ในยุคที่โลกเข้าสู่ภาวะ
"ไร้พรมแดน" โดยมีระบบการสื่อสารที่ทันสมัยเป็นสิ่งเชื่อมโยง
ชาวโลกมีวิธีรับรู้ข้อมูลข่าวสารได้หลากหลายวิธี ทั้งวิทยุ โทรทัศน์ อินเทอร์เน็ต
ดาวเทียม ฯลฯ เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในซีกโลกหนึ่ง ในนาทีถัดมาข่าวสารจากเหตุการณ์นั้นก็แพร่กระจายให้ประชากรในอีกซีกโลกหนึ่งรับรู้ได้อย่างรวดเร็วราวกับเหตุการณ์นั้นเกิดขึ้นในบ้านของตนเองทีเดียว
ด้วยวิธีการเดียวกันนี้เอง
จึงนับเป็นโอกาสดี ของการเผยแผ่ธรรมะขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าไปสู่ชาวโลกได้กว้างขวางและรวดเร็วยิ่งขึ้น
แต่ด้วยเวลาที่เร่งรีบ
หน้าที่การงานที่เร่งรัด ภาวะเศรษฐกิจที่บีบบังคับ ทำให้โอกาสและเวลาที่ประชาชนจะได้เรียนรู้หลักธรรม
คำสอนในพระพุทธศาสนานั้นลดน้อยลงไปทุกที โดยเฉพาะโอกาสศึกษาธรรมะของเยาวชนก็ยิ่งเป็นเรื่องยาก
เพราะไม่มีผู้ใหญ่ที่มีความรู้คอยแนะนำแนวทางให้
มูลนิธิศึกษาธรรมเพื่อสิ่งแวดล้อมเล็งเห็นถึงความสำคัญในการเผยแผ่ธรรมะและความรู้ด้านพระพุทธศาสนาเผยแผ่สู่ประชาชนทั่วไป
จึงได้ขอความร่วมมือไปยังวัดต่างๆ ทั้งในส่วนกลางและส่วนภูมิภาค เพื่อขอความอนุเคราะห์สื่อการเรียนการสอนธรรมะ
การเทศน์สอนของพระภิกษุ นำมาเผยแพร่ผ่านระบบดาวเทียมไปยังสมาชิกและผู้สนใจทั่วไป
ได้มีโอกาสเรียนรู้หลักธรรมคำสอนในพระพุทธ-ศาสนา
โครงการการศึกษาธรรมะผ่านระบบดาวเทียม
ยังเป็นสื่อกลางในการนำเสนอกิจกรรมการอบรมปลูกฝังศีลธรรมสำหรับเยาวชนผ่านโครงการต่างๆ
เช่น การบรรพชาอุปสมบทภาคฤดูร้อน การปฏิบัติธรรมช่วง วันสุดสัปดาห์ ค่ายเยาวชนคุณธรรม
ฯลฯ ของวัดต่างๆ ทั่วประเทศมาเผยแพร่ เพื่อเป็นแนวทางสำหรับครูอาจารย์
และผู้ปกครอง ในการแนะนำให้เยาวชนบุตรหลานของตน ให้ได้มีโอกาสศึกษาธรรมะและมีประสบการณ์ในการปฏิบัติธรรม
ทั้งยังเป็นการใช้เวลาว่างให้เกิดประโยชน์สูงสุดอีกด้วย
โครงการศึกษาธรรมะผ่านดาวเทียมเพื่อประชาชนนี้
นับเป็นโครงการที่สมาชิกมูลนิธิศึกษาธรรมเพื่อสิ่งแวดล้อมทุกคน รู้สึกภาคภูมิใจที่เป็นส่วนหนึ่งในการเผยแผ่
หลักธรรมของพระบรมศาสดา ให้เป็นเครื่องยึดเหนี่ยวจิตใจของประชาชน เป็นเครื่อง
หล่อหลอมศีลธรรมลงในจิตใจของเยาวชนของชาติ
มูลนิธิศึกษาธรรมเพื่อสิ่งแวดล้อม เป็นมูลนิธิที่ได้รับอนุญาตจากคณะกรรมการวัฒนธรรมแห่งชาติ
สำนักนายกรัฐมนตรี ให้จดทะเบียนเป็นมูลนิธิ โดยให้ชื่อว่า "มูลนิธิศึกษาธรรมเพื่อสิ่งแวดล้อม"
หรือเรียกเป็นภาษาอังกฤษว่า Dhamma Research For Environment Foundation
เมื่อวันที่ ๑๗ กุมภาพันธ์ พ.ศ.๒๕๓๖ โดยมีวัตถุประสงค์ในการดำเนินการคือ
๑.เพื่อส่งเสริมการศึกษาค้นคว้าเกี่ยวกับหลักธรรมทางพระพุทธศาสนา
๒.เพื่อส่งเสริมการปฏิบัติธรรม
๓.เพื่อจัดพิมพ์หนังสือ
หรือเอกสารต่างๆ เผยแผ่ความรู้เกี่ยวกับพระพุทธศาสนา หรือสิ่ง-แวดล้อม
๔.เพื่อส่งเสริมทุนในการศึกษา
ค้นคว้าสมุนไพร และพันธุ์ไม้ป่า
๕.ดำเนินการเพื่อสาธารณประโยชน์
หรือร่วมมือกับองค์กรการกุศลอื่นๆ เพื่อ สาธารณประโยชน์
๖.เพื่อดำเนินการส่งเสริมให้ประชาชนรักป่าไม้
และทำสิ่งแวดล้อมให้ดีโดยนำหลักคำสอนทางพระพุทธศาสนามาประยุกต์ใช้
๗.ไม่ดำเนินเกี่ยวกับการเมืองแต่อย่างใด
นับตั้งแต่มีการก่อตั้งมูลนิธิศึกษาธรรมเพื่อสิ่งแวดล้อมเป็นต้นมา
คณะทำงานมูลนิธิฯได้ดำเนินการตามวัตถุประสงค์ ในมโนปณิธานที่จะพัฒนาจิตใจของประชาชนทุกหมู่เหล่าให้มีคุณธรรม
โดยนำหลักธรรมของพระสัมมา-สัมมาพุทธเจ้าเข้าไปสู่จิตใจและการพัฒนาตนเองและสิ่งแวดล้อม
โครงการที่มูลนิธิได้ดำเนินการในช่วงปี
พ.ศ.๒๕๓๖ ถึงปัจจุบัน เช่น
* โครงการส่งเสริมการรักษาศีล
๕ ศีล ๘ การปฏิบัติธรรมเจริญสมาธิภาวนา ณ สวนเพชรแก้ว อ.ฮอด จ.เชียงใหม่
* โครงการส่งเสริมวัฒนธรรมพื้นบ้าน
เช่น การประกวดดนตรีพื้นบ้านล้านนา ๕๘ หมู่บ้านในอำเภอฮอด จังหวัดเชียงใหม่
* โครงการหน่วยแพทย์เคลื่อนที่
ให้การปฐมพยาบาล และการแนะนำเรื่องการรักษาสุขภาพกับชาวไทยภูเขา
* โครงการปลูกผักไร้สารพิษ
และสวนสมุนไพร จัดอบรมให้ความรู้แก่ประชาชน ด้านเกษตรอินทรีย์และการเพาะปลูก
* โครงการส่งเสริมสถาบันชาติ
ศาสนา พระมหากษัตริย์ โดยจัดให้มีการบำเพ็ญสาธารณประโยชน์ถวายเป็นพระราชกุศลในวันเฉลิมพระชนพรรษา
๕ ธันวาคม และ ๑๒ สิงหาคม ของทุกปี
* โครงการปลูกป่าเฉลิมพระเกียรติ
ของทุกๆ ปี ๆ รวม ๑๐๐,๐๐๐ ต้น
* โครงการส่งเสริมให้ประชาชนเลิกดื่มสุรา
เลิกสูบบุหรี่ ถวายเป็นพระราชกุศล
* โครงการบรรพชาสามเณรภาคฤดูร้อน
และอุปสมบทหมู่พระภิกษุภาคเข้าพรรษา
* โครงการบำเพ็ญสาธารณกุศล
โดยมูลนิธิศึกษาธรรมเพื่อสิ่งแวดล้อมได้ร่วมกับหน่วยงานสาธารณกุศล เช่น
หน่วยงานสภากาชาดประจำจังหวัด แจกเสื้อผ้า ผ้าห่ม เครื่องใช้สอยที่จำเป็นแก่ชาวไทยภูเขา
* โครงการส่งเสริมศิลปวัฒนธรรมพื้นบ้าน
* โครงการศึกษาธรรมะผ่านดาวเทียม
เพื่อประชาชน