แม้กระทั่งปัจจุบันนี้ก็ยังฝึกสอนอยู่ ถึงวันนี้ก็ฝึกมาได้ ๓ ปีแล้ว ก็จะฝึกกันต่อไป ยังมีอะไร ขลุกขลักกันอยู่ แต่ได้กำลังใจจากนักเรียนอนุบาลฝันในฝันวิทยาที่คอยส่งยิ้ม ส่งอะไรต่างๆ ผ่านทาง หน้าจอบ้าง ในโรงเรียนบ้าง คอยเป็นกองเชียร์ ทำให้มีเรี่ยวแรงที่จะพัฒนาปรับปรุงการสอนเพิ่มขึ้น จากเริ่มต้นฟังทางโทรศัพท์ก็พัฒนา มาเป็นอินเทอร์เน็ต จากอินเทอร์เน็ตมาเป็นจานดาวธรรม จากภาพแห้งๆ เริ่มมีภาพที่เคลื่อนไหวเพิ่มขึ้น และก็นำเรื่องราวที่ฝันเป็นตุเป็นตะมาเล่าให้ฟัง ตั้งใจจะให้ฟังเป็นนิยาย แต่ว่าเป็นนิยายที่มีคติธรรม
ได้รับความร่วมมือจากเจ้าของ Case Study ที่ได้กรุณาให้ชีวิตของตัวเองมาเป็นธรรมทาน แด่เพื่อนนักเรียน ก็ได้สอนกันมาอย่างนี้ ใช้คำว่าพูดคุยกันมากกว่า สอนสนุกกันบ้าง อะไรกันบ้างอย่างนั้น เพราะว่านักเรียนก็มีอยู่ชั้นเดียว แล้วก็มีทุกเพศทุกวัย ทุกเพศนี่ทุกเพศจริงๆ เพศหญิง เพศชาย เพศต่างๆ มีทุกวัยก็ทุกวัยจริงๆ และก็ศาสนิกใหญ่ๆ ยังไม่ได้นับรวมที่ปลีกย่อยอื่นๆ อีก ทั้งนอกจากมาเป็นนักเรียน มาฟังธรรม ยังมาปฏิบัติธรรมแล้วก็เข้าถึงธรรม แล้วก็มาสร้างมหาทานบารมีร่วมกัน โดยลืมกันไปชั่วขณะ ว่าแต่เดิมตัวนั้น เริ่มต้นชีวิตจากคำสอนใด ได้มาศึกษาความรู้สากลกันอย่างนี้เรื่อยมา
จาก Case study ที่ผ่านมา กับเรื่องราวพุทธประวัติซึ่งเราทยอยเล่ากันไป ก็ทำให้เกิด การเปลี่ยนแปลงชีวิต กับนักเรียนขึ้น บ้างก็เปลี่ยนแปลงอย่างยิ่งใหญ่ บ้างก็ค่อยๆ เปลี่ยนแปลงกันไป และเสียงเหล่านี้ก็สะท้อนกลับมา ที่ครูไม่ใหญ่ ทำให้มีความปลื้มปีติยินดี กับการเปลี่ยนแปลงไปในทาง ที่ดีขึ้น ของนักเรียนอนุบาลฝันในฝันวิทยาทั่วโลก ที่เคยติดเหล้า ติดบุหรี่ เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ก็เลิก เคยติดการพนันก็เลิก เคยประกอบมิจฉาอาชีวะ โดยไม่รู้ตัวว่า เป็นสิ่ง ที่จะทำให้มีอบายเป็นเครื่องรองรับ ก็เลิกได้ ที่ขี้เกียจนั่งธรรมะก็ขยันขึ้น ที่ไม่เคยรู้จักการทำบุญ ก็เริ่มทำบุญ ที่ทำบุญตาม อารมณ์ก็เปลี่ยน มาเป็นทำสม่ำเสมอ ที่ทำตามกำลังก็มาเต็มกำลัง นี่คือ สิ่งที่ทำให้ครูไม่ใหญ่ชื่นใจมากๆ และก็จะมีเรี่ยวมีแรง สอนกันต่อไป
จริงๆ แล้ว ความรู้ของพระสัมมาสัมพุทธเจ้ามีมากมาย ถ่ายทอดในแต่วันไม่ซ้ำกัน หมดชีวิตนี้ยัง ถ่ายทอดกันไม่หมด ก็ไม่เข้าใจเหมือนกัน ทำไมเขาบอกว่าไม่รู้จะเอาอะไรมาสอน ซึ่ง ๘๔,๐๐๐ พระธรรมขันธ์ สอนแค่วันละขันธ์แค่นั้นเอง ๘๔,๐๐๐ วัน กี่ปีก็คูณกันไปเถอะ ขนาดนั้นสอนกันไป ไม่ต้องซ้ำกันเลย นี่เรายกตัวอย่าง Case Study ๒ พันกว่า Case ที่ผ่านมา เราจะเห็นว่าไม่มี Case ไหนซ้ำกันเลย มีแต่คล้ายกัน
เพราะฉะนั้น เราก็ได้เรียนเรื่องราวความเป็นจริงของชีวิตผ่าน Case Study ในชีวิตหลากหลายรูปแบบ ของเพื่อนนักเรียนที่ได้นำชีวิตของตัวเองมาเป็นกรณีศึกษา ไม่มีเหมือนกันเลย ทำให้เราได้รู้จักภพภูมิมากขึ้น มากกว่าแต่เดิมซึ่งเข้าใจ ว่ามีแต่ในเมืองมนุษย์ ตายแล้วสูญ หรือภพของสัตว์เดรัจฉาน แต่ก็ยังไม่เข้าใจอยู่ดี ว่าสัตว์เดรัจฉาน คืออะไร ก็นึกว่าสัตว์เดรัจฉานคือสัตว์เดรัจฉาน เป็นสิ่งที่ผู้วิเศษสร้างขึ้นมา เพื่อให้มนุษย์ได้กินบ้าง ใช้แรงงานบ้าง หรือใช้เลี้ยงดู ก็ยังเข้าใจเพียงแค่นั้น แต่ตอนนี้เริ่มเข้าใจแล้วว่า มีภพภูมิอีกมาก จริงๆ แล้วมันก็ยังไม่หมด แต่ที่มาปรากฏใน Case Study นำมาสรุปให้ฟังว่า ข้อ ๑. ภพภูมิอะไร ข้อ. ๒, ๓, ๔ ซึ่งมีทั้งหมด ๑๗ ภพภูมิที่เรารู้จักกัน แต่จริงๆ แล้วมันมีทั้งหมดตั้ง ๓๑ ภูมิ หลักใหญ่ๆ และในหลักใหญ่ๆ ก็ยังมีหลักย่อยๆ ที่จะต้องศึกษากันอีก
ถ้าหากว่าเป็นแอนิเมชันได้ ก็จะทำให้เข้าใจได้ง่ายเพิ่มขึ้น และจะทำให้เกิดแรงบันดาลใจ ในการที่จะ ละชั่วทำความดีและทำใจให้ใสเพิ่มขึ้น เพราะเห็นภาพมันเคลื่อนไหวได้ ตอนนี้ก็ได้รับความสนับสนุน จากนักเรียนอนุบาล ฝันในฝันวิทยาที่อยากจะเห็นภาพเคลื่อนไหวได้ ช่วยกันมาสร้างเครื่องมือที่จะผลิตในสิ่งเหล่านี้ เป็นสิ่งที่น่าปลื้มปีติยินดีว่า ใจเราตรงกันทั้ง ครูไม่ใหญ่และนักเรียน อยากจะเห็นภาพที่เคลื่อนไหว ซึ่งได้เครื่องมือมาแล้วนี่เราก็จะต้องหาทีมงาน ทำกันอีก แต่ก็ไม่ได้วิตกกังวลเกี่ยวกับ เรื่องอุปสรรคต่าง ๆเพราะยังมีสิ่งที่น่าศึกษา เรียนรู้อีกมาก เราได้ยินคำว่า นรกสวรรค์ในพระไตรปิฎก แต่เราไม่ค่อยจะมั่นใจเท่าไร แม้มั่นใจแต่เราก็ไม่รู้จักอยู่ดี นรกเป็นอย่างไร สวรรค์เป็นอย่างไร และที่เอามาให้ดูบางส่วนในโรงเรียนอนุบาลฝันในฝันฯ เราก็รู้จักเท่าที่เอามาให้ดู เรายังไม่รู้จักหมด นี่ถ่ายทอดกันแค่นรกสวรรค์ กฎแห่งกรรม หมดชาติหนึ่งก็ยังไม่หมด เพราะก็ใกล้จะหมดชาติแล้วของครูไม่ใหญ่เหลืออีกนิดเดียว
ครูไม่ใหญ่มีความคิดอย่างนี้ว่า ความรู้สากลเหล่านี้ กลุ่มเป้าหมายมีกลุ่มเดียว คือทุกคนในโลก จะแตกต่าง จากกลุ่มเป้าหมายทางธุรกิจ จะต้องแบ่งเป็นอายุขนาดนั้นขนาดนี้ และก็คิดว่าเราสามารถทำได้ ซึ่งก็ได้พิสูจน์กันมาแล้วว่า ทุกเพศทุกวัยก็มีความสุขสนุกสนาน กับการได้เรียนรู้เรื่องราวความเป็นจริง ของชีวิตผ่านจานดาวธรรมทั้งๆ ที่ฟังแล้วเป็นเรื่องหนักทีเดียวนะ แต่ปรากฏว่ากลับมีความสุข ไม่ได้หนักหนา หรือหนักอกหนักใจอะไร นี่ก็เป็นสิ่งที่เราได้ทำ ผ่านมาตลอดสามปีและก็ต้องทำกันต่อไป
DMC ยังไม่ได้ชื่อว่าเป็นสื่อที่ดีที่สุด แต่เรากำลังพยายามทำให้ดีที่สุด แค่เป็นจุดเริ่มต้น ที่เป็นสื่อสีขาว และอยากจะให้สื่อต่างๆ ได้เป็นสื่อสีขาวบ้าง ให้ทำให้ดียิ่งๆ ขึ้นไป และครูไม่ใหญ่เชื่อว่า ด้วยความชำนาญของสื่อต่างๆ เหล่านั้นซึ่งทำมาก่อนครูไม่ใหญ่จะสามารถทำได้ดีกว่า DMC อีกหลายเท่า ชาวโลกขาดแคลนความรู้ที่ดี จนกระทั่งมีทัศนคติอยากฟังอยากดูแต่เรื่องขัดแย้ง ซึ่งจะทำให้เกิด อกุศลธรรมขึ้นมาในใจ ใจจะหมองไปเรื่อยๆ ก็แปลว่าจะไปอบายกันมากเหมือนฝุ่นในผืนปฐพี ซึ่งมันควร จะหมดสมัยได้แล้วในยุคที่เราลงมาเกิดเป็นมนุษย์ในยุคนี้ น่าจะเลิกผลิตสื่อให้เห็นความขัดแย้ง สิ่งที่ไม่ดีต่างๆ กันได้แล้วเพราะไม่ได ้ก่อให้เกิด การเปลี่ยนแปลงไปใน ทางที่ดีขึ้นแก่มวล มนุษยชาติและชาวโลกเลย มันควรจะหมดยุคหมดสมัยแล้ว ควรจะผลิตสื่อที่ทำให้คนรักกัน สามัคคีกัน เห็นอกเห็นใจกัน เกื้อกูลกัน เพราะฉะนั้น DMC จึงมาทำหน้าที่ตรงนี้ และหวังว่าสื่อต่างๆ จะได้แรงบันดาลใจ จากตรงนี้และใช้พลังที่ตัวมีอยู่ ไปทำหน้าที่สื่อที่แท้จริง ที่สมบูรณ์ที่จะสร้างกุศลธรรม ให้เกิดขึ้นในดวงใจ