เครือข่ายบ้านกัลยาณมิตร

วันที่ 02 สค. พ.ศ.2553

 

.....สภาพสังคมไทยที่ตกต่ำย่ำแย่ถึงขั้นวิกฤตทุกด้านดังเช่นปัจจุบันนี้ คงจะทำให้ผู้มีปัญญาทั้งหลาย ได้เห็นชัดเจนแล้วว่า การรับคตินิยมจากต่างประเทศเข้ามานั้น จำเป็นต้องพิจารณาด้วยโยนิโสมนสิการ เลือกรับเฉพาะสิ่งที่จะเป็นคุณประโยชน์ต่อชาติบ้านเมืองเท่านั้น และสิ่งนั้นต้องไม่เกิดผลข้างเคียง ทำลายคตินิยม หรือวัฒนธรรมอันประเสริฐ ซึ่งแสดงถึงความเป็นชาติไทยที่มีอารยธรรมรุ่งเรืองมาเป็นเวลายาวนานอีกด้วย

 

   บ้านกัลยาณมิตร จะเป็นโครงการสำคัญยิ่ง ในการปลูกฝังอบรมเยาวชนตลอดทั้งประชาชนในชาติ ให้เป็นคนดีที่โลกต้องการ เป็นกัลยาณมิตรมีความพร้อมในการพัฒนาบ้านเมือง เพื่อสันติสุขไม่เฉพาะของประเทศชาติเท่านั้น แต่ยังสามารถแผ่ขยายไปเป็นสันติสุขของชาวโลกอีกด้วย

 

 

  เนื่องจากโครงการบ้านกัลยาณมิตร อาจต้องประสบกับปัญหาอุปสรรคมากมายดังกล่าวแล้ว จึงจำเป็นที่หลายฝ่ายในบ้านเมือง จะต้องร่วมมือร่วมใจกัน ให้ความช่วยเหลือ ส่งเสริมสนับสนุน ให้โครงการบ้านกัลยาณมิตรมีความเข้มแข็ง สามารถดำเนินกิจกรรมเป็นประจำ อย่างต่อเนื่องจนประสบความสำเร็จ

 

 

สถาบันที่ควรจะมีบทบาทสำคัญยิ่ง ในการร่วมมือส่งเสริมโครงการบ้านกัลยาณมิตรก็คือ โรงเรียน สถาบันการศึกษา และสถาบันสงฆ์ นั่นคือจะต้องส่งเสริมให้มีโรงเรียนกัลยาณมิตร และวัดกัลยาณมิตรขึ้นทั่วประเทศ

 

 

อย่างไรก็ตามใคร่ขอให้บรรดาพ่อบ้านแม่บ้านผู้เป็นหัวหน้าครอบครัวที่คิดว่าท่านต้องประกอบอาชีพ หรือมีหน้าที่ต้องทำมาหากินเป็นภาระหนักอยู่แล้ว จึงไม่ควรเปิดบ้านกัลยาณมิตรเป็นการเพิ่มภาระขึ้นอีก ความคิดเช่นนี้ถือว่าเป็นความคิดที่ผิดอย่างมหาศาล

 

 

เพราะอะไร ?

 

 

   พระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ตรัสแสดงไว้ใน ทีฆชาณุสูตร ว่า การที่คนเราจะประสบความสุขความสำเร็จเบื้องต้นในชีวิตได้ จะต้องปฏิบัติตามหลัก ๔ ประการคือ ๑) หาเป็น ( อุฏฐานสัมปทา) คือต้องขยันทำมาหากินและมีอาชีพสุจริต ทั้งต้องไม่ยุ่งเกี่ยวกับอบายมุข ๒) เก็บเป็น ( อารักขสัมปทา) ต้องระวังรักษาทรัพย์ที่หามาโดยชอบธรรม ไม่ให้รั่วไหล ไม่ให้มีอันตรายในด้านต่าง ๆ ๓) สร้างเครือข่ายคนดีเป็น ( กัลยาณมิตตตา) ต้องพยายามชักชวนคนดีมาร่วมสร้างความดี สร้างบุญกุศล ๔) ใช้เป็น ( สมชีวิตา) คือรายจ่ายต้องน้อยกว่ารายรับ เพื่อให้มีเงินเหลือเก็บไว้ใช้ในยามมีอันตราย และเพื่อไว้สร้างบุญกุศล

 

 

พึงสังเกตว่า พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงให้ความสำคัญของการสร้างเครือข่ายคนดีอยู่ในลำดับก่อน “ การใช้” ทั้งนี้ย่อมมีนัยว่า การสร้างเครือข่ายคนดีเป็นสิ่งที่จำเป็น ทั้งนี้ก็เพราะการอยู่ในสังคมของคนดี นอกจากจะเอื้อให้เราได้รับประโยชน์และความสะดวกสบายในการประกอบอาชีพแล้ว ยังจะมีประโยชน์ต่อการอบรมบุตรธิดาเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสังคมปัจจุบัน ที่มีแก๊งค์อันธพาลและกลุ่มมิจฉาชีพทุกตรอกซอกซอย เพราะฉะนั้นจึงเป็นการสมควรอย่างยิ่งสำหรับทุกครอบครัวที่จะต้องเปิดบ้านกัลยาณมิตร โดยพยายามเอาชนะปัญหาและอุปสรรคต่าง ๆ ให้ได้
 

 

เครือข่ายบ้านกัลยาณมิตร

 การเปิดบ้านกัลยาณมิตร มีจุดมุ่งหมายเพื่อฝึกอบรมบ่มนิสัยสมาชิกทุก ๆ คน ในบ้านให้เป็นกัลยาณมิตร ถ้าแต่ละบ้านในชุมชนล้วนเป็นกัลยาณมิตรกันทั้งหมด ผู้คนในชุมชนก็จะมีแต่คนดี หรือกัลยาณมิตรถ้าผู้คนในชุมชนทุกคนเป็นคนดี คนเลวย่อมไม่ปรากฏ นั่นคือ สังคมสันติสุขได้เกิดขึ้นแล้ว

 

ดังนั้น ผู้ที่สามารถเปิดบ้านกัลยาณมิตรได้แล้ว สมาชิกทุกคนในครอบครัวมีความพร้อมเพรียงในการปฏิบัติกิจกรรมโดยไม่มีปัญหาขัดข้อง เจ้าของบ้านกัลยาณมิตรก็ควรจะมีวิสัยทัศน์ มองไกลไปถึงการสร้างเครือข่ายบ้านกัลยาณมิตรต่อไปอีกด้วย โดยการชักชวนเพื่อนบ้านบางคนมาร่วมกิจกรรมปฏิบัติธรรมที่บ้านของเรา เพราะการสร้างเครือข่ายบ้านกัลยาณมิตร ก็คือการสร้างเครือข่ายคนดีอีกรูปแบบหนึ่ง

 

 

การสร้างเครือข่ายบ้านกัลยาณมิตร ควรเริ่มจาการพูดคุยชักชวนเพื่อนบ้านที่สนิทสนมคุ้นเคยกัน มาร่วมกิจกรรมปฏิบัติธรรมที่บ้านของเราเป็นบางวัน

 

 

ถ้าวันใดเรามีโอกาสนิมนต์พระจากวัดกัลยาณมิตร มาสอนการเจริญภาวนาที่บ้านกัลยาณมิตรของเรา ก็อาจจะเชิญเพื่อนบ้านหลาย ๆ คนมาร่วมกิจกรรมปฏิบัติภาวนาด้วย ( ถ้าสถานที่อำนวย)

 

 

การปฏิบัติธรรมเป็นสิ่งที่มีคุณค่าในตัวเองอยู่แล้ว ถ้ามีการเริ่มต้นที่ดี ย่อมจะเป็นแรงจูงใจให้สมาชิกใหม่บางคนหรือทุกคน ปรารถนาจะปฏิบัติธรรมเป็นประจำที่บ้านของเขาเองบ้าง และในที่สุดเขาก็อาจจะเปิดบ้านของเขาเป็นบ้านกัลยาณมิตร โดยความยินยอม พร้อมใจของมวลสมาชิกในบ้าน

 

 

โดยวิธีนี้ จำนวนบ้านสมาชิกในชุมชนก็จะเริ่มขยายจาก ๑ เป็น ๒ เป็น ๓ หรือ ๔ หรือ ๕ ฯลฯ ขยายวงออกไปเรื่อย ๆ

 

 

สมาชิกในชุมชนนอกจากจะปฏิบัติธรรมในบ้านของตนเองแล้ว บางวันก็อาจจะรับเชิญไปปฏิบัติธรรมที่บ้านใกล้เคียงบ้าง หรือชักชวนเพื่อนบ้านมาปฏิบัติธรรมที่บ้านของตนบ้าง เป็นทำนองหมุนเวียนผลัดเปลี่ยนไปปฏิบัติธรรมตามบ้านกัลยาณมิตรต่าง ๆ

 

 

โดยวิธีการนี้ สมาชิกในชุมชนก็จะมีความใกล้ชิดสนิทสนมกันมากขึ้น มีโอกาสสนทนาแลกเปลี่ยนทรรศนะ ประสบการณ์ทางโลกและทางธรรม ความรู้ความสามารถเฉพาะตน ข้อมูลข่าวสารกันบ่อย ๆ ย่อมทำให้เกิดความเข้าใจซึ่งกันและกันมากขึ้น เมื่อใครมีปัญหาเรื่องใด เพื่อนบ้านก็อาจจะช่วยกันชี้แนะวิธีแก้ปัญหาให้ลุล่วงไปได้
 
 
 
 

 

 ยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคล Total Execution Time: 0.016600465774536 Mins