กราบนมัสการพระคุณเจ้า และสามเณร ที่เคารพ สวัสดีครับกัลยาณมิตรทุกท่าน เมื่อฉบับที่แล้ว ทุกท่านคง ได้ปีติไปกับเรื่องราว ของพระราชสิทธาจารย์ รองเจ้าคณะจังหวัด เชียงใหม่ พระผู้สร้าง วัดร้างให้กลับมา รุ่งเรือง ถึงจำนวน ๕ วัดด้วยกัน และท่านยังมี มโนปณิธาน อีกว่า ต้องทำให้วัดร้าง ทุกวัดในจังหวัด เชียงใหม่ กลับมารุ่งเรืองให้ได้ ฟังแล้วต้อง บอกว่าขนลุก ปลื้มใจไป ตามๆ กัน นับแต่นี้ไปพระพุทธศาสนา ต้องมีความเจริญ รุ่งเรืองยิ่งๆ ขึ้นไปด้วยดวงใจ ของพุทธบุตร ผู้ถวายชีวิตแล้ว ในพระพุทธศาสนา

             ในฉบับนี้ผมจะนำ ทุกท่านไปพบกับ ความสง่างาม แห่งบุตรของพระชินสีห์ ที่ดำเนินชีวิตสมณะ ด้วยความอดทน ทุกรูปแบบ สร้างวัดท่ามกลาง ความไม่พร้อมทุกด้าน แต่ด้วยดวงใจ เยี่ยงพระโพธิสัตว์ ที่คิดทำสิ่งใด แล้วต้องทำให้สำเร็จ ท่านจึงสามารถ มอบความรุ่งเรือง แห่งศาสนสถาน และศาสนธรรม กลับคืนมาให้แก่พุทธบริษัท ๔ ได้อย่างน่าอัศจรรย์

             ทุกชีวิตที่เกิดมาล้วนตกอยู่ในห้วงแห่งทะเลทุกข์ ต้องพานพบอุปสรรคต่างๆ ในชีวิต หากบุคคลใดปรารถนาจะก้าวข้ามอุปสรรคไปได้นั้น ต้องมีใจที่เปี่ยมพลัง เด็ดเดี่ยวมุ่งมั่นในปณิธาน

             ณ บุญสถาน ปากอ่าวทะเลไทย ฝั่งแม่น้ำท่าจีน ตำบลท่าฉลอม จังหวัดสมุทรสาคร มีบุตรแห่งพระชินสีห์รูปหนึ่ง ผู้หยัดสู้กับ กระแสความ ไม่เข้าใจจากกลุ่มบุคคล บางคนที่ คิดมุ่งร้ายทำลายท่าน ซึ่งท่านมีนาม ตามสมณศักดิ์ว่า พระครูอุทัยธรรมสาคร เจ้าคณะตำบลท่าฉลอม เจ้าอาวาสวัด บางหญ้าแพรก หรือที่เหล่า ศิษยานุศิษย์ผู้คุ้นเคย มักจะเรียกท่านว่าหลวงพ่อมาลัย หลวงพ่อมาลัยเป็นพระ ที่แน่วแนต่อหนทาง พระนิพพาน ท่านทำหน้าท ี่ผู้เป็นเนื้อนาบุญ ด้วยความทุ่มเท เสียสละ เปี่ยมด้วย ความเมตตาธรรม ดำเนินชีวิตด้วย ขันติธรรม ได้พัฒนาวัด ที่ในอดีตรกร้าง จนรุ่งเรืองในปัจจุบัน ท่ามกลางมรสุม ของบุคคลผู้ไม่เข้าใจ

             ชาวบ้านที่ถือกำเนิดและอาศัย ในพื้นที่ตำบล ท่าฉลอม แห่งนี้ เล่าให้ฟังว่า "หลวงพ่อท่าน โดนหลายหน ไปฉันที่บ้านก็โดนกระดูกไก่ขว้างหัว บางทีเอาอุจจาระแห้ง ของหมาใส่บาตรก็มี มีอยู่ครั้งหนึ่งถึง กับเอาระเบิดมาวาง แต่ตอนหลังๆ ก็มาขอขมา เพราะถ้าไม่มาขอขมา ก็จะมีอันเป็นไปต่างๆ นานามากมาย เช่นปากง่อย ต้องเอาธูปเทียนแพมาขอขมา ลาโทษ ถึงหาย" หลวงพ่อเล่าเพิ่มเติมถึงเหตุการณ์ที่เกิดกับท่านให้ฟังว่า " บางคืนมาจุดประทัดไล่ วางระเบิดกุฏิพังเป็นแถบ ชาวบ้านนึกว่าอาตมาตายแล้ว แต่อาตมาไม่เป็นอะไร "

             แม้จะพบอุปสรรคนานัปการ แต่หลวงพ่อมาลัย ยังคงมุ่งหน้า พัฒนาวัด ซึ่งเดิมมีสภาพ ทรุดโทรม ใกล้ร้างน้ำท่วมถึง มาเป็นวัดบางหญ้าแพรก อันงดงามสง่า เช่นในปัจจุบัน หลวงพ่อได้เมตตา เล่าสภาพ ของวัดครั้งแรก ที่ท่านได้พบเจอว่า "เมื่อก่อนวัด แห่งนี้มีแต่ป่ารก ไม่มีอะไร มีแต่กุฏิพังๆ สัก ๕ หลัง สภาพเดิมเป็นป่า มีแต่หญ้าเต็มวัด มีกุฏิไม้เล็กๆ ไม่ทน ถ้าจะอยู่ก็หวาดเสียว ว่าจะพังลงมา ตามโบสถ์หญ้า ก็รกปกคลุมมาก "

             พระมหาสุริยนต์ จกฺกวโร อุปัฏฐาก กล่าวถึงการสร้างวัดของหลวงพ่อว่า " ท่านสร้างวัดขึ้นมา ชักชวนพระขนทรายเอง โยมก็ช่วยกันเท ส่วนตัวท่านขายที่ดินมา สร้างวัด ช่วง ๒ และ ๓ ปีหลังน้ำท่วมมาก หลวงพ่อท่านมองการณ์ไกล เอาทรายมาถมให้สูง ชาวบ้านก็ด่าท่านอีกหาว่าทำให้แฉะ บ้าทำอะไรก็ไม่รู้ ถูกต่อต้าน แต่ท่านเป็นคนทำจริง เงินทุกบาททุกสตางค์ หลวงพ่อนำมาสร้างหมด ไม่เคยเก็บไว้เพื่อ ส่วนตัวเลย วัดจึงพัฒนาและรุ่งเรืองขึ้น "

             จากการอุทิศตนทำงานเพื่อพระศาสนา ทำให้ท่านมีเวลาพักผ่อนน้อย พร้อมๆ กับการสร้างวัด หลวงพ่อมาลัยท่าน ยังได้แสดงพระธรรมเทศนาโปรดสาธุชน ในวัดผ่านหอกระจายข่าว และออกอากาศ ทางสถานีวิทยุและโทรทัศน์เป็น ประจำ กระทั่งเป็นอีกสาเหตุหนึ่งที่ทำให้ท่าน อาพาธและไม่สามารถเทศนาออกอากาศ ได้ดังเดิม แต่อย่างไรก็ตามท่าน ยังคงเมตตาอบรม พระภิกษุ สามเณร นักเรียน ประชาชน เป็นประจำอยู่ที่วัด

             พระมหาสุริยนต์ จกฺกวโร เล่าให้ฟังเกี่ยวกับ แรงบันดาลใจ ในการบวชของ ตัวท่านเองว่า " อาตมา ที่บวชได้นาน ยอมรับเลยว่า เป็นเพราะหลวงพ่อท่านช่วย สมัยพรรษาแรกยังเป็นพระหนุ่มอยู่ ก็อยากสึกออก ไปเหมือนกัน แต่หลวงพ่อท่านไม่ให้สึก ให้เรียน ศึกษาคำสอน ในพระพุทธศาสนา จนสอบได้เปรียญธรรม มีชีวิต นักบวช ทุกวันนี้ได้ก็เพราะหลวงพ่อ ท่านมีเมตตามากๆ เด็กนักเรียน ไม่มีเงิน ท่านก็ให้ ใครไม่มี กินท่านก็ให้ มีอะไรท่านให้หมด แจกทุนการศึกษาทุกปี และจะให้ นักเรียนมาวัด จะสอนนักเรียนเอง ที่ให้ครูนักเรียน มาที่วัด เพราะอยาก ให้นักเรียน และครูคุ้นเคย กับวัด"

             วัดแห่งนี้ในทุกยาม ค่ำของวันพระ จะมีสาธุชน ผู้มีบุญใส่ชุดขาว มารักษาศีล สวดมนต์ เจริญสมาธิภาวนา แผ่เมตตา อยู่เป็นประจำ ต่อเนื่องไม่ขาด ทำมากว่า ๔ ปีแล้ว แม้หลวงพ่อ มาลัยท่าน จะมีภารกิจ หลายๆ ด้านมาก เพียงใด ท่านก็ยังเมตตา นำสาธุชน ทำกิจกรรม ดังกล่าว ด้วยตัว ของท่านเองเสมอ ท่านพูดเปิดใจ ถึงกิจกรรมนี้ว่า

             " รสใดจะสู้รสพระธรรมนั้นไม่มี รสมันมี หลายรส รสพระธรรมเป็นรสที่ลืมไม่ลง บางคนที่ไม่ได้มา ในคืนไหนก็จะบ่นเสียดาย ถ้าคนไม่ซาบซึ้งตรงนี้เขาคงไม่พูดเช่นนั้น เวลาที่เหลือนี้คิดว่า จะส่งเสริม ให้คนใส่ชุดสีขาว ในวันพระ ใครเห็น เขาจะได้รู้ว่าวันนี้วันพระ ตอนนี้อาตมาแจกไป ๕๐ กว่าตัวแล้ว และจะแจกไปเรื่อยๆ "

             ในช่วงปี พ.ศ.๒๕๔๑ ถึง พ.ศ.๒๕๔๒ ที่วัดพระธรรมกายเกิดวิกฤติการณ์จากสื่อต่างๆ นำเสนอข่าวบิดเบือนไปจากความเป็นจริง หลวงพ่อ มาลัยท่านเป็นพุทธบุตรรูปแรกในจังหวัดสมุทรสาคร ที่ยืนหยัดที่จะมาร่วมทุกงานบุญของวัดพระธรรมกาย ท่านได้เล่าเหตุการณ์ตอนนั้นให้ฟังว่า " สมัยนั้นมีคนห้าม ไม่ให้อาตมาไปวัดพระธรรมกาย อาตมาคิดว่าเรื่องนี้สำคัญ เห็นเขาทำดี ต้องไปให้กำลังใจอาตมาไม่ได้เห็น แก่บุคคลใดบุคคลหนึ่ง แต่เห็นแก่บุคคลใดก็ได้ที่เขาทำดี อาตมาไปตั้งแต่ชุดแรกเมื่อเกิดข่าว ศาสนาพุทธจริงๆ เราต้อง ช่วยกันสุดกำลัง ถ้าไม่ช่วยกันไม่แน่ว่าอีก ๑๐๐ ปี จะมีชาวพุทธเหลืออีกหรือเปล่า วัดพระธรรมกาย เขาสร้างคนดีปีละมากๆ อาตมาไปมา ๑๐ กว่าครั้งแล้ว หลวงพ่อธัมมชโยท่านเป็นเลิศจริงๆ ท่านสร้างคนให้เป็นคนดีจริง สร้างวัดเพื่อทุกคนในโลก ใจท่านยิ่งใหญ่ จะมีใครบ้างทำได้อย่างท่าน ดังนั้นใครจะพูดตามข่าวอย่างไร เราควรเชื่อในความคิดของเราเองว่าเขาทำดีอย่างไรที่ใครๆ ก็ทำได้ยาก เขาดีจริง และในปัจจุบันที่มีสื่อดาวธรรมเกิดขึ้น เป็นประโยชน์มาก อาตมาชอบดูหลวงพ่อธัมมชโย ตอบแก้ไขปัญหาชีวิตของคนที่ถามมา ท่านมีน้ำเสียงที่น่าฟัง น่าเลื่อมใส ขอแสดงความชื่นชม ขอให้ท่านเป็นที่พึ่งแก่คน ทั้งโลกตลอดไป "


 


www.kalyanamitra.org