พระสัมมาสัมพุทธเจ้าในกัปปัจจุบัน (ตอน ๓)

วันที่ 04 มีค. พ.ศ.2548

 

 

.....พระสมณโคดมสัมมาสัมพุทธเจ้าของเรา ทรงมีคุณสมบัติทุกประการตามพุทธวงศ์ในอดีต แต่ที่ดูเหมือนจะมีระยะพุทธกาลไม่มากนัก ก็ตรงที่ทรงมาอุบัติตรัสรู้ในเวลาที่มนุษย์มีอายุขัยน้อยที่สุด คือ ๑๐๐ ปี เหล่ามนุษย์มีกิเลสห่อหุ้มใจมาก ทำให้ปัญญาเกิดได้ยาก อย่างไรก็ดี พระตถาคตเจ้าก็ได้ทรงอุบัติขึ้นมาเป็นกัลยาณมิตรที่ยอดเยี่ยมของชาวโลกแล้ว แม้เวลานี้จะห่างจากกาลเวลาที่พระองค์ทรงมีพระชนม์ชีพอยู่เกินกว่า ๒ , ๕๐๐ ปีก็ตาม คำสั่งสอนของพระองค์ยังคงเหลืออยู่ พระสงฆ์ผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบตาม ยังมีเห็นเป็นตัวอย่าง

เราซึ่งได้เกิดมาโดยมีคุณสมบัติครบทั้ง ๕ อย่าง จึงนับว่าเป็นผู้ที่มหาโชคมหาลาภอันประเสริฐ จึงควรใช้เวลาในชีวิตให้ได้ประโยชน์เต็มที่ ไม่ให้เสียชาติเกิด คุณสมบัติทั้ง ๕ นั้น คือ

๑. ได้เกิดเป็นมนุษย์ที่มีอวัยวะสมบูรณ์ ไม่ขาดตกบกพร่อง มีสติปัญญาดี

๒. เกิดในเวลาที่ยังมีคำสอนในพระพุทธศาสนาเผยแพร่อยู่

๓. ได้อยู่ในที่ที่มีโอกาสมีกัลยาณมิตรได้ศึกษาเล่าเรียนและปฏิบัติตามคำสอนนั้น

๔. ได้เกิดในตระกูลสัมมาทิฏฐิ ผู้คนที่แวดล้อมล้วนแต่เป็นสัมมาทิฏฐิ

๕. ตนเองเป็นคนมีสัมมาทิฏฐิ

สมบัติทั้ง ๕ มีความสำคัญยิ่งในการช่วยให้ดำเนินชีวิตได้ประโยชน์สมบูรณ์เต็มที่

ข้อแรกการได้เกิดเป็นมนุษย์เป็นสิ่งจำเป็น เพราะเป็นสัตว์ที่มีสติปัญญาสามารถพัฒนาตนเองให้ประสบผลสำเร็จได้ง่าย โดยเฉพาะการเห็นแจ้งในอริยสัจ ๔ ซึ่งต้องมองให้เห็นว่าชีวิตไม่ว่าจะเกิดเป็นอะไรต้องประสบทุกข์ทั้งสิ้น ชีวิตความเป็นอยู่ของมนุษย์มองเห็นความทุกข์ รู้จักว่าสิ่งใดเป็นทุกข์บ้าง ต่อจากนั้นก็หาสาเหตุของทุกข์ให้พบ ซึ่งก็มาจาก “ ความอยาก” อย่างเดียวเท่านั้น อยากอย่างนั้น อยากอย่างนี้ ไม่ได้ตามที่อยากจึงต้องทุกข์ เลิกอยาก หยุดอยากลงได้เมื่อใด ความทุกข์ก็หมดไป สภาพหมดทุกข์ซึ่งเรียกว่านิพพานนั้นต้องทำให้แจ้ง คือให้รู้เห็นจริง ส่วนวิธีดับทุกข์ซึ่งได้แก่ มรรคมีองค์ ๘ นั้น ต้องทำให้เจริญ

ถ้าเกิดเป็นสัตว์ในภูมิอื่นเห็นความจริงเหล่านี้ได้ยาก เช่น เป็นสัตว์ในอบายภูมิ สัตว์นรก เปรต อสุรกาย มีทุกข์มากเสียจนหมดปัญญาที่จะนึกถึงเรื่องอะไรทั้งสิ้น เป็นสัตว์เดรัจฉาน แค่หาอาหารกินให้อิ่มท้องไปมื้อๆ หนึ่ง ก็ยากลำบาก ปัญญาเรื่องอื่นจึงไม่มี ส่วนสัตว์ที่เกิดในสุคติภูมิที่ดียิ่งกว่ามนุษย์ เช่น เทวดา พรหม ก็มักมีความสุขมากเกินไป อายุยืนเกินไป ทำให้ประมาท มองไม่เห็นความทุกข์ จึงไม่สนใจพัฒนาจิตใจตนเอง

แม้ว่าได้เกิดเป็นมนุษย์ซึ่งเป็นสัตว์ที่ดีแล้วก็จริง แต่ถ้าต้องพิกลพิการ เช่น ตาบอด หูหนวก ใบ้ บ้า ปัญญาอ่อน ก็ไม่สามารถพัฒนาปัญญาอะไรได้มาก ถ้าเกิดเป็นมนุษย์ในเวลาที่ไม่มีคำสอนในพระพุทธศาสนา ย่อมไม่มีโอกาสสร้างบารมีเพื่อการเลิกเกิดอยู่ดี เพราะขาดกัลยาณมิตร เช่น ครูบาอาจารย์ที่นำคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้ามาแนะนำตักเตือน แม้ว่าขณะนั้นมีคำสอนอยู่ แต่ถ้าไปเกิดเสียในถิ่นที่ห่างไกล เป็นชาวป่า ชาวเขา หรือสถานที่พระพุทธศาสนาแผ่ไปไม่ถึง ก็ไร้ประโยชน์ทำนองเดียวกัน เรื่องตระกูล ถ้าจะพูดให้ง่ายเข้า ก็คือผู้คนที่เกี่ยวข้องแวดล้อมวงศาคณาญาติหรือจะรวมเอาเพื่อนพ้อง ผู้ทำงานร่วมกันด้วยก็ได้ ถ้าผู้คนเหล่านี้เป็นมิจฉาทิฏฐิหรือนับถือลัทธิเดียรถีย์ไปเสีย ย่อมเป็นอุปสรรคขวางการสร้างบารมีอย่างยิ่ง

สำหรับตนเอง ถ้าไม่มีสัมมาทิฏฐิ ทุกสิ่งก็หมดความหมายสิ้นเชิง เพราะปิดโอกาสสร้างบารมีทุกอย่างจนหมด สัมมาทิฏฐินั้นคือความเห็นชอบ ความเห็นชอบก็คือ เห็นถูกต้องตรงตามความเป็นจริง เช่น เห็นทุกอย่างไม่คงที่ ล้วนแต่เป็นกองทุกข์ คงสภาพเดิมอยู่ไม่ได้ ไม่อยู่ใต้อำนาจบังคับบัญชาของเรา เห็นจริงตามหลักกฏแห่งกรรม บุญมีจริง บาปมีจริง ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว บิดามารดามีคุณ ชาติภพต่างๆ มีจริง ฯลฯ

เห็นกามทั้งหลายที่ผู้คนมัวเมากันอยู่ทุกวันไม่ว่ารูปสวยๆ เสียงเพราะๆ กลิ่นหอมๆ รสอร่อยๆ สัมผัสเย็นนุ่มอบอุ่น ว่าเป็นของไม่ยั่งยืน เป็นของจอมปลอมหลอกลวง ล้วนแต่บ่ายหน้าไปสู่ความพินาศเสื่อมสลาย ไม่ว่ากามของมนุษย์หรือกามของทิพย์ เมื่อมีความเห็นถูกต้อง ย่อมทำให้ไม่ประมาทในชีวิต ด้วยเหตุนี้ คุณสมบัติดังกล่าวทั้ง ๕ ประการ จึงเป็นสิ่งจำเป็นที่ควรมี เปิดโอกาสให้สร้างบารมีได้สะดวก ดังนั้น ใครก็ตามมีองค์ประกอบทั้ง ๕ ดังกล่าวแล้ว จึงไม่ควรปล่อยให้เสียโอกาสอันดีไป ควรขวนขวาย เร่งรีบทำความเพียรสร้างบารมีของตนเองให้สุดกำลัง

พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทั้งหลาย มีจำนวนนับประมาณมิได้ ทรงสั่งสมพระบารมีเป็นตัวอย่างให้เราเห็น พระองค์ทรงบรรลุพระสัพพัญญุตญาณด้วยพระองค์เอง พ้นจากการเวียนว่ายตายเกิด ยังทรงช่วยสรรพสัตว์อื่นให้รู้เห็นและทำตามบรรลุความเกษมอันนั้นด้วย เป็นจำนวนมากมายเหลือคณานับ ด้วยพระมหากรุณาอันยิ่งใหญ่ แม้แต่พวกเราเองยังพลอยได้พึ่งพระมหากรุณานั้น ได้พบคำสั่งสอนของพระองค์ มีโอกาสที่จะเดินตามรอยบาท ข้อสำคัญอยู่ที่ว่าจะกล้าเดินหรือไม่ หรือจะปล่อยให้กิเลสหมุนพาไปชาติแล้วชาติเล่า เกิดๆ ตายๆ ไม่รู้จบสิ้น เกิดครั้งใดมีทุกข์ทุกครั้งไป

ในวินาทีนี้ เรามีองค์ประกอบทั้ง ๕ ข้อ ครบบริบูรณ์ดีแล้ว เรามาตั้งความปรารถนาเป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้ากันเถิด แค่เพียงตั้งใจ เราก็เป็นผู้หนึ่งที่ได้ชื่อว่า พระโพธิสัตว์แล้ว ไม่เหลือวิสัย

เป็นทาสตัณหา นานมา นับเวลาไม่ได้

เกิดแล้วตาย ตายแล้วเกิด ประเสริฐหรือ?

มาปลดคน พ้นจากนาย ให้ได้คือ

พระโพธิสัตว์ ยังช่วยรื้อ( ขนสัตว์ไว้) ไปนิพพาน

 ยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคล Total Execution Time: 0.01138086716334 Mins