การที่เรามาเกิดเป็นหญิง หรือเป็นชายก็ดีเกิดมาในตระกูล ที่ดีงามสูงส่งหรือต่ำทราม จะมีความสำเร็จมากหรือน้อย ไม่ว่าจะดีหรือร้ายก็ตาม หรือแม้กระทั่งเกิดมาหล่อมาสวย เกิดมาอัปลักษณ์ขี้ริ้วขี้เหร่ เกิดมาเฉลียวฉลาด เป็นบัณฑิตนักปราชญ์ หรือไม่ฉลาดเลย ล้วนเป็นผลที่เกิดจากการกระทำของเราในอดีตทั้งสิ้น

                                                                   
            
          ดังนั้นเราจึงไม่ควร หันหลังให้ความดี ละทิ้งคำสอนของท่านผู้รู้ เพราะทุกสิ่งที่เราทำ ทุกคำที่เราพูด จนกระทั่งความคิดของเรา ทั้งหมดล้วนส่งผลปรับปรุงชีวิต ของเราให้ดีหรือเลวได้ทั้งนั้น


            วันนี้เรามาศึกษาประวัติชีวิต ของพระเถระนามว่า " ปภังกระ " (แปลว่า ผู้ส่องสว่าง หรือแปลว่า ดวงอาทิตย์ก็ได้) ซึ่งท่านประสบความสำเร็จในชีวิต คือได้บรรลุธรรม เป็นพระอรหันต์แล้ว ได้เล่าประวัติของท่านจารึก เอาไว้ให้ชนรุ่นหลังได้ถือเป็นแบบอย่าง

            ในกาลสมัยที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้า พระนามว่าปทุมุตตระ ทรงดับขันธปรินิพพานแล้ว เมื่อพระองค์ปรินิพพานใหม่ๆ มหาชนได้สร้าง มหาเจดีย์แล้ว ก็พากันหมั่นมาสักการบูชา ครั้นเวลาผ่านไปเนิ่นนานเข้า พระมหาเถระและพระเถรี ทั้งหลายต่างทยอยดับขันธ์เข้าสู่พระนิพพาน พุทธบริษัท ๔ ที่เหลือต่างหันหลังให้ความดี ละเลยคำสอนของพระบรมศาสดา

       
      พระอารามที่เคยยิ่งใหญ่รุ่งเรือง เมื่อปราศจากภิกษุสามเณร และอุบาสกอุบาสิกา ที่จะซ่อมแซม ปฏิสังขรณ์ให้คงสภาพเดิมได้ ก็รกร้างว่างเปล่า น่าสลดใจ แม้พระมหาเจดีย์ทอง ที่เคยส่องแสงสว่างไสว ก็ถูกรื้อค้นทำลาย กลายเป็นเจดีย์ที่ปรักหักพัง มีต้นไม้ เถาวัลย์ และกอหญ้าขึ้นปกคลุมรกรุงรัง
          ในกาลนั้น พระเถระรูปนี้ท่านได้เกิดเป็นบุตร ของตระกูลที่ต้องเลี้ยงชีพ ด้วยการหาของป่า ทั้งบิดาและปู่ก็ยึดอาชีพนี้ตกทอดมาถึงตัวท่าน
          
          วันหนึ่ง ท่านได้ไปพบเจดีย์ ที่ปรักหักพัง มีเถาวัลย์และกอหญ้า ขึ้นปกคลุมอยู่ในป่า เกิดจิตนอบน้อมว่า พระเจดีย์นี้ เป็นที่ระลึกถึง พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ผู้ประเสริฐสุด มีสภาพหักพัง เช่นนี้ดูไม่งามเลย จึงได้แผ้วถาง เอาต้นไม้เถาวัลย์ และกอหญ้าออกไปทิ้ง ปัดกวาดบริเวณโดยรอบจนสะอาด ทำให้เป็นสถานที่ควร แก่การมาสักการบูชา เมื่อทำความสะอาด เสร็จเรียบร้อย ก็มีจิตผ่องแผ้วเลื่อมใส ในพระบรมศาสดา ได้กราบไหว้พระเจดีย์แล้ว จึงกลับไปสู่ที่อยู่ของตน
          
          ด้วยบุญที่ได้ แผ้วถางที่พระเจดีย์ และกราบไหว้ด้วย ใจเลื่อมใสนั้น เมื่อละโลกแล้วได้ไปเกิด ในสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ มีวิมานทองสวยงาม รุ่งเรืองสว่างไสว สูง ๖๐ โยชน์ กว้าง ๓๐ โยชน์ ได้ท่องเที่ยวเสวยราชสมบัติ มียศยิ่งใหญ่กว่าเทวดา ทั้งหลายในเทวโลกถึง ๓๐๐ ครั้ง
     
     ครั้นกลับมาสู่โลกมนุษย์ ได้เกิดเป็นพระเจ้าจักรพรรดิ ปกครองทวีปทั้ง ๔ ด้วยรัตนะทั้ง ๗ ถึง ๒๕ ครั้ง และเกิดในภพชาติไหนๆ ก็ไม่เคยขัดสนจนทรัพย์ มีทรัพย์สมบัติให้ใช้สอยอย่างสะดวกสบายในทุกๆ ชาติ
           
          จะท่องเที่ยวไปสู่ทิศไหน แม้จะเข้าไปสู่ป่าใหญ่ สถานที่นั้นๆ ก็สำเร็จเป็นที่พักพิงอาศัยได้ ทั้งในหนทางที่ดำเนิน ไปก็ปราศจากเสี้ยนหนาม หรือหลักตอ ให้สะดุดตาสะดุดใจ ด้วยบุญที่ได้แผ้วถาง พระเจดีย์ในครั้งนั้น
         
          จะไปเกิดในที่ไหน ก็มีผิวพรรณเกลี้ยงเกลา ขาวสะอาด ปราศจากโรคกลาก เกลื้อน เรื้อน ฝี ไม่เป็นโรคล้มบ้าหมู หิดเปื่อย หิดด้านสักอย่างเดียว มีจิตใจบริสุทธิ์ผ่องแผ้ว มีอารมณ์ดีอารมณ์เดียว ตั้งมั่นอยู่เป็นนิตย์ สิ่งที่ไม่ดีไม่ติดค้างอยู่ในใจ ใบหน้าและผิวพรรณ ผุดผ่องแจ่มใส ปรากฏดุจมีรัศมีแผ่ออกจากกายอยู่ตลอดเวลา
           
          นับจากชาติที่ได้แผ้วถาง ที่พระเจดีย์มา ก็ไม่รู้จักทุคติอีกเลย ท่องเที่ยวเกิดอยู่ใน ๒ ภพ คือมนุษยโลก และเทวโลกแต่เพียงเท่านั้น

          เมื่อท่องเที่ยวเสวยโลกิยสมบัติจนเต็มอิ่มแล้ว ชาติสุดท้าย ในสมัยพุทธกาล ก็เกิดความเบื่อหน่าย ออกบวชเป็นพระภิกษุ ในพระพุทธศาสนา ได้บรรลุธรรมเป็น พระอรหันต์ถึงพร้อม ด้วยอภิญญา ๖ และปฏิสัมภิทาทั้ง ๔ มีนามว่า ปภังกรเถระพระเถระท่าน ได้ประสบความสำเร็จ อันสูงส่งเป็น เพราะผลซึ่งเกิดจากบุญ ที่ท่านทำในอดีต ถึงแม้ว่าเราจะไม่สามารถ แก้ไขอดีตของเราได้ แต่เราสามารถกำหนดอนาคตได้ด้วยบุญที่เราทำในปัจจุบัน


             ดังนั้น โอกาสสั่งสมบุญใหญ่แต่ละครั้งที่มาถึง จึงไม่ควรให้ผ่านไปเปล่า ขอเชิญทุกท่าน มาร่วมสร้างพระธรรมกายประจำตัวโดยพร้อมเพรียงกัน



www.kalyanamitra.org