ขั้นที่หนึ่ง สัพพะปาปัสสะอะกะระณํ การไม่กระทำบาปทั้งปวง ได้แก่ไม่ทำชั่วทั้งกาย วาจา ใจ คือ เว้นจากอกุศลกรรมบถ ๑๐
...อ่านต่อ
การปฏิบัติธรรมตามแนววิชชา “ธรรมกาย” ผู้ที่ปฏิบัติเข้าถึงธรรมที่สามารถใช้ทิพพจักขุได้ จะสามารถเห็นพระนิพพานตรงกันเป็นอย่างเดียวว่า ในพระนิพพานนั้นมีแต่ธรรมกายอยู่มากมายเต็มไปหมด
...อ่านต่อ
ตามที่ได้กล่าวไว้แล้วโดยย่อในการเจริญสมถภาวนาตามแนววิชชาธรรมกาย ว่าให้ปฏิบัติจนเห็นกายต่าง ๆ ตามลำดับทั้ง ๑๘ กาย นั้นแล้ว
...อ่านต่อ
คือความรู้ที่เกิดขึ้นจากการพิจารณามรรค ผล นิพพาน และ กิเลสที่เหลืออยู่ และกิเลสที่ละแล้ว
...อ่านต่อ
มี ๔ เท่ามัคคญาณ คือ โสดาปัตติผลญาณ สกทาคามิผลญาณ อนาคามิผลญาณ และอรหัตตผลญาณ
...อ่านต่อ
มี ๔ คือ โสดาปัตติมัคคญาณ สกทาคามิมัคคญาณ อนาคามิมัคคญาณ อรหัตตมัคคญาณ
...อ่านต่อ
คือปัญญาทำลายโคตรของปุถุชน เข้าสู่โคตรของพระอริยเจ้า เป็นญาณที่พระนิพพาน อนุโลมญาณเป็นญาณทำลายกิเลส แต่ไม่สามารถเห็นนิพพาน แต่โคตรภูญาณเป็นญาณเห็นพระนิพพาน
...อ่านต่อ
คือญาณที่อนุโลมไปตามลำดับ เพื่อให้สำเร็จกิจแห่งวิปัสสนาญาณ หรืออนุโลมไปตามโพธิปักขิยธรรม ๓๗
...อ่านต่อ
ญาณพิจารณาเห็นนามรูปโดยอาการวางเฉย มาจากคำว่า สังขาร รวมกับอุเปกขา และ ญาณ
...อ่านต่อ
คือญาณพิจารณาเห็นนามรูป โดยขะมักเขม้น ต่อจากมุญจิตุกัมยตาญาณ หาทางหนี รูปนาม
...อ่านต่อ
มุญจิตุกัมยตาญาณ เป็นญาณที่มีความปราถนาใคร่จะพ้นจากนามรูป โดยที่ได้พิจารณาเห็นนามรูปเป็นของน่ากลัว มีทุกข์ มีโทษต่างๆ จิตก็เกิดความเบื่อหน่าย อยากออก อยากหนี อยากหลุด อยากพ้น จากสังขารธรรม อยากพ้นจากสังสารวัฏฏ ใจน้อมไปสู่พระนิพพาน
...อ่านต่อ
นิพพิทาญาณ ญาณที่พิจารณารูปนามโดยอาการเบื่อหน่าย เมื่อผู้ปฏิบัติพิจารณาเห็นสังขารทั้งปวงเต็มไปด้วยโทษ จิตก็จะเกิดความเบื่อหน่าย ไม่อยากได้รูปได้นามไม่อยากกลับมาเกิดอีก ไม่รักใคร่อาลัยอาวรณ์ในโลกสันนิวาสนี้อีกต่อไป อุปมาได้เหมือนสิ่งเหล่านี้
...อ่านต่อ
อาทีนวญาณ หมายถึงญาณที่เห็นรูปนามเป็นโทษ ทำให้รู้สึกไม่มีความปรารถนายึดถือรูปนามหนึ่งรูปนามใดเลยแม้แต่น้อย เป็นดุจดังกองเพลิงกำลังลุกไหม้อยู่ เอารูปนามเป็นที่พึ่งมิได้เลยมีแต่โทษ สังขารที่เป็นไปในภาพ ในกำเนิด ในคติ ในวิญญาณฐิติในสัตตาวาสใด ๆ ก็ดี ไม่มีที่ต้านทาน ไม่มีที่หลบลี้ ไม่มีที่จะไป ไม่มีที่อาศัย และไม่เป็นที่พึงปรารถนา
...อ่านต่อ
เมื่อผู้ปฏิบัติเจริญภังคานุปัสสนาญาณแก่กล้ามากขึ้น สังขารทั้งหลายจะปรากฏให้เห็นเป็นของน่ากลัวมาก เหมือนคนขี้ขลาดรักชีวิตเห็นสิ่งน่ากลัวต่าง ๆ เช่นสัตว์ร้ายหรืออันตรายร้ายแรงปรากฏอยู่ตรงหน้า เพราะเข้าใจถ่องแท้ว่า สังขารที่เกิดในอดีตก็ดับไปแล้วในปัจจุบันก็กำลังดับ และแม้ที่จะเกิดในอนาคตก็จะต้องดับเช่นเดียวกัน
...อ่านต่อ
ภังคญาณ คือปัญญาที่พิจารณาเห็นการดับไปของรูปนามโดยส่วนเดียว
...อ่านต่อ
อุทย้พพยญาณ คือ ญาณที่เป็นไปด้วยอำนาจการพิจารณาความเกิดร้นและ ความดับแห่งสังขารทั้งหลาย ญาณนืม ๒ อย่าง คือ อย่างอ่อน (ตรุณ) และอย่างแก (พลว)
...อ่านต่อ
สัมมสาเญาณ คือปัญญาที่เห็นรูปนามเป็นไตรลักษณ ได้แก่ความรู้เห็นรูปนามเป็น อนิจจังไม่เทียง หรือเป็นทุกข้ง ทนอยู่ไม่ได หรือเป็นอนัตตาบังคับบัญชาไม่ได เพราะ รูปนามประชุมกันเกิดขนแล้วดับไปอยู่เสมอ
...อ่านต่อ
ในมหาวิปัสสนา ๑๘ ขั้น หลักใหญ่คือ อนิจจานุปัสสนา ทุกขานุปัสสนา และอนัตตานุปัสสนา ส่วนที่เหลืออีก ๑๕ ล้วนเป็นปัญญาที่เกิดจากการได้รู้เห็นจากอนุปัสสนาทั้ง ๓ ดังกล่าว เพียงแต่เป็นปัญญาส่วนเพิ่มเติมที่ละเอียดกว้างขวางยิ่งขึ้น
...อ่านต่อ
๑. เริ่มต้นเหมือนการเจริญสมถภาวนา   ๑.๑ คือต้องรักษาศีลให้บริสุทธิ์บริบูรณ์    ๑.๒ ละปลิโพธ เครื่องกังวลใจทั้ง ๑๐ ประการ    ๑.๓ ต้องมีครูอาจารย์เป็นกัลยาณมิตร ผู้มีคุณสมบัติที่ดีครบ ๑๕ ประการ
...อ่านต่อ
จุดประสงค์สูงสุดในการบำเพ็ญวิปัสสนาภาวนา ก็คือเพื่อให้เกิดปัญญานำตนให้พ้นจากกิเลสทั้งปวง คือการได้สำเร็จอริยมรรค อริยผล เป็นพระอรหันตขีณาสว พ้นจากการเวียนว่ายในวัฏฏทุกข์
...อ่านต่อ
๖. ปัญญาคืออะไร ทีกล่าวมาทั้งหมดตั้งแต่ต้น เป็นการตอบคำถาม ดังนี้ คําถามทีหนึ่ง ทีถามไว้ว่า เราคือใคร คำถามที่สอง ที่ถามว่า เราควรปฏิบัติตัวอย่างไร จึงจะได้สิ่งที่ดีที่สุดในการเกิดมาครั้งนี้ สําหรับผู้ไม่ปรารถนาเกิดต่อไปอีก ไม่ปรารถนาความมีตัวเรา จ่าต้องสร้างปัญญา ขั้นสูงสุด ความปรารถนานั้นจึงจะสำเร็จ ดังนั้นคำถามที่สาม จึงควรมีว่า
...อ่านต่อ

สิ่งดีๆมีไว้แบ่งปัน อะไรดีๆมีอีกเยอะ กด Like facebook กัลยาณมิตร


ยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคล