว์ เป็นมนุษย์ หรือแม้แต่เกิดเป็นญาติกัน พ่อค้าที่เป็นพาลก็ตามล้างผลาญพ่อค้าที่เป็นบัณฑิตตลอดมาทุกชาติ
Copyright © Dhammakaya Foundation. All rights reserved.
 
จบ
 
ที่มา : หนังสือนิทานชาดก โดย พระภาวนาวิริยคุณ  


 
เสรีววาณิชชาดก
 
:: สาเหตุที่ตรัสชาดก ::

.....ครั้งหนึ่ง ในสมัยพุทธกาล มีพระภิกษุรูปหนึ่งเมื่อเข้ามาบวชเรียนในพระพุทธศาสนาใหม่ ๆ ได้ตั้งใจปฏิบัติธรรมอย่างเคร่งครัดด้วยความพากเพียร แต่ยังไม่เห็นผลก็บังเกิดความท้อแท้ หมดกำลังใจคลายความเพียรลง เพื่อนภิกษุด้วยกันปรารถนาจะสงเคราะห์ภิกษุรูปนี้ จึงพากันไปเฝ้าพระสัมมาสัมพุทธเจ้า

.....พระพุทธองค์ทรงมีพระมหากรุณาธิคุณจะอนุเคราะห์ภิกษุรูปนี้ จึงทรงระลึกชาติด้วยบุพเพนิวาสานุสติญาณ แล้วตรัสว่า “ดูก่อนภิกษุ เธอบวชในศาสนาที่มีแก่นสาร ให้มรรคผลเห็นปานนี้ เมื่อละความเพียรเสียแล้ว จะต้องโศกเศร้าตลอดกาลนานเหมือนดังเสรีววาณิช ที่ไม่ได้ถาดทองมีค่านับแสนนั่นทีเดียว”

.....ภิกษุทั้งหลายได้ฟังดังนั้น จึงกราบทูลอาราธนาพระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ตรัสเรื่องของเสรีววาณิช


 
:: ข้อคิดจากชาดก ::
 

.....๑. โลภนักมักลาภหาย

.....๒. คนพาลมองเห็นโทษของผู้อื่นอยู่ร่ำไป แต่มองไม่เห็นโทษของตนเอง

.....๓. คนพาลเมื่อรู้ธรรมก็ไม่ยอมปฏิบัติตามธรรม ความรู้นั้นย่อมเป็นไปเพื่อความฉิบหายแก่เขา เพราะแม้รู้เรื่องภพชาติซึ่งเป็นเรื่องที่รู้ได้ยากยิ่งก็ยังนำความรู้นั้นไปเพื่อผูกอาฆาตจองเวร

 
 

Home  | นิทานชาดก