มหาหายนะ
ของมหาเศรษฐีทาสสุรา
...พระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสถึง ปากทางแห่งความหายนะแห่งความเสื่อมไว้หลายอย่าง
หนึ่งในนั้นคือการดื่มสุราน้ำเมา สรรพสัตว์ทั้งหลายบรรดามีในโลก คน คือ สัตว์โลกที่รู้ดีรู้ชั่วมากกว่าสัตว์อื่น
แต่ถึงกระนั้นก็ไม่ได้หมายความว่าคนจะแยกแยะทำได้เฉพาะสิ่งที่ดี เพราะใจของคนมีปกติไหลลงต่ำ
ไหลไปด้วยอำนาจกระแสน้ำคือ กิเลส สิ่งที่ทำให้ชีวิตตกต่ำในชาตินี้ ได้แก่ ความทุกข์
ความลำบากในการดำเนินชีวิต ส่วนในชาติหน้าคือ การไปเกิดเป็นสัตว์เดรัจฉาน ไปเป็นเปรตอสุรกาย
ไปเป็นสัตว์นรก กว่าจะรู้ตัวว่าเป็นความทุกข์ทรมานก็ยากจะแก้ไข เลยต้องชดใช้กรรมชดใช้บาปที่ตนทำไว้
เพราะทำกรรมด้วยตนก็ต้องชดใช้กรรมด้วยตน หากเปรียบชีวิตเสมือนมีเทียนที่ถูกจุดให้ลุกโพลง
ความสว่างไสวของแสงเทียนก็เปรียบเหมือนการมีชีวิต เมื่อเทียนเผาไส้ตัวเองดับไป แสงสว่างก็หมดไปด้วย
ความมืดก็เข้ามาแทนที่ นี่เองอาจเปรียบได้เช่นกับความทุกข์ของชีวิต ที่ถูกปกคลุมด้วยความมืด
และในความเป็นจริง ชีวิตหลังความตายก็เป็นเช่นนั้น หรือคนบางคนขณะมีชีวิตอยู่ก็มีชีวิตอยู่ในที่มืด
หาความสว่างสักนิดให้แก่ชีวิตตนเองไม่ได้ ดังเช่นมหาเศรษฐี ที่มีทรัพย์สมบัติร่ำรวยเกือบ
๒,๐๐๐ ล้าน แต่มาจบชีวิตด้วยอำนาจกระแสน้ำเมา นี่คือเรื่องจริงที่เกิดขึ้น เมื่อ
๒,๕๐๐ ปี ล่วงมาแล้ว
![]() | ![]() |
...ในสมัยพุทธกาล
บิดาและมารดาของสองตระกูลคหบดี ซึ่งต่างก็มีลูกฝ่ายละหนึ่งคนโดยฝ่ายหนึ่งมีลูกชาย
อีกฝ่ายมีลูกหญิง เกิดความคิดตรงกันว่า "เรามีเงินทองถึง ๙๐๐ ล้าน เมื่อเราตายไปลูกของเราก็คงไม่เดือดร้อน
อย่ากระนั้นเลยให้ลูกเราเรียนศิลปะให้ร้องรำทำเพลง เพื่อความสนุกสนานสร้างชีวิตให้มีชีวาดีกว่า"
เมื่อลูกของแต่ละฝ่ายเรียนร้องรำทำเพลงจบ ก็เลยให้แต่งงานเป็นคู่สามีภรรยากัน หารู้ไม่ว่า
การร้องรำทำเพลงที่เป็นการ ละเล่นแบบชาวโลกทั่วไปนั้น หากอยู่ในวงอบายมุขก็เปรียบเหมือนกับแกล้มของอบายมุขทั้งหลายนั่นเอง
ด้วยวิสัยทัศน์ของพ่อแม่ที่สายตาสั้น ดังกล่าวแล้ว และมีคนรับใช้เป็นคนพาล
ทั้งสองฝ่ายซึ่งเมื่อรวมสมบัติกันแล้วมีค่าถึง ๑,๘๐๐ ล้าน เศรษฐีหนุ่มดื่มเหล้าติดน้ำเมา
เพราะไปคบค้าสมาคมกับเหล่านักเลงสุรา ทรัพย์สมบัติที่มีอยู่ก็ลดลงๆ จนในที่สุดต้องขายบ้าน
ขายสมบัติ ทุกสิ่ง ทุกอย่าง เพื่อเอามาดื่มสุราและเลี้ยงเพื่อนเหล่าคนพาล
![]() | ![]() |
เมื่อสมบัติหมด เพื่อนก็เมิน ได้แต่พาภริยาของตนเองไปขอทานขออาหารบ้านโน้นบ้านนี้กินประทังชีวิตไปวันๆ
และแอบนอนข้างชายคาบ้านของผู้อื่น ถ้าเขาไล่ก็ต้องหนีกระเซอะ กระเซิงร่อนเร่ต่อไป
วันหนึ่ง พระพุทธองค์และเหล่าพระภิกษุได้พบเห็นเข้า พระพุทธองค์ได้ตรัสถึงสองสามีภรรยานี้ว่า
ถ้าหากเขาทั้งสองทำความดีไม่ประมาทในการใช้ชีวิต หากครองเรือนจะได้เป็นถึงมหาเศรษฐีต้นๆ
ของเมือง แต่ถ้าออกบวชก็จะได้บรรลุธรรม แต่บัดนี้ได้เสื่อมแล้วจากโภคะและการบรรลุธรรม
ได้แต่ใช้ชีวิตซบเซาเหมือนนกกระเรียน ที่ซบเซาอยู่ในเปือกตมที่น้ำแห้งขอดและปลาหมดสิ้นแล้ว
ปราชญ์ว่าไว้
เมาปลื้ม | ลืมจน |
ความมืดได้ปกคลุมชีวิตของเศรษฐีและภรรยา เพราะความเมาจากการดื่มสุรา จนในที่สุดจะหาแสงสว่าง แห่งชีวิตให้ตัวเอง แม้สักนิดก็ไม่เจอเลย ชีวิตที่เคยสุขสบายกลับมาย่ำ แย่ เพราะเมาเหล้าเมากระแช่แท้ๆ สุราน้ำเมา... มฤตยูที่มีส่วนผสมหลักคือความหายนะความฉิบหาย... มีลูกห้ามลูก... มีหลานห้ามหลาน อย่าลองได้เป็นยอดดี