วิปัสสนูปกิเลส

วันที่ 21 มิย. พ.ศ.2560

วิปัสสนูปกิเลส,วาไรตี้,บทความประจำวัน

 

วิปัสสนูปกิเลส

    เมื่อจิตของเรายิ่งบริสุทธิ์เท่าไร เราก็จะยิ่งเสวยความสุขที่แท้จริงได้มาก ได้กว้างขวาง ไม่มีขอบเขต เรียกว่าสุขเสรี เรียกว่าบรมสุข หรือบางครั้งก็เรียกว่า เอกันตบรมสุข สุขอย่างยิ่งอย่างเดียวจิตบริสุทธล้วนๆก็จะสุขอย่างนี้ แต่ถ้าบริสุทธิ์ปานกลางก็หย่อนลงมา บริสุทธิ์น้อยก็หย่อนลงมาอีกด้งนั้นจิตที่บริสุทธิ์จึงจะเสวยสุขได้เต็มที่ ไม่มีการตื่นเต้น เดี๋ยวขึ้นเดี๋ยวลงเดี๋ยวยินดียินร้าย เดี๋ยวได้เดี๋ยวเสียไม่เป็นอย่างนั้น สุขที่แท้จริงต้องเป็นอิสระอิสระจากความตื่นเต้นยินดียินร้ายต่างๆ เหล่านั้น ม้นเป็นความรู้สึกที่มนุษย์เข้าใจได้ยาก เพราะมนุษย์จิตหยาบ ดวงปัญญาก็แคบสั้น เห็นความตื่นเต้นเป็นความสุข มีได้มีเสีย สนุกสนานเพลิดเพลินก้นไป ทุกข์ทรมานกันไปอย่างนั้นเข้าใจผิดว่าสิ่งนั้นเป็นความสุข

    เพราะฉะนั้น พอจะแนะนำให้เข้าถึงสุขที่แท้จริง ก็ปฏิเสธทีเดียวบดบ้งต้วเองเอาๆไวไม่ให้เข้าถึง กีดก้นตัวเองไม่ให้เข้าถึงสุขที่เสรี ไปสู่ในสุขที'มีดวามหายนะครอบงำ เนื่องจากมนุษย์ท้งหลายมีจิตที่หยาบ จนกระทั่งพระส้มมาส้มพุทธเจ้าบังเกิดขึ้น พระองค์ทรงผ่านโลกียสุขเหล่านั้นมาแล้วพบว่า ไม่ใช่สุขที่แท้จริง มีขึ้น มีลง มีไตั มีเสีย มีกำไร มีขาดทุน วนเวียนก้นไปอย่างนั้น เปลี่ยนแปลงก้นไปเรื่อยๆ แสวงหาสิงที่อยู่ในอุดมคดีไปเรื่อย ๆ แต่ไม่เจอเพราะหาผิดที่

   พระองค์ทรงผ่านโลกียสุขมาแล้ว พระองค์ก็ได้ทรงเข้าถึงโลกตดรสุข พอถึงตรงนี้เข้า ก็มีที่เทียบได้ว่าอะไรกว้างขวางกว่าก้น เมื่อพระองค์ทรงเคยเกิดมาหมด เป็นทั้งสัตว์เดรัจฉาน เป็นมนุษย์ เทวดา พรหม อะไรก็เป็นมาหมดแล้ว ตอนเป็นมนุษย์ก็เป็นมนุษย์ตั้งแต่ ล่าง ชั้นกลาง ชั้นสูง วนเวียนก้นไปอยู่อย่างนั้น
และทรงค้นพบว่าไม่เจอความสุขเลย เจอแต่ความเพลิน และความทุกข์ทรมานทุกข์มาก ทุกข์น้อยเท่านั้นเอง

   พระองค์ก็ทรงมุ่งที่จะหาสุขเสรี สุขที่แท้จริงๆ แล้วในที่สุดก็ทรงค้นพบและสรุปเอาไว้ว่า "นตุถิ สนฺดีปรํ สุขํ สุขอื่น นอกจากหยุดนิ่งไม่มี" ถ้าใจสงบ ใจหยุด ใจนิ่ง ไม่ยินดียินร้ายอะไร นิ่งเฉย ใจก็ขยายเข้าไปสู่ภายใน
สะอาดบริสุทธี์จากอุปกิเลส จากนิวรณ์ธรรม จากกามฉันทะ พยาบาท ความสงสัยความโงกง่วง ความท้อ ความฟ้งอะไรต่างๆ ฟ้งเฟ้อฝันไปเรื่อย เหลือแต่ใจนิ่งไปสู่แหล่งที่ปลอดความคิด แหล่งที่เป็นหนึ่ง เป็นเอก้คคตา หยุดสนิทนิ่งแน่นทีเดียว เป็นอ้ปปนาสมาธินิ่งแน่นสว่าง เข้าถึงความสว่างของดวงจิตที่บริสุทธิ์แล้วก็เห็นไปตา-มลำด้บ และภพทั้งหลายที่พระองค์เคยผ่านมาทรงสรุปว่า"นิพพานํ ปรมํ วทนฺติ ทุทฺธา นิพพานนั่นแหละเป็นเยี่ยม เยี่ยมกว่าภพต่างๆทั้งหมด นิพพานคือภพของกายธรรมอรหัต เป็นสุดยอดชั้นหนึ่งทีเดียว"

   สรุปกันไปอย่างนั้น ผู้รู้สรุปกันไปอย่างนี้ เพราะฉะนั้นความบริสุทธี้ของดวงจิต นิ่จะทำให้เราเสวยสุขได้เต็มที่ ถ้าจิตบริสุทธิ์ไม่ว่าจะนั้งจะนอน จะยืน จะเดิน ก็สุขตลอดเวลา เบิกบานทีเดียว ใจขยายเบิกบาน เหมือนดอกไม้ที่ขยายกลีบดอกบาน ใจก็ขยายเมื่อได้รับแสงแห่งธรรมบริสุทธี้ ขยายไปเรื่อยไม่มีขอบเขตจำกัด ความคิดความเห็นก็เปลี่ยนแปลงไป มองดูเพื่อนมนุษย์ด้วยความรักและปรารถนาดีอย่างแท้จริง อยากให้เขาได้เข้าถึงความสุขและความบริสุทธิ์เช่นเดียวกับตัวของเรา

   จิตบริสุทธิ์แล้วเสวยสุขเต็มที่ สิงที่เป็นความลี้ลับของชีวิตก็จะถูกเปีดเผยออกมาทีเดียว มองย้อนหลังได้ มองสิงที่ผ่านมา กาลเวลาที่ผ่านมาที่เราหลงลืมไปแล้ว จะเป็ดเผยเหมือน rewind เทปชีวิต มองเห็นแล้วเกิดความสลดใจถึงดวามไม่แน่นอน เปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลาของชีวิต เดี๋ยวขึ้นเดียวลง เดี๋ยวสูงเดียวต่ำ ก็มองดูชีวิตที่ไม่มีการเปลี่ยนแปลงทีเป็นนิจจัง เป็นสุขัง เป็นอ้ตตา เป็นอิสระ เป็นตัวตนที่แท้จริง พญามารบังคับบัญชาไม่ได้ มุ่งไปตรงนั่น

   ชีวิตก็จะเปิดเผย แล้วก็มีอานุภาพ ทรงอภิญญา ปฏิสัมภิทาญาณ ๔ ก็เกิดขึ้น ตาทิพย์ หูทิพย์ ระลึกชาติได้ก็บังเกิดขึ้นมาเมื่อจิตนั้นบริสุทธิ์ มีคุณภาพ เพราะฉะนั้นวัตถุประสงค์ของชีวิตก็เพื่อการนี้ เราอย่ามัวเพลินหรือขึ้เกียจนั่งธรรมะ เพลินอยู่ทางโลก ให้โอกาสแก่ตัวเอง ดำเนินชีวิตฝึกตนจนไปถึงจุดหมายปลายทางที่เป็นเป้าหมายของชีวิตของเรา

   ถ้าจิตบริสุทธิ์ได้เต็มที่ ภาพลวงตาที่เรียกว่า วิป็สสนูปกิเลสจะไม่เกิดขึ้น ถ้าจิตบริสุทธิ์อย่างบริบูรณ์จะเป็นอย่างนั้น ถ้าจิตบริสุทธิ์ไม่สมบูรณ์ เมื่อแสงสว่างเกิดขึ้น ตะกอนของกิเลสที่นอนก้นอยู่ก็จะฉายภาพมาให้เราเห็นเห็นเป็นนั่น เป็นนี่ เป็นอะไรจนกระทั่งเราสำคัญผิดคิดว่าใช่ ว่าจริง ก็มีหลายๆท่านทีเดียวปฏิบัติไปเห็นดวง เห็นองค์พระ แต่ว่าเป็นองค์พระระดับหนี่งชึ่งยังไม่ถึงระดับของธรรมกาย องค์พระที่ทรงจำก้นมาติดหูติดตา แต่ว่าใสกระจ่างแล้วก็บอกว่าไปนิพพานได้ ไปเห็นโน่นเห็นนี่ ไปนรก ไปสวรรค์ใด้ อย่างนี้เขาเรียกว่าเป็น วิปัสสนูปกิเลส

  เมื่อจิตยังไม่บริสุทธิ์สมบูรณ์ ภาพลวงตาม้นเกิดขึ้นได้ และเราเหมาเข้าใจว่าเป็นจริง คือเห็นจริง แต่สิ่งที่เห็นไม่จริง มาตอนที่แสงสว่างเกิด แต่ว่าย้งไม่สมบูรณ์ ยังมีกิเลสตะกอนนอนก้น เพราะฉะนั้นสิ่งที่ควรทำาคือดูเฉยๆไป เรื่อยๆ ดูไปอย่างสบายๆ โดยไม่ต้องคิดอะไร ดูไปก่อน ไปเรื่อยๆ จนถึงระด้บหนี่ง ที่ใจบริสุทธิ์ ๑๐๐ เปอรเซนต์ ใจหยุดได้สมบูรณ จะตกศูนย์วูบลงไป ตอนนี้ของจริงเกิดแล้ว ซึ่งต้องอาดัยการฝึกฝนอบรมจิตให้บริสุทธิ์ ถ้ามุ่งอยากเด่น อยากด้ง อยากให้เขายกย่อง วิปัสสนูปกิเลสกิจะเกิดขึ้นคู่ก้นไปสำหร้บผู้มีอัธยาศัยอย่างนั้น เป็นอนุส้ยกิเลสที่นอนเนื่อง

     แต่ผู้ที่มีมรรคผลนิพพานเป็นแก่นสาร มีความบริสุทธิ์เป็นแก่นสาร มีจุดหมายปลายทางคือที่สุดแห่งธรรมเป็นแก่นสาร สิ่งเหล่านั้นจะไม่เกิดขึ้น เพราะใจบริสุทธิ์ตั้งแด่เขึ้องต้นแล้ว ก่อนที่จะเข้าถึงความบริสุทธิ์ที่แท้จริงภายใน เป้าหมายมันต่างก้น ถ้าเพื่อความหลุดพ้นจากกิเลส จากอาสวะ จากบ่าวจากทาสของพญามาร วิปัสสนูปกิเลสจะไม่มีวันเกิดขึ้นเลย เพราะฉะนั้น อย่าไปคลางแคลงสงส้ยในตัวเรา นี่คือข้อสังเกตที่จะต้องจำทีเดียวแต่ถ้าเมื่อไหร่เรามีเชื้ออยากเด่นอยากดัง อยากให้เขายกย่อง ให้เขาชื่นชมอะไร ต่างๆ เหล่านี้ มาตั้งแต่เรื่มก่อนนั่งแล้ว พอแสงแวบนิดเดียวก็เฉไปเลย แต่ถ้ามีมรรคผลนิพพานเป็นแก่นสาร มีความบริสุทธิ์ อยากจะหลุดพ้นจากบ่าวจากทาสของพญามารเป็นแก่นสาร ความอยากเด่นอยากดังจะไม่เกิด เพราะสิ่งที่มันเกิดอย่างนี้คือวิปัสสนูปกิเลส ผู้ที่ได้ยินได้ฟังภายนอก จึงมักจะเหมาเอาว่าวิชชาธรรมกายเหลวไหลเลอะเทอะ ก็เพราะพวกที่มีเชื้ออย่างนั้น ไปเห็นอย่างนั้นแล้วก็ชอบคุยอวดเสียด้วย คนไม่รู้ก็ชอบฟัง ก็ไปห้อมล้อมฟังก้นไป จึงเป็นเหตุให้คนเข้าใจวิชชาธรรมกายผิด ทั้งๆ ที่วิชชาธรรมกายของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าถูกต้องและบริสุทธิ์

   เพราะฉะนั้น ถ้าใจเรามุ่งเพื่อความบริสุทธิ์ หลุดพ้นจากกิเลสอาสวะจากบ่าวจากทาสของพญามาร มีมรรคผลนิพพานเป็นแก่นสาร มุ่งไบ่สู่ที่สุดแห่งธรรม จะไม่มีวันเกิดขี้นเลย วิปัสสนูปกิเลสจะไม่มีวันเกิดขึ้น เราจะรู้ได้ด้วยต้วของเราเอง เป็นปัจจัตต้ง ถ้าหากว่าเป็นแบบแรกคือ ทำ ให้บังเกิดวิปัสสนูบปกิเลสก็เบปลี่ยนจิตเปลี่ยนใจแก้ไขใหม่ เราย้งมีกายเนื้ออยู่เป็นกายมนุษย์ แก้ไขได้ ปรับจิตปรับใจมุ่งมรรคผลนิพพานเป็นแก่นสาร จิตจะบริสุทธิ์เข้าไปเรื่อย มีความสุขเบิกบาน อยู่คนเดียวก็มีลสข อยู่สองคนก็มีสุข อยู่ล้านคนก็มีสุข อยู่ในป่าก็มีสุข อยู่ป่าช้าก็มีสุข ในถํ้า ในหุบเหว ลอมฟาง เรือนว่างก็มีสุข อยู่โคนต้นไม้ก็มีสุข ในบัานในเมืองมีสุขทั้งนั้น เพราะใจตั้งเป้าหมายได้ชัดเจน

 

 

วันอาทิตย์ที่ ๑๑ มีนาคม พ.ศ.๒๕๔๔

จากหนังสือ แม่บท เดินทางข้ามวัฏสงสาร

 ยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคล Total Execution Time: 0.020600152015686 Mins