พระธรรมกิตติเวที พระอุปัชฌาย์ของเหล่าธรรมทายาท

วันที่ 05 มค. พ.ศ.2547

 

.....พระผู้เปี่ยมด้วยพรหมวิหารธรรม และทรงคุณอันประเสริฐ…

.....การยกย่อง บุคคลผู้สมควรแก่การยกย่อง บัณฑิตและผู้รู้ทั้งหลายย่อมสรรเสริญ แม้มนุษย์และเทวดาทั้งหลายต่างสาธุการ มุ่งจะยกคุณความดีของท่านเหล่านั้นให้เป็นที่ประจักษ์แก่อนุชนคนรุ่นหลัง ในฐานะพระภิกษุสงฆ์ผู้ดำรงตนสมฐานะพุทธบุตรแห่งพระชินสีห์ เป็นดังอัญมณีประดับไว้ในเรือนทองของพระพุทธศาสนา ทอแสงจรัสเจิดจ้าสมคุณค่า นักรบแห่งกองทัพธรรม

.....“ สมณศักดิ์ ” ที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงพระราชทานถวายแด่พระภิกษุสงฆ์ จึงเป็นเครื่องสักการะสะท้อนผลแห่งความดีงามของท่าน ให้ชนทั้งหลายได้ร่วมอนุโมทนา ยังขวัญและกำลังใจให้ท่านบำเพ็ญสมณกิจ รังสรรค์ผลงานอันทรงคุณประโยชน์ทั้งแก่พระพุทธศาสนาและมหาชนตลอดไป

.....พระธรรมกิตติเวที (ทอง สุวณฺณสาโร) ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดเบญจมบพิตรดุสิตวนาราม พระอุปัชฌาย์ของเหล่าธรรมทายาท คือ หนึ่งในสังฆบดีคู่แผ่นดิน แห่งพระมหาธรรมราชาผู้ประเสริฐ และดำรงฐานะเป็นเนื้อนาบุญอันเลิศแก่เหล่าพุทธศาสนิกชนทุกหมู่เหล่า

.....ชาติภูมิ พระธรรมกิตติเวที (ทอง สุวณฺณสาโร) มีนามเดิมว่า ทอง นาคประเสริฐ เป็นชาวจังหวัดฉะเชิงเทราโดยกำเนิด เกิด ณ ตำบลบางพระ อำเภอเมือง จังหวัดฉะเชิงเทรา เมื่อวันศุกร์ขึ้น ๑๒ ค่ำ เดือนยี่ ปีมะแม ตรงกับวันที่ ๒ มกราคม พ.ศ.๒๔๖๒

.....โยมบิดาชื่อ ห้อย และโยมมารดาชื่อ เสงี่ยม ในสกุล “ นาคประเสริฐ ”

.....บรรพชา พ.ศ.๒๔๗๙ บรรพชาเป็นสามเณร ณ เบญจมบพิตรดุสิตวนาราม โดยสมเด็จพระสังฆราช กิตติโสภณมหาเถระ (ครั้งดำรงสมณศักดิ์ที่ พระธรรมโกศาจารย์) เป็นพระอุปัชฌาย์
ได้จำพรรษาอยู่ที่วัดเบญจมบพิตรดุสิตนารามตลอดมา สามเณรทองมีความขยันหมั่นเพียรในการศึกษาพระธรรมวินัยเป็นอย่างมาก ด้วยอุปนิสัยอ่อนน้อมถ่อมตน ขวนขวายในกิจที่ชอบของหมู่คณะ จึงได้รับความไว้วางใจของพระเถรานุเถระให้ดูแลรับผิดชอบงานบุญต่างๆ อยู่เสมอ

.....อุปสมบท วันที่ ๒๗ พฤษภาคม ปี ๒๔๘๓ อุปสมบทเป็นพระภิกษุ ณ พระอุโบสถ วัดเบญจมบพิตรดุสิตวนาราม เขตดุสิต กรุงเทพมหานคร เป็นการอุปสมบทในพระบรมราชูปถัมป์ โดยมี สมเด็จพระสังฆราช กิตติโสภณมหาเถระ (ครั้งดำรงสมณศักดิ์ที่ พระพรหมมุนี) เป็นพระอุปัชฌาย์
พระมงคลวัตรกวี (ครั้งดำรงสมณศักดิ์ที่ พระสรภาณกวี) เป็นพระกรรมวาจาจารย์ และพระราชเวที เป็นพระอนุสาวนาจารย์

.....ต่อมาเจ้าพระเดชพระคุณพระธรรมกิตติเวที ได้รับสมณศักดิ์และหน้าที่ในตำแหน่งงานพระศาสนามากมายหลายหน้าที่ จนได้รับพระราชทานเป็นพระราชาคณะที่ พระกิตติสารโศภน เมื่อปี พ.ศ.๒๔๙๙ และได้รับพระราชทานเลื่อนสมณศักดิ์ตามลำดับ จนกระทั่งปี พ.ศ.๒๕๔๔ ได้รับพระราชทานสมณศักดิ์ เป็นพระราชาคณะชั้นธรรมที่ พระธรรมกิตติเวที ศีลาจารโสภณ วิมลกิจจาทร บวรธรรมานุสิฐ มหาคณิสสร บวรสังฆาราม คามวาสี

.... แม้ในวันที่ ๒ มกราคม ปีนี้ พระเดชพระคุณท่านจะมีอายุถึง ๙๕ ปีแล้ว แต่ด้วยหัวใจของขุนพลกล้าแห่งกองทัพธรรม ท่านยังคงทุ่มเทแรงกาย แรงใจ ความคิด สติปัญญา เพื่องานพระศาสนาอย่างไม่เห็นแก่ความเหน็ดเหนื่อย ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน ท่านมีศาสนกิจมากมาย อาทิ

.....งานการปกครอง ท่านดูแลคณะสงฆ์ในเขตปกครองจนพระภิกษุสามเณรมีระเบียบวินัย เป็นที่ตั้งแห่งความเลื่อมใสศรัทธา

.....ด้านการศึกษา ท่านเคยเป็นกรรมการสนามหลวง ทั้งในแผนกธรรมและแผนกบาลี

.....ด้านงานเผยแผ่ ท่านเทศนาสั่งสอนอบรมพระภิกษุ สามเณร อุบาสก อุบาสิกาอยู่เนืองนิจ และได้รับอาราธนาให้เป็นองค์แสดงพระธรรมเทศนาในพระราชพิธีบำเพ็ญพระราชกุศลอยู่เนืองๆ

.....ในด้านสาธารณูปการ ท่านบูรณะปฏิสังขรณ์วัดวาอาราม ทั้งในและต่างประเทศ และสนับสนุนโครงการสังคมสงเคราะห์ต่างๆ กว่า ๒๐ โครงการ

.....ไม่เพียงเท่านี้ พระเดชพระคุณท่านยังเห็นประโยชน์ และให้ความสำคัญกับการอบรมเยาวชนผู้เป็นอนาคตของชาติ ให้เป็นคนดีที่สมบูรณ์ทั้งความรู้ วิชาการ เทคโนโลยีต่างๆ และคุณธรรมอันจะเป็นหลักใจในการดำเนินชีวิต สมดังคำขวัญที่ว่า “ บัณฑิต คือผู้มีความรู้คู่คุณธรรม ” เพื่อให้เขาเหล่านั้นเป็นกำลังสำคัญในการพัฒนาประเทศชาติให้เจริญรุ่งเรืองในทุกๆ ด้าน

.....โดยในการนี้ ท่านได้เมตตารับเป็นพระอุปัชฌาย์ในโครงการอบรมธรรมทายาทบรรพชา และอุปสมบทหมู่ตั้งแต่ปีพุทธศักราช ๒๕๓๒ เป็นต้นมา ซึ่งโครงการดังกล่าวได้รับความเมตตาจากท่านเจ้าประคุณสมเด็จพระพุทธชินวงศ์ อดีตเจ้าอาวาสวัดเบญจมบพิตรฯ และพระเดชพระคุณพระพรหมจริยาจารย์ เจ้าอาวาสวัดเบญจมบพิตรฯ ให้การอุปถัมป์ จนมีผู้สนใจเข้าร่วมโครงการจำนวนมาก

.....นับจากวันนั้นเป็นเวลา ๑๐ กว่าปีแล้ว ที่พระเดชพระคุณท่านได้เมตตาให้การสนับสนุนโครงการอบรมธรรมทายาท บรรพชาและอุปสมบทหมู่ แม้ท่านจะมีภารกิจมาก หรือมีอายุมากขึ้นก็ตาม แต่ด้วยมุ่งถึงประโยชน์แห่งพระพุทธศาสนาเป็นสำคัญ ท่านจึงได้เสียสละ และได้ทุ่มเทให้กับเหล่าธรรมทายาท จวบจนปัจจุบันพระเดชพระคุณท่านมีสิทธิวิหาริกกว่า ๕,๐๐๐ รูป จาก ๒๔ โครงการ

.....ทุกครั้งที่ท่านได้เมตตามาเป็นพระอุปัชฌาย์ ท่านจะตอกย้ำกับสัทธิวิหาริกของท่านให้ตระหนักซาบซึ้ง เลื่อมใสศรัทธาในพระคุณแห่งองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า พระธรรม และพระสงฆ์ผู้เป็นเนื้อนาบุญของโลกให้ยิ่งๆ ขึ้นไป อันเป็นหลักสำคัญในการดำเนินชีวิต ซึ่งจะว่างเว้นเสียมิได้

.....นอกจากนี้พระเดชพระคุณท่านยังสอนให้สัทธิวิหาริก รู้ถึงความเป็นผู้มีบุญลาภของการได้บรรพชาอุปสมบทในบวรพุทธศาสนา และให้มีความกตัญญูกตเวที รู้คุณและตอบแทนคุณของพระศาสนาเท่าที่สามารถ โอวาทอันทรงคุณค่าที่พระเดชพระคุณท่านมอบให้เหล่าพระธรรมทายาทนั้น มีคุณเอนกประการ ทำให้เหล่าธรรมทายาทรู้สึกซาบซึ้งในพระคุณของพระเดชพระคุณท่านอย่างยิ่ง

.....จึงขอน้อมนำคำพร เป็นตัวอักษรต่างพวงมาลัยดอกไม้อันงามวิจิตร ต่างธูปหอมเทียนหอม น้อมนบสักการะบูชา พระเดชพระคุณพระธรรมกิตติเวที พระอุปัชฌาย์ของเหล่าธรรมทายาท ด้วยความเคารพบูชาอย่างสูงยิ่ง

.....เพราะรู้ซึ้งแล้วว่า ไม่ว่าวันเวลาจะผ่านไปนานเท่าใด ต้นโพธิ์ใหญ่ต้นนี้ ยังคงยืนต้นแข็งแรง
แผ่กิ่งก้านใบกว้างขวาง ให้ความร่มเย็นแก่ผู้มาพักพิงอยู่เสมอ ท่านคือต้นบุญต้นแบบให้กับชาวโลก ผู้ชูคบธรรมนำทางชีวิต ปิดหนทางอบาย เปิดหนทางสวรรค์ และมรรคผลนิพพานให้แก่หมู่ชนทั้งหลาย

.....ภาพ หรือตัวอักษรในหน้ากระดาษแผ่นนี้ คงเป็นเพียงส่วนหนึ่งของพระคุณอันยิ่งใหญ่ ที่พระเดชพระคุณท่านมีต่อเหล่าธรรมทายาท ผู้ซึ่งไม่อาจประกาศคุณท่านได้หมดสิ้น

… ว่าท่านคือ พระอุปัชฌาย์ ผู้เป็นดัง บิดา ผู้ให้กำเนิดชีวิตใหม่ในเพศสมณะ ได้หยั่งรากลึกต้นกล้าแห่งธรรมบนผืนดิน รอวันเจริญรุ่งเรืองสว่างไสว ให้ร่มเงาเฉกเช่นใม้ใหญ่…สืบไป
 

 

 

อุบลเขียว

 

 

 ยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคล Total Execution Time: 0.0011071006457011 Mins