๑๒๘ ปี พระมงคลเทพมุนี (สด จนฺทสโร) ผู้ค้นพบวิชชาธรรมกาย

วันที่ 01 กย. พ.ศ.2555

๑๒๘ ปี พระมงคลเทพมุนี (สด จนฺทสโร) ผู้ค้นพบวิชชาธรรมกาย พระผู้ปราบมาร

               "วันนี้เป็นไงเป็นกัน หากเราไม่บรรลุธรรมที่พระบรมไตรโลกนาถได้ทรงบรรลุล่ะก็ เราจะถวายชีวิตเป็นพุทธบูชา หากเราจะต้องตายไปในครั้งนี้ ก็จะได้เป็นเยี่ยงอย่างแก่ผู้ที่จะตามมาภายหลัง จะได้ยึดถือเป็นแบบปฏิบัติต่อไป ก็จะได้อานิสงส์อีกโสดหนึ่ง" 

               พระมงคลเทพมุนี (สด จนฺทสโร) ฉายา จนฺทสโร หมายถึง ผู้นำแสงสว่างมาสู่โลก ประดุจพระจันทร์ส่องสว่างยามราตรี เป็นพระราชาคณะชั้นเทพ ฝ่ายวิปัสสนาธุระ มีนามตามสัญญาบัตรประกอบพัดยศสมณศักดิ์ว่า พระมงคลเทพมุนี ศรีรัตนปฏิบัติ สมาธิวัตรสุนทร มหาคณิสสร บวรสังฆาราม คามวาสี ศิษยานุศิษย์ได้กล่าวนามด้วยความเคารพว่า หลวงปู่วัดปากน้ำภาษีเจริญ 

               เดิมชื่อ สด มีแก้วน้อย เกิดเมื่อวันที่ ๑๐ ตุลาคม พ.ศ. ๒๔๒๗ ตรงกับวันศุกร์ แรม ๖ ค่ำ เดือน ๑๑ ปีวอก ฉศก จุลศักราช ๑๒๔๖ในสมัยรัชการที่ ๕ ณ ตำบลสองพี่น้อง อำเภอสองพี่น้อง จ.สุพรรณบุรี เป็นบุตรคนที่สองของนายเงินและนางสุดใจ มีแก้วน้อย มีพี่น้องร่วมมารดาบิดา ๕ คน 


ตั้งใจบวชตลอดชีวิต

               
เมื่อบิดาได้ถึงแก่กรรม จึงรับภาระดูแลการค้าแทน วันหนึ่งนำเรือกลับจากการขายข้าวผ่าน คลองบางอีแท่น ซึ่งได้ชื่อว่ามีโจรผู้ร้ายชุกชุม ท่านนึกถึงความตายขึ้นมา และได้อธิษฐานจิตในขณะนั้นว่า "ขอเราอย่าได้ตายเสียก่อนเลย ขอให้ได้บวชเสียก่อน เมื่อบวชแล้วจะไม่ลาสิกขา ขอบวชไปจนตลอดชีวิต" 

               การหาเงินเลี้ยงชีพนั้นลำบาก บิดาของเราก็หามาอย่างนี้ ต่างไม่มีเวลาว่างกันทั้งนั้น … บุรพชนต้นสกุลก็ทำมาอย่างนี้เหมือนกัน จนถึงบิดาเราและตัวเราในบัดนี้ ก็คงทำอยู่อย่างนี้ ก็บัดนี้บุรพชนทั้งหลายได้ตายไปหมดแล้ว แม้เราก็จักตายเหมือนกัน เราจะมัวแสวงหาทรัพย์อยู่ทำไม ตายแล้วเอาไปไม่ได้ บวชดีกว่า ท่านบอกว่าเริ่มอธิษฐานมาตั้งแต่อายุ ๑๙ ปี จึงเร่งทำงานสะสมทรัพย์ เพื่อให้มารดาเอาไว้ใช้เลี้ยงชีพไปจนตลอดชีวิต


บวชแล้วรุ่งขึ้นลงมือปฏิบัติทันที

               
เดือนกรกฎาคม ๒๔๔๙ ท่านได้อุปสมบท เวลานั้นอายุย่างเข้า ๒๒ ปี ณ วัดสองพี่น้อง จ.สุพรรณบุรี มีฉายาว่า จนฺทสโร พระอาจารย์ดี วัดประตูศาล อ.เมือง จ.สุพรรณบุรี เป็นพระอุปัชฌายะ พระครูวินยานุโยค (เหนี่ยง อินฺทโชโต) เป็นพระกรรมวาจาจารย์ พระอาจารย์โหน่ง อินฺทสุวณฺโณ เป็นพระอนุสาวนาจารย์ 

               เมื่ออุปสมบทแล้วพอรุ่งขึ้นอีกวัน ท่านก็เริ่มลงมือปฏิบัติพระกรรมฐานต่อกับพระอาจารย์เนียม วัดน้อย อ.บางปลาม้า จ.สุพรรณบุรี ในขณะเดียวกันได้เริ่มเรียนคันถธุระไปด้วย ท่านมีข้อสงสัยอยากรู้ความหมายคำว่า อวิชฺชาปจฺจยา ซึ่งไม่มีใครทราบ เมื่อออกพรรษาจึงเดินทางมาที่วัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม เพื่อศึกษาด้านคันถธุระ 

               เมื่อถึงวันพระขึ้น ๘ ค่ำ และขึ้น ๑๕ ค่ำ ท่านก็มักไปหาพระอาจารย์สอนฝ่ายปฏิบัติสมถะวิปัสสนาผู้ทรงคุณวุฒิในสำนักต่างๆ อาทิ ท่านเจ้าคุณสังวรานุวงษ์ (เอี่ยม) วัดราชสิทธาราม (วัดพลับ), ท่านพระครูญาณวิรัติ (โป๊) วัดพระเชตุพน, สำนักของพระอาจารย์สิงห์ วัดละครทำ รวมทั้งศึกษาจากพระไตรปิฎกและคัมภีร์ต่างๆ มีมูลกัจจายน์ ธรรมบททีปนี และสารสังคหะ เป็นต้น ต่อมาในพรรษาที่ 11 จึงได้กราบลาท่านเจ้าประคุณสมเด็จพระพุฒาจารย์ (เข้ม ธมฺมสโร) อธิบดีสงฆ์วัดพระเชตุพนฯ เพื่อไปจำพรรษา ณ วัดโบสถ์บน ต.บางคูเวียง อ.บางกรวย จ.นนทบุรี เพื่อหลีกเร้นปฏิบัติธรรม 


เข้าถึงปฐมมรรค

               
กลางพรรษาที่ ๑๒ ณ วัดโบสถ์บน ต.บางคูเวียง อ.บางกรวย จ.นนทบุรี ในวันขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๑๐ ท่านได้มีความคิดที่จะกระทำความเพียรอย่างอุกฤษฏ์ตั้งแต่เช้าตรู่ เพราะหวนระลึกขึ้นว่า “ในเมื่อเราตั้งใจจริงๆ ในการบวช จำเดิมอายุ ๑๙ เราได้ปฏิญาณตนบวชจนตาย ขออย่าให้ได้ตายในระหว่างทางก่อนบวช บัดนี้ของจริง (ธรรมะ) ที่พระพุทธเจ้าท่านรู้ ท่านเห็น เราก็ยังไม่ได้บรรลุ ยังไม่รู้ไม่เห็น สมควรแล้วที่จะต้องกระทำอย่างจริงจัง” 

               เมื่อกลับจากบิณฑบาตเสร็จแล้วก็ได้เข้าเจริญภาวนาในอุโบสถ โดยตั้งใจว่า หากไม่ได้ยินเสียงกลองเพลจะไม่ยอมลุกจากที่ ขณะนั้นเวลาประมาณ ๒ โมงเช้าเศษๆ ท่านเริ่มทำความเพียรทางใจหลับตาภาวนา “สัมมา อะระหัง” เรื่อยไป ในที่สุดจิตก็ค่อยๆ สงบลงทีละน้อยๆ แล้วรวมหยุดเป็นจุดเดียวกัน เห็นเป็นดวงใสบริสุทธิ์ (ดวงปฐมมรรค/ดวงธัมมานุปัสสนาสติปัฏฐาน) ติดอยู่ที่ "ศูนย์กลางกาย" เป็นเหตุให้ใจชุ่มชื่นเบิกบานอย่างบอกไม่ถูก

               วันนั้นท่านมีความสุขทั้งวัน ดวงธรรมขั้นต้นซึ่งเป็นดวงใสสว่างก็ยังเห็นติดอยู่ที่ศูนย์กลางกายไม่ขาด ท่านได้รำพึงว่า “ความสว่างเช่นนี้ไม่เคยมีมาก่อนเลยในชีวิตของการบำเพ็ญธรรม เราไม่เคยเห็นความสว่างใดจะเทียบเท่าได้ ความสว่างแห่งดวงอาทิตย์ก็ยังห่างไกล เท่าที่เห็นอุปมาเหมือนแสงหิ่งห้อยกับโคมไฟ" ทำให้ท่านหวนระลึกถึงพระพุทธวจนะบทหนึ่งที่ว่า "นตฺถิ สนฺติ ปรํ สุขํ" แปลว่า สุขอื่นนอกจากความสงบไม่มี เมื่อใจหยุดก็เกิดความสงบ เมื่อสงบจิตย่อมเป็นสุข และได้ตั้งใจว่า 

               "วันนี้เป็นไงเป็นกัน หากเราไม่บรรลุธรรมที่พระบรมไตรโลกนาถได้ทรงบรรลุล่ะก็ เราจะถวายชีวิตเป็นพุทธบูชา หากเราจะต้องตายไปในครั้งนี้ ก็จะได้เป็นเยี่ยงอย่างแก่ผู้ที่จะตามมาภายหลัง จะได้ยึดถือเป็นแบบปฏิบัติต่อไป ก็จะได้อานิสงส์อีกโสดหนึ่ง"


เข้าถึงพระธรรมกายภายในตัว

               
เย็นวันนั้น ภายหลังจากที่ท่านลงพระปาฏิโมกข์แล้ว ท่านจึงรีบทำภารกิจส่วนตัว จากนั้น จึงเข้าไปในพระอุโบสถแต่เพียงรูปเดียว เมื่อกราบพระประธานแล้ว จึงได้ตั้งสัตยาธิษฐานว่า 

               “ขอพระองค์ได้ทรงพระกรุณาโปรดข้าพระพุทธเจ้า ทรงประทานธรรมที่พระองค์ได้ทรงตรัสรู้อย่างน้อยที่สุดแลง่ายที่สุด ที่พระองค์ได้ทรงบรรลุแล้วแด่ข้าพระพุทธเจ้า ถ้าข้าพระพุทธเจ้ารู้ธรรมของพระองค์แล้ว จักเกิดโทษแก่พระศาสนาของพระองค์ ขอพระองค์อย่าได้ทรงพระราชทานเลย ถ้าจะเป็นคุณแก่พระศาสนาของพระองค์แล้ว ขอพระองค์ได้ทรงพระกรุณาโปรดพระราชทานแด่ข้าพระองค์ ข้าพระองค์จะขอรับเป็นทนายในพระศาสนาของพระองค์ไปจนตลอดชีวิต”

               เมื่อได้ตั้งสัตยาธิษฐานแล้วท่านก็เริ่มนั่งหลับตาเจริญกัมมัฏฐานต่อไป ประมาณครึ่งหรือค่อนคืน ก็เห็นผังของจริงของพระพุทธเจ้า (ธรรมกายโคตรภู) ในระหว่าง มัชฌิมยามกับปัจฉิมยามติดต่อกัน ท่านได้รำพึงขึ้นในใจว่า 

               "คมฺภีร์ โรจายํ ธรรมเป็นของลึกซึ้งถึงเพียงนี้ ใครจะไปคิดคาดคะเนเอาได้ พ้นวิสัย ของความตรึก นึก คิด ถ้ายังตรึก นึก คิด อยู่ก็เข้าไม่ถึง ที่จะเข้าให้ถึงต้องทำให้รู้ตรึก รู้นึก รู้คิด นั้นหยุดเป็นจุดเดียวกัน แต่พอหยุดก็ดับ แต่พอดับแล้วก็เกิด ถ้าไม่ดับแล้วไม่เกิด นี้เป็นของจริง หัวต่อมีเป็นอยู่ตรงนี้ ถ้าไม่ถูกส่วนดังนี้ก็ไม่มี ไม่เป็นเด็ดขาด" 

               รำพึงอย่างนี้สักครู่ใหญ่ เกรงว่าความมีความเป็นนั้นจะเลือนไปเสียจึงเข้าที่ ดำรงสมาธิมั่น ต่อไปตลอดปัจฉิมยาม ในขณะดำรงสมาธิมั่น อยู่อย่างนั้น เห็นวัดบางปลา ปรากฏขึ้นในนิมิต จึงเกิดญาณทัสสนะขึ้นอยู่ว่า ธรรมที่รู้ว่าได้ยากนั้น ในวัดบางปลานี้จะต้องมีผู้รู้เห็นได้อย่าง แน่นอน ออกพรรษาแล้วได้ไปสอนที่วัดบางปลาราว ๔ เดือน มีพระทำเป็น (ได้เข้าถึงธรรมกาย) ๓ รูป คือ พระสังวาลย์ พระแบน และพระอ่วม กับคฤหัสถ์ ๔ คน นับแต่นั้นมาหลวงพ่อฯ ก็เป็นพระวิปัสสนาจารย์ที่คนเคารพรู้จักและยกย่องบูชากันทั่วไป


สมเด็จพระสังฆราชองค์ที่ ๑๗ นิพนธ์ “ธรรมกายนั้นให้ผลแก่ผู้ปฏิบัติ”

               
คำว่า "ธรรมกาย" นี้ มีพระบาลีรับรองมากมาย ปรากฏเช่นใน อัคคัญญสูตร ทีฆนิกาย ปาฏิกวรรค พระสุตตันตปิฎก ว่า “ตถาคตสฺส วาเสฏฺฐ เอตํ ธมฺมกาโยติ วจนํ … ดูกร! วาเสฏฐะ ธรรมกายนี้เป็นชื่อของพระตถาคต” 

               “ตถาคตสฺส เหตํ วาเสฏฺฐา อธิวจนํ ธมฺมกาโย อิติปิ พฺรหฺมกาโย อิติปิ ธมฺมภูโต อิติปิ พฺรหฺมภูโต อิติปิฯ …. ดูกร! วาเสฏฐะและภารทวาชะ คำว่าธรรมกายก็ดี พรหมกายก็ดี ว่าธรรมภูตก็ดี ว่าพรหมภูตก็ดี เป็นชื่อของพระตถาคต” 

               สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ (ปุ่น ปุณฺณสิริ) สมเด็จพระสังฆราชองค์ที่ 17 วัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม ทรงพระนิพนธ์ประวัติของหลวงปู่วัดปากน้ำและคำว่า “ธรรมกาย” ไว้ ยกมาพอสังเขป ดังนี้

               “หลวงพ่อสด วัดปากน้ำ ปฏิบัติเพื่อกำจัดโทษเช่นนี้ (โลภ โกรธ หลง) มีปฏิปทาเดินสายกลาง ไม่ห่วงในลาภสักการะเพื่อตน แต่ขวนขวายเพื่อส่วนรวม กิจการนิมนต์ทางไกลถึงกับค้างคืนแล้วท่านรับนิมนต์น้อยนัก โดยท่านเคยแจ้งว่าเสียเวลาอบรมผู้ปฏิบัติ ท่านมีความมุ่งหมายใช้ความเพียรติดต่อกันทุกวัน ชีวิตไม่พอแก่การปฏิบัติ ... 

               การปฏิบัติของคณะกัมมัฏฐานวัดปากน้ำ ย่อมเป็นไปตามระเบียบที่หลวงพ่อได้วางไว้ ...ธรรมกายของวัดปากน้ำแพร่ปรากฏไปแทบทุกจังหวัด ยิ่งกว่านั้นยังไปแสดงธรรมานุภาพยังภาคพื้นยุโรปด้วย …ธรรมกายนั้นให้ผลแก่ผู้ปฏิบัติเป็นมหัศจรรย์ จะเป็นเด็กหรือผู้ใหญ่ ภิกษุหรือสามเณร เมื่อได้ปฏิบัติถึงขั้นก็ได้ธรรมกายเหมือนกัน หลวงพ่อชอบพูดแก่ใคร ๆ ว่า เด็กคนนั้นได้ธรรมกายและชอบยกเด็ก ๆ ขึ้นอ้าง ลักษณะนี้เป็นอุบายวิธีให้ผู้ใหญ่สนใจด้วย ... อาจเกิดอุตสาหะในการปฏิบัติธรรม...”


๑๒๘ ปี หลวงปู่วัดปากน้ำ หล่อรูปเหมือนทองคำองค์ใหม่

               ในวาระ ๑๒๘ ปี หลวงปู่วัดปากน้ำ นับเป็นโอกาสบุญพิเศษสำหรับชาวพุทธทั่วโลก เนื่องจากในวันที่ ๒๒ เมษายน พ.ศ. ๒๕๕๕ วัดพระธรรมกาย จ.ปทุมธานี ได้จัดงานวันคุ้มครองโลก โดยภาคเช้า พระเทพญาณมหามุนี (หลวงพ่อธัมมชโย) นำสาธุชนสวดมนต์บูชาพระรัตนตรัยและเจริญสมาธิภาวนา จากนั้นเป็นพิธีมอบมอบกองทุนหนุนแรงใจช่วยครู ๔ จังหวัดชายแดนภาคใต้ และพิธีถวายภัตตาหารเป็นสังฆทาน

               ภาคบ่าย เป็นพิธีเจริญพระพุทธมนต์และพิธีถวายมหาสังฆทานแด่คณะสงฆ์ ๒๐,๐๐๐ กว่าวัดทั่วประเทศ รวมถึงพุทธบุตร ๒๘๖ วัด ใน ๔ จังหวัดชายแดนภาคใต้ กว่า ๑๐๐,๐๐๐ รูป และในภาคค่ำ ๑๘.๐๐ น. ประกอบพิธีหล่อรูปเหมือนทองคำพระมงคลเทพมุนี (สด จันทสโร) ผู้ค้นพบวิชชาธรรมกาย ณ ลานธรรม มหาธรรมกายเจดีย์ 

               จึงขอเรียนเชิญพุทธศาสนิกชนและผู้มีบุญทั่วโลก ร่วมงานบุญใหญ่ในวันคุ้มครองโลก ๒๒ เมษายน ณ วัดพระธรรมกาย ระหว่างเวลา ๐๙.๓๐ - ๑๙.๐๐ น. สอบถามรายละเอียดได้ที่ โทร.๐๒-๘๓๑-๑๐๐๐, ๐๒-๘๓๑-๑๒๓๔ หรือ 

 ยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคล Total Execution Time: 0.002739683787028 Mins