เธอ..มีชีวิตที่ประสบความสำเร็จ
ที่บางคนอาจมองเป็นความพ่ายแพ้
เมื่อนึกถึงเหตุการณ์การดับเครื่องชนในเกมส์การเมืองที่ดุเดือด
บนเวทีการอภิปรายไม่ไว้วางใจในสมัยที่เธอคุมบังเหียน
ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงแรงงาน...


             แต่หากเราได้รู้ว่า..แท้จริงแล้ว เธอเป็น นักรักชาติผู้ยิ่งใหญ่ ที่ปลุกกระแสมวลชนให้คล้อยตามถึงการกระทำที่ถูกต้องที่เธอชี้แจง ให้เห็น จนประวัติศาสตร์รัฐบาลไทยต้องจารึก ไว้เลยว่า สมแล้วที่เธอได้รับคะแนนการเลือกตั้ง ที่มีคะแนนสูงสุดเป็นอันดับ ๕ ของประเทศ โดยไม่มีการซื้อเสียงใดๆ เลย และผลการสำรวจจากโพลพบว่า วันที่เธอถูกอภิปรายไม่ไว้วางใจนั้น เธอมีคะแนนความน่าเชื่อถือสูงสุด สามารถชี้แจงได้ดีที่สุดเป็นอันดับ ๑ ของวันนั้น และเป็นรัฐมนตรีถูกปรับออกจากตำแหน่ง ที่ประชาชนเสียดายมากที่สุด...!!

             "เราถือว่า...เราคุ้มมากแล้วที่ได้เป็นรัฐมนตรีโดยไม่ซื้อตำแหน่ง ตอนนั้นเราต่อสู้เพื่อความถูกต้องโดยไม่ห่วงเก้าอี้ แม้จะถูกปรับออกก็ภูมิใจมากที่เราทำประโยชน์ให้ผู้ใช้แรงงานคนยากจนได้มากที่สุด ริเริ่มกำหนดมาตรฐานแรงงานไทยให้เทียบเท่าระดับสากล ขยายประกันสังคมให้คุ้มครองลูกจ้างตั้งแต่ ๑ คนขึ้นไป เร่งรัดประกันการว่างงานให้ลูกจ้าง และมีส่วนผลักดันให้มีผลบังคับใช้มาจนถึงทุกวันนี้ และที่ภูมิใจที่สุดคือ ขจัดขบวนการทุจริตค่าหัวคิวแรงงานไปต่างประเทศ และสกัดการจัดซื้อ จัดจ้างระบบไอทีที่ไม่ถูกต้อง"

             ในโลกแห่งการเมือง เธอจึงกลายเป็นความเสียดาย เป็นเทพธิดา เป็นแม่พระของ ชาวพะเยา ที่สามารถผ่านร้อนผ่านหนาว ท่ามกลางความผันผวนทางการเมือง ด้วยความสามารถในหลายตำแหน่งเริ่มตั้งแต่เป็นโฆษกรัฐบาลหญิงคนแรกสมัยรัฐบาล รสช. มาจนกระทั่งถึงวันนี้ ซึ่งล้วนแล้วแต่มีประวัติและ ผลงานที่น่าภาคภูมิใจมากมาย จนสุดท้าย ท่านนายกรัฐมนตรีพันตำรวจโททักษิณ ชินวัตร เห็นถึงพลังความจริงใจ ความสามารถ จึงให้โอกาสเธอมาดำรงแหน่งที่ปรึกษาผู้ทรงคุณวุฒิของนายกรัฐมนตรีในปัจจุบัน


             "เดิมทีเดียว เราไม่มีความคิดที่จะเป็นนักการเมืองเลย เพราะตั้งแต่ตัวเองมาทำงานเป็นนักข่าวทำให้รู้อะไรเยอะมาก แต่เมื่อมีคนให้โอกาส เราก็ตัดสินใจเป็น ด้วยอุดมการณ์ว่า เราต้องไม่ซื้อเสียงนะ เราต้องไม่กินเปอร์เซ็นต์โครงการต่างๆ และจะใช้ตำแหน่งที่ตัวเองได้มาทำประโยชน์เพื่อมวลชนให้มากที่สุด เพราะไม่รู้ว่าตายเกิดอีกสิบๆ ชาติ เราจะมีโอกาสในตำแหน่งตรงนี้รึเปล่า.."


             ความสลับซับซ้อนในบรรยากาศการเมืองของเธอไม่น่าภิรมย์นัก เมื่อต้องเจอกับปัญหาที่ถาโถมเข้ามาจนเธอเอ่ยปากว่า "ถ้าเธอไม่มีสมาธิที่แกร่งพอ ไม่มีธรรมะ คงเป็นโรคประสาทตายไปแล้ว เพราะทีมงานทางการเมืองเรามีไม่มาก เงินเราก็ไม่มากพอ เราคิดแต่ว่า ตอนนี้เราเอาบุญค้ำตัวเราดีกว่า" ซึ่งคำพูดนี้เป็นคำพูดที่สะดุดความรู้สึกทำให้น่าสนใจศึกษาถึงความศรัทธาที่เป็นเครื่องยึดเหนี่ยวจิตใจของเธอ จนกระทั่งเราพบว่าเธอเป็นนักการเมืองที่มี ความรู้สึกลึกซึ้งต่อความเป็นชาวพุทธ มีความเชื่อในเรื่องกฎแห่งกรรม มีจิตวิญญาณและมองเห็นว่า เธอได้ใช้ตำแหน่งหน้าที่ที่เธอได้มานั้น นำความสุขสงบแห่งจิตใจเข้าสู่ใจประชาชน เพื่อแก้ปัญหาในระดับชาติ

             "คือตัวเองได้มีโอกาสเข้าใจพุทธศาสนาเพิ่มมากขึ้น เข้าใจการฝึกสมาธิที่ดีขึ้น จากการที่ได้มีโอกาสเข้ามากราบพระเดชพระคุณหลวงพ่อทัตตชีโว ตอนสมัยเราเป็นนักข่าวเข้ามาขอกราบสัมภาษณ์ท่านเกี่ยวกับโครงการยุวธรรมทายาทที่วัดพระธรรมกาย ต่อมาก็ได้มีโอกาส ฝึกสมาธิ เพราะเราเองเป็นคนกลัวผีมาก บางทีไปทำข่าวนอกสถานที่ต่างจังหวัด เราต้องเปิดไฟและนอนไม่ได้ทั้งคืน จนร่างกายอ่อนเพลียมากทำงานแทบไม่ไหว ไม่รู้จะแก้ไขอย่างไรจึงขอคำแนะนำจากท่าน หลวงพ่อท่านก็ให้เรานึกถึงองค์พระไว้ ที่ศูนย์กลางกายและสัมมาอะระหังไปเรื่อยๆ ถ้าเห็นภาพผี ก็ให้ดึงภาพผีมาเป็นองค์พระ พอเราทำอย่างนี้ได้เราพบว่าไม่กลัวผีอีกเลย จึงได้ฝึกสมาธิเรื่อยมาตั้งแต่นั้น แล้วเราก็ค้นพบประโยชน์อันอเนกอนันต์ของสมาธิที่เกิดกับ ตัวเองมากมาย ที่สามารถนำมาใช้ในการดำเนินชีวิตและหน้าที่การงาน"

             นับเป็นความมหัศจรรย์ของการฝึกสมาธิ ที่ทำให้เธอเกิดความรู้สึกว่า สิ่งนี้จะสามารถเข้ามาเยียวยาต่อปัญหาสังคมชาติในระดับลึกได้ โดยมุ่งฟื้นฟูจิตใจมนุษย์ให้สงบ อ่อนโยน อาทรกันด้วยธรรมะให้กลับคืนมาอีกครั้ง


             "จากการที่เราเห็นประโยชน์ของพระพุทธศาสนา ประโยชน์ของสมาธิ จึงได้มานั่งสมาธิที่วัดพระธรรมกาย โดยพระเดชพระคุณหลวงพ่อธัมมชโยนำนั่งสมาธิทุกอาทิตย์ต้นเดือน รวมทั้ง ดูรายการธรรมะผ่านจานดาวธรรมที่บ้าน และ ได้รับคำแนะนำจากพระเดชพระคุณหลวงพ่อทัตตชีโว จึงได้ทำโครงการเสริมสร้างธรรมจริยา มีกิจกรรมน้อมรับวิชาด้วยสมาธิ ในหมู่เด็กนักเรียน โดยเริ่มจากโรงเรียนในจังหวัดพะเยาเป็นจังหวัดนำร่องก่อน คือให้ครูนักเรียนได้นั่งสมาธิ ๑๐ นาที ก่อนเริ่มต้นการเรียนทั้งภาคเช้าและบ่าย ซึ่งมีการประเมินวัดผลเป็นเปอร์เซ็นต์ส่งรายงานมาเป็นตัวเลข พอดูผลแล้วชื่นใจมากๆ เหล่าครูอาจารย์พบว่า เด็กนักเรียนมีพฤติกรรมดีขึ้นในหลายๆ ด้าน ซึ่งถ้าทำอย่างนี้ได้ในทุกโรงเรียนทั่วประเทศ จะทำให้เด็กมีสติปัญญา เรียนเก่ง ฉลาดในการดำเนินชีวิต เด็กจะไม่กระโดดตึกตาย หรือแก้ปัญหาชีวิตโดยการพึ่งยาเสพติด"

             พลังสตรีในตัวเธอได้บันดาลให้เกิดปาฏิหาริย์กับชีวิตเล็กๆ ที่เป็นเยาวชนของชาติจำนวนมากมาย นับคนแล้วนับคนเล่า แต่ใคร จะรู้บ้างว่า เธอไม่ได้มองการแก้ปัญหาสังคม เพียงจุดเดียว แต่เธอยังสามารถมองทะลุหยั่งลึกลงไปถึงรากเหง้าของปัญหาสังคมคือ การแก้ปัญหาครอบครัว

             "สังคมจะดีได้ คนในสังคมต้องมาจากครอบครัวที่ดีไม่มีปัญหา ดังนั้นจึงได้จัดให้มีกิจกรรม อุ้ยจูงลูกหลานเข้าวัด" เป็นอีกกิจกรรมหนึ่งในโครงการธรรมจริยา ที่กำลังดำเนินการอยู่ใน ๘ จังหวัดภาคเหนือ ซึ่งจะลองทำเป็นจังหวัดนำร่องก่อน คือ ภายใน ๑ ครอบครัว ผู้ใหญ่ในบ้าน ๑ คน จะต้องชักชวนลูกหลานตัวเอง ๑ คน เข้าวัดไปสวดมนต์ปฏิบัติธรรมโดยในโครงการเราได้รับความเมตตาและให้ความร่วมมือเป็นอย่างดียิ่งจากเจ้าคณะจังหวัดพะเยา ผู้ว่าราชการจังหวัดพะเยา ผู้อำนวยการสำนักวัฒนธรรม และได้รับความร่วมมือจาก ๒๐๐ วัด แล้วเราก็พิมพ์หนังสือสวดมนต์ไปมอบให้ชาวบ้าน และชักชวนเขาให้เข้ามาทำความดี มาสร้างความผูกพันในครอบครัวไทยให้กลับคืนมาอีกครั้ง เพราะปัญหาปัจจุบันจะพบว่าเด็กวัยรุ่นจะไม่สนใจผู้สูงอายุ เช่น ปู่ ย่า ตา ยายเท่าไร กิจกรรมที่ดีที่ช่วยเข้ามาสร้างความสัมพันธ์ภายในครอบครัวก็มีน้อยมากๆ แต่นับจากนี้ความอบอุ่นเอาใจใส่ต่อกันและกันในแต่ละครอบครัวจะกลับคืนมาอีกครั้ง เราตั้งเป้าไว้ที่ ๔ หมื่นคนในเบื้องต้นก่อน..."



             เทพธิดาผู้ดื่มกินอุดมการณ์ และคอย เสกบันดาลความสิ้นหวังของเด็กๆ ให้มลายหายไป เธอกลายเป็นแม่พระในใจเด็กๆ ผู้ยากไร้ ผู้ขาดพ่อแม่ เธอได้เข้ามาอุ้มชูและทำโครงการตั้งแต่เบื้องต้น หาทุน จัดการระบบ ช่วยเหลือเด็กๆ ในมูลนิธิพัฒนาเยาวสตรีภาคเหนือในพระ-อุปถัมภ์สมเด็จพระพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยานิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์

             "เราได้ไปสอน ได้ไปใกล้ชิดเด็กๆ เหล่านั้นด้วยตนเอง สอนเขาทุกอย่าง แต่สิ่งหนึ่งที่เราเน้นคือ เราจัดให้มีการสวดมนต์นั่งสมาธิเช้า-เย็น ติดจานดาวธรรมให้เขาดูช่องนี้ช่องเดียว เราอยากปูพื้นฐานจิตใจเขา ล้างให้เขาบริสุทธิ์ เพราะเราเชื่อมั่นว่าหลักพุทธศาสนาเข้ามาช่วยตรงนี้ได้มากๆ ซึ่งจะพัฒนาช่วยเหลือให้เขาเป็นเยาวชนที่ดีที่สุด และขยายผลต่อไปสู่ประเทศชาติได้"

             การกระทำเพื่อชาติที่เธอรักที่สุด ยังไม่หยุดยั้งเพียงแค่นี้ เธอมีโครงการในใจมากมาย และถึงแม้เธอจะมีภาระยุ่งเพียงใด แต่เธอก็จัดแบ่งเวลาให้กับการปฏิบัติธรรมเสมอ

             "นักการเมืองสิ่งสำคัญที่สุดที่ต้องมี คือ ธรรมะ เราต้องละชั่ว ทำดี ทำใจให้ผ่องใส ตามที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าท่านสอน เมื่อเราเข้าใจเรื่องกฎแห่งกรรม กลัวบาป เราก็จะไม่โกงชาติบ้านเมือง แต่เอาตำแหน่งหน้าที่มาเพื่อเอื้อต่อการทำให้ชาติเจริญจนถึงที่สุด ซึ่งโดยส่วนตัวเราเข้าวัดทุกวัด วัดไหนมีสิ่งดีเราก็น้อมนำมาปฏิบัติ และในฐานะที่เราเป็นพุทธศาสนิกชนคนหนึ่ง เราก็มีสิทธิ์ที่จะนำข้อดีของวัดที่เราเห็นว่าดีไปถ่ายทอด ไปช่วยพัฒนาให้ทุกวัดทั่วประเทศมีความเจริญ เพื่อพระพุทธศาสนามีความรุ่งเรืองและชาติร่มเย็นสืบไป

             ..อย่างเช่นวัดพระธรรมกายเอง คิดว่าเป็นวัดในฝัน คนมาวัดนี้มีหลายฐานะ เป็นวัดที่มีระเบียบ เป็นวัดสมัยใหม่เผยแผ่ธรรมด้วยวิธีที่ทันสมัย เข้าใจคนรุ่นใหม่ อย่างเช่นสื่อจานดาวธรรม แล้วที่วัดพระธรรมกายเคยมีข่าว โดยส่วนตัวคิดว่าอยากให้ทุกคนได้มาสัมผัสเอง ซึ่งอยากให้พี่น้องประชาชนหันมาดูกันดีกว่าว่า ในแต่ละวัน พระที่นี่ท่านทำอะไรบ้าง และที่เราเองได้มาสัมผัสนั้น ก็ไม่เห็นว่าวัดชวนทำอะไรที่เสียหายเลย มีแต่ชวนเราบำเพ็ญบุญ ซึ่งวัดต้องมีหน้าที่ชวนคนให้ทำบุญ ให้รักษาศีล และชวนทำสมาธิ ก็เป็นสิ่งที่ถูกต้องแล้ว"

             คำต่อคำ ในทัศนคติของนักการเมืองหญิง ผู้มีจุดยืนที่เด่นชัด ถึงความขาวสะอาดของชีวิตโดยมีหลักธรรมะเป็นที่พึ่ง เธอยังได้ติดจานดาวเทียมถ่ายทอดธรรมะไปที่บ้าน เพื่อให้สมาชิกในครอบครัวดูด้วย

             "เราฟังคำสอนของพระเดชพระคุณหลวงพ่อธัมมชโย ท่านสอนหลักการดำเนินชีวิตได้ดีมาก ท่านสอนจากพระไตรปิฎก ไม่ได้สอนผิดเพี้ยนอย่างที่ใครเขากล่าวหากัน ดังนั้นในฐานะที่เป็นชาวพุทธด้วยกัน เราต้องวางใจให้เป็นกลาง ว่าเราต้องเคารพพระทุกรูป วัดแต่ละวัดมีอะไรดี เราก็น้อมนำไปปฏิบัติจึงจะเกิดประโยชน์กับ ตัวเราอย่างเต็มที่ ซึ่งในฐานะที่เป็นลูกศิษย์พระพุทธเจ้าเหมือนกันนั้น พระพุทธเจ้าท่านสอนให้เราอย่าเชื่ออะไรโดยที่ยังไม่ได้พิสูจน์ อย่างในกรณีนี้ก็เช่นกัน อยากให้มาพิสูจน์ก่อน มาศึกษาธรรมะให้เข้าใจอย่างลึกซึ้ง เพื่อจะได้ไม่พลาดในสิ่งดีๆ ที่อาจเกิดขึ้นกับตัวคุณเอง"

             และ ณ วันนี้ คุณลดาวัลลิ์ วงศ์ศรีวงศ์ ก้าวสู่ความเป็นนักการเมือง เทพธิดา แม่พระ ที่พร้อมจะทำงานด้วยอุดมคติ แก้ไขปัญหาชาติด้วยหลักของบวร "บ้าน วัด โรงเรียน" คือ พัฒนาทุกอย่างไปพร้อมกัน แม้บางครั้งเธอจะรู้สึกเหนื่อยบ้าง และถูกกดดันด้วยสำนึกในของหน้าที่ แต่เธอก็มีความกล้าหาญ มุ่งมั่น กล้าเผชิญกับสิ่งที่อยู่ข้างหน้าอย่างมีธรรมะ เพราะเธอไม่เคยหยุดรักชาติเลย...เราขอชื่นชม...