กินมังสวิรัติได้บุญจริงหรือ

วันที่ 02 พค. พ.ศ.2556

คำถามจากทางบ้าน:

มีความเชื่อว่า คนกินมังสวิรัติจะมีอายุยืน และได้บุญมากจริงไหมคะ และการทำเช่นนี้จะส่งผลไปในภพชาติหน้าอย่างไรคะ

 

 

ที่นี่มีคำตอบ:

คนเราที่มีอายุยืนหรืออายุสั้น ขึ้นอยู่กับว่า มีกรรมปาณาติบาตในอดีตมาหรือไม่ อย่างคนดื่มเหล้าบางคนก็อายุยืน บางคนก็อายุสั้น โดยสรุปถ้ามีกรรมปาณาติบาต จะกินหรือไม่กินมังสวิรัติอายุก็สั้น แต่ถ้าไม่มีกรรมปาณาติบาต จะกินหรือไม่กินมังสวิรัติอายุก็ยืน คนเราจะอายุยืนหรืออายุสั้น ขึ้นอยู่กับบาปกรรมปาณาติบาต ไม่ได้เกี่ยวกับเรื่องอาหาร

ส่วนจะได้บุญมากหรือน้อย ก็ขึ้นอยู่กับว่า แม้จะกินมังสวิรัติหรือไม่กินมังสวิรัติก็ตาม หากกินแล้วได้ทำบุญกิริยาวัตถุ ๑๐ ประการ* มากหรือน้อยเพียงใด ถ้าทำมาก ก็ได้บุญมาก ถ้าทำน้อยก็ได้บุญน้อย ภพชาติต่อไปจึงขึ้นอยู่กับทำบุญดังกล่าวมากหรือน้อย

* บุญกิริยาวัตถุ ๑๐ คือ
๑. ให้ทาน                                            ๒. รักษาศีล
๓. เจริญสมาธิภาวนา                          ๔. ประพฤติอ่อนน้อมถ่อมตน
๕. ขวนขวายในกิจที่ชอบ                    ๖. ให้ส่วนบุญ
๗. อนุโมทนาบุญ                                ๘. ฟังธรรม
๙. แสดงธรรม                                     ๑๐. ปรับความเห็นให้ถูกต้อง

เรื่องกินมังสวิรัติกับไม่มังสวิรัติ เป็นข้อถกเถียงกันมาตั้งแต่ในสมัยพุทธกาล แต่ความเห็นส่วนตัวของครูไม่ใหญ่ จะกินหรือไม่กินก็แล้วแต่ ทำอย่างไรก็ได้ให้เราหมดกิเลสก็แล้วกัน ถ้ากินแล้วมีกำลัง ก็เอากำลังนั้นไปทำความเพียร ให้หมดกิเลสก็ดี หรือหากไม่กินมังสวิรัติ แต่ก็พยายามทำให้หมดกิเลส ก็ใช้ได้

พระสัมมาสัมพุทธเจ้าท่านก็วางเป็นกลางๆ ไว้ เนื่องจากห้ามคนฆ่าสัตว์มันยาก คือ ถ้าห้ามได้ก็ดี แต่ความจริงมันห้ามได้ยาก เพราะคนฆ่าก็อยากจะฆ่า เพราะความโลภอยากได้เงิน รวมกับวิบากกรรมปาณาติบาตของสัตว์ตัวนั้น จึงต้องมาถูกเขาฆ่า มันเป็นเรื่องโลกแตก และอีกอย่าง เวลาในโลกมนุษย์มันสั้น ถ้ามัวแต่ห้ามกันเรื่องนี้ ก็หมดเวลา ไม่ต้องสอนเรื่องอื่นกัน เพราะมัวแต่จะเถียงกันไม่จบ

เพราะฉะนั้น ในเมื่อเราห้ามเขาฆ่าไม่ได้ ให้เลือกรับประทานเนื้อตามที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงสอนไว้ คือ ไม่ได้เห็นเขาฆ่าเพื่อเรา ไม่ได้ยินว่าเขาฆ่าเพื่อเรา หรือสงสัยว่าเขาฆ่าเพื่อเรา เพราะฉะนั้น อย่าไปสงสัยซะก็หมดเรื่อง เสียทรัพย์ แต่อย่าเสียศีล เพราะเขาฆ่ามาแล้ว มันเป็นวิบากกรรมกันมา

อย่างครูไม่ใหญ่ เป็นสองอย่างเลย ตอนเป็นหนุ่ม ยังแข็งแรง ใครเอาอะไรมา ก็ฉันทั้งนั้น เอาผักมา ก็ฉันผัก เอาเนื้อมา ก็ฉันเนื้อ เอาแค่พอมีกำลัง แต่พออายุมากขึ้น ตอนนี้กินเจ แต่เจเขี่ย คือ เขาทำอาหารมา ก็จะมีทั้งผักทั้งเนื้อผสมกัน แต่ครูไม่ใหญ่จะเขี่ยเนื้อออก แล้วฉันแต่ผักกับน้ำ เพราะว่าระบบย่อยไม่ค่อยดีเหมือนตอนหนุ่มๆ กินเพื่อสุขภาพ ดังนั้น ครูไม่ใหญ่เป็นทั้งมังสวิรัติด้วย แล้วก็ไม่ใช่มังสวิรัติด้วย แต่ว่ามังสวิรัติไม่สมบูรณ์ ฉันแล้วมีกำลัง เราก็ทำความเพียรกันไป เพราะฉะนั้น เอาว่าอะไรก็ได้ที่มันถูกกับขันธ์ ธาตุ อายตนะของเรา แล้วทำให้การปฏิบัติธรรมได้ผลดี เราก็เอาอย่างนั้น

แต่ก็ให้ยึดหลักที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าท่านวางเอาไว้ คือ ถ้าเป็นพระ จะฉันเนื้อ ให้เว้นเนื้อ ๑๐ อย่าง คือ เนื้อมนุษย์ เนื้อช้าง เนื้อม้า เนื้อสุนัข เนื้องู เนื้อราชสีห์ เนื้อเสือโคร่ง เนื้อเสือเหลือง เนื้อเสือดาว และเนื้อหมี ซึ่งล้วนแต่เป็นเนื้อสัตว์ร้ายๆ ทั้งนั้น ซึ่งเราไม่ค่อยจะเจอเท่าไร ส่วนใครที่รับประทานมังสวิรัติ ก็อย่าไปคิดว่า เราดีกว่าคนอื่น หรือเราไม่ได้รับประทาน เราก็อย่าไปคิดว่า เราด้อยกว่าคนอื่น มันจะเป็นเหตุให้ทะเลาะกัน จนกระทั่งหมดเวลาในเมืองมนุษย์ เอาเป็นว่าทำอย่างไรก็ได้ให้กำจัดกิเลสอาสวะให้หมดไปก็แล้วกัน



 

ที่นี่มีคำตอบ ฉบับมินิ เล่ม ๓ บุญคือเพื่อนซี้
โดย คุณครูไม่ใหญ่
๑๒ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๔๘

 ยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคล Total Execution Time: 0.012971166769663 Mins