หายนะ..!!จากการใช้เครื่องดื่มแอลกอฮอล์

วันที่ 09 พย. พ.ศ.2548

                    

 

หายนะ..!!จากการใช้เครื่องดื่มแอลกอฮอล์โกยเงินคนทั้งชาติ โดยผ่านตลาดหลักทรัพย์

1. หายนะข้อที่ 1 หากให้เครื่องดื่มแอลกอฮอล์เข้าตลาดหลักทรัพย์ จะทำให้ต้นทุนการผลิตต่ำลงมาก ผู้ผลิตจะได้แหล่งเงินทุนใหม่ที่ได้มาใช้ในการขยายกำลังการผลิตเพิ่มมากขึ้น และผู้ผลิตไม่จำเป็นต้องกู้เงินจากธนาคาร จึงไม่ต้องจ่ายดอกเบี้ย ทำให้สามารถขายน้ำเมาได้ในราคาถูก มีผลบีบให้บริษัทน้ำเมายี่ห้ออื่นๆ ผลักดันตัวเองเข้าตลาดหลักทรัพย์เพื่อให้ตัวเองอยู่รอด และต่างแข่งขันกันด้วยยอดขาย เพราะตลาดหลักทรัพย์ จะวัดผลในการดำเนินงานจากยอดขาย และผลกำไร จึงจำเป็นที่ต้องให้เติบโตขึ้นทุกปี เพราะบริษัทต้องรายงานผลทุก 3 เดือน ดังนั้นบริษัทน้ำเมาทั้งหลาย ต้องรวบรวมพยามยามทั้งหมดแข่งขันกันทำโปรโมชั่น ผลักดันให้ยอดขายและยอดกำไรพุ่งขึ้นสูงที่สุด เพื่อจะได้โชว์ผลกำไรของตัวเองให้ได้มากที่สุด แล้วทำให้คนแห่กันมาซื้อหุ้นของตัวเองให้ได้มากที่สุดเช่นกัน เมื่อคนแห่กันมาซื้อมากขึ้น ก็ยิ่งมีแหล่งเงินทุนที่ใช้ในการผลิตทับทวีขึ้นอย่างมหาศาล ทำให้สามารถขยายกำลังการผลิตและกระจายน้ำเมาไปสู่ทุกจังหวัดทุกภูมิภาคได้โดยไม่ยาก

2. หายนะข้อที่2 การขยายตัวของธุรกิจน้ำเมาจะต้องมีโปรโมชั่น ทำกลยุทธทางโฆษณาทุกรูปแบบ เพื่อโน้มน้าวให้คนทั้งชาติ ทุกเพศทุกวัย ดื่มน้ำเมาให้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้ โดยพยายามเจาะกลุ่มเป้าหมายทุกกลุ่ม ทำหนังโฆษณาให้โดนใจเหยื่อแต่ละกลุ่ม ไม่ว่าว่าจะเป็น ผู้ชายวัยทำงาน ผู้หญิง แม่บ้าน คนแก่ นักศึกษาที่อายุเกิน 18 ปี อาจทำเป็นเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ผสมในน้ำผลไม้

     หรือทำให้หยิบง่าย โดยทำเป็นขวดเล็กๆ ตั้งขายคู่กับเครื่องดื่มชูกำลัง กระจายตามห้างร้านแฟรนไชส์ ร้านโชว์ห่วย หรือทำอย่างไรก็ได้ ที่ทำให้ทุกตลาดมีความสามารถและความต้องการที่จะจับจ่ายใช้สอยในการดื่มสุราให้ได้ง่ายและสะดวกที่สุด โดยดูจากอุปนิสัยการบริโภคของเหยื่อแต่ละกลุ่ม เช่นดื่มเพื่อความเพลิดเพลิน เลี้ยงฉลอง สังสรรค์ เช่นหลังจากเรียนจบแล้วก็ต้องมีการดื่มเหล้าฉลองความสำเร็จกัน จะสังเกตเห็นว่าภายใน 12 ปีที่ผ่านมาคนดื่มเหล้าเบียร์มากกว่าเดิม 5 เท่าตัว และสูงมากขึ้นตามการทำการโฆษณา

3. หายนะข้อที่3 การเอาน้ำเมาเข้าตลาดหลักทรัพย์ เท่ากับเป็นการยอมรับว่า ธุรกิจนี้เป็นธุรกิจที่ถูกต้อง เพราะตลาดหลักทรัพย์เป็นสถาบันอันทรงเกียรติของประเทศและไม่ว่าธุรกิจใดที่เข้าสู่ตลาดหลักทรัพย์จะถูกมองว่าเป็นธุรกิจที่ดี น้ำเมาจะกลายเป็นเครื่องดื่มที่ดี และเป็นประโยชน์ต่อประเทศชาติไปโดยปริยายเลยทีเดียว เพราะตลาดหลักทรัพย์จะเน้นธุรกิจที่ถูกต้องตามกฎหมายและไม่ขัดต่อหลักศีลธรรมซึ่งในระเบียบได้บอกอย่างชัดเจนเลยว่า ตลาดหลักทรัพย์เป็นการระดมทุน สำหรับกิจการที่เป็นประโยชน์ต่อเศรษฐกิจ สังคม และประเทศชาติ ซึ่งจะเห็นว่าการนำน้ำเมาเข้าตลาดหุ้นนี้ สิ่งนี้ได้ขัดแย้งกันโดยสิ้นเชิง เพราะเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ไม่ได้ช่วยอะไรเลย แต่กลับทำให้สังคมเสื่อมลง ซึ่งหากธุรกิจน้ำเมานี้ เข้าตลาดสัก 5 ปี เราจะเห็นสภาพสังคมบ้านเราแย่ลงอย่างเห็นได้ชัด เช่น การทำร้ายร่างกาย การวิวาทตบตีจะเกิดขึ้นในแต่ละครอบครัวซึ่งจะขอเน้นย้ำเป็นอย่างยิ่งว่า...ตลาดหลักทรัพย์ ไม่เคยรับสินค้าที่มีส่วนผสมหรือองค์ประกอบของเนื้อสินค้าที่เป็นโทษต่อร่างกายเลย..แต่ตอนนี้มันเกิดอะไรขึ้นหรือ..?

4. หายนะข้อที่ 4 เคยมีการอ้างว่าธุรกิจนี้เป็นการสร้างงาน เช่นพวกทำขวด ทำจุก ขนส่ง แท้จริงแล้วเป็นการเพิ่มภาระงานมากกว่า จะเห็นได้ชัดว่าเป็นการเพิ่มภาระงานที่หนักมากๆในอีกรูปแบบหนึ่งที่รุนแรงและยากมากต่อการแก้ไขสถานการณ์อันเลวร้ายที่กำลังเกิดขึ้นกับสังคมส่วนรวม เช่นเป็นการเพิ่มภาระงานให้ตำรวจ ให้อัยการ ผู้พิพากษา เจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ เพิ่มภาวการณ์ประสบอุบัติเหตุของการขับขี่ยานพาหนะที่พบกันเป็นประจำและยังพบว่า การประพฤติผิดทางเพศ ซึ่ง 1 ใน 3 คนเกิดจากการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เหตุของการก่อเหตุทะเลาะวิวาท 1 ใน 5 คน เกิดจากเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ แม่บ้านที่ถูกสามีทำร้ายร่างกาย 1 ใน 3 คน เกิดจากเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ซึ่งธุรกิจนี้ก่อความเสียหายและนำความหายนะมาสู่ประเทศชาติปีละ หลายแสนล้านบาท จะเห็นว่าน้ำเมาไม่มีประโยชน์ใดๆต่อร่างกายเลยทำให้คนดื่มแล้วติด เป็นโรคโรคพิษสุราเรื้อรัง หรือแอลกอฮอล์ลิค ซึ่งติดแล้วบำบัดยากมากมาก

5. หายนะข้อที่ 5 หากธุรกิจน้ำเมาเข้าตลาดหลักทรัพย์ได้ ก็จะเกิดความรู้สึกที่ว่าผู้ขายน้ำเมาเองก็น่าจะเข้าตลาดหลักทรัพย์ได้ด้วย เช่นบาร์ ผับ ค็อกเทลเลาจ์ บานปลายไปถึงธุรกิจพนัน บุหรี่ โดยอ้างว่าเป็นประโยชน์ในแง่เศรษฐกิจโดยพยายามหาเหตุผลที่สวยหรูทุกรูปแบบ หากเป็นเช่นนี้ สภาพโครงสร้างของสังคมประเทศชาติก็จะพังพินาศโดยสิ้นเชิง หากเราไม่กันไว้ตั้งแต่ตอนนี้

6. หายนะข้อที่ 6 อย่าเลียนแบบต่างประเทศ ที่เขานำธุรกิจน้ำเมาเข้าตลาดหลักทรัพย์ ยกตัวอย่างเช่น มาเลเซีย อินโดนีเซีย สิงคโปร์ ออสเตรเลีย เพราะประเทศพวกนี้ถือว่า การทำเช่นนี้มีผลต่อพลเมืองในประเทศเขาน้อยมากๆ เพราะคนส่วนใหญ่ของประเทศ ล้วนเป็นชาวมุสลิมที่ห้ามไม่ให้มีการดื่มน้ำเมาเป็นกฎเคร่งในทางศาสนาของเขาอยู่แล้ว รวมทั้งผู้บริหารประเทศเขาเคร่งศาสนามาก สั่งห้ามดื่มน้ำเมา แม้แต่ขนมเค้กที่ต้องใส่เหล้าในการทำขนมด้วย ก็ยังห้าม ดังนั้นการนำน้ำเมาเข้าตลาดหุ้นของประเทศเหล่านี้ แทบไม่มีผลใดๆ ต่อประชากรส่วนใหญ่ในชาติเลย หรืออีกประเด็นหนึ่งทางซีกโลกตะวันตก เช่น สหรัฐฯ อังกฤษ ตอนแรกนำธุรกิจน้ำเมาเข้าตลาดเข้าหุ้น เพราะความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ แต่เมื่อทราบถึงโทษที่ได้ประสบอย่างถาโถมเข้ามาในปัจจุบัน ถึงกับตราหน้าและประนามหุ้นประเภทนี้ว่าเป็น SIN STOCKS..!!! หรือ “ หุ้นบาป” (ติดตามต่อฉบับหน้า)

 ยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคล Total Execution Time: 0.018035082022349 Mins