ชาดก 500 ชาติ รวมนิทานชาดกพร้อมภาพประกอบ คติธรรม ข้อคิดสอนใจ

ชาดก 500 ชาติ : ชาดก 500ชาติรวมชาดก 500 ชาติพร้อมภาพประกอบ  ข้อคิดสอนใจ

ชาดก คือ เรื่องราวหรือชีวประวัติในอดีตชาติของพระโคตมพุทธเจ้า คือ สมัยที่พระองค์เป็นพระโพธิสัตว์บำเพ็ญบารมีอยู่ พระองค์ทรงนำมาเล่าให้พระสงฆ์ฟังในโอกาสต่าง ๆ เพื่อแสดงหลักธรรมสุภาษิตที่พระองค์ทรงประสงค์ เรียกเรื่องในอดีตของพระองค์นี้ว่า ชาดก ชาดกเป็นเรื่องเล่าคล้ายนิทาน บางครั้งจึงเรียกว่า นิทานชาดก

ชาดก 500 ชาติ :: อรรถกถาจุลลนารทกัสสปชาดก ว่าด้วย พิษ เหว เปือกตม และอสรพิษ  

อรรถกถา จุลลนารทกัสสปชาดก

ว่าด้วย พิษ เหว เปือกตม และอสรพิษ

https://84000.org/tipitaka/atita100/space1.gif 

           ณ พระเชตวันมหาวิหาร สถานที่พระศาสดาเสด็จประทับอยู่ ทรงตรัสถึงเรื่องการเอาอกเอาใจของสาวแก่ ให้กับภิกษุฟัง มีใจความว่า

 

           ย้อนไปเมื่อหลายปีก่อนมีธิดาชาวกรุงสาวัตถีผู้หนึ่งอายุประมาณ ๑๕-๑๖ ปีได้ นางเป็นหญิงที่มีรูปโฉมงดงาม แต่สิ่งที่น่าแปลกคือไม่มีชายใดมาสู่ขอนางแต่งงานแม้แต่คนเดียว ทำให้แม่ของนางหนักใจยิ่งได้แต่ครุ่นคิดว่าจะทำอย่างไรดี หลังจากนั่งกลุ้มมาหลายวันก็คิดหาทางออกจนได้ “ใช้ลูกสาวเป็นเหยื่อล่อพระสักรูปแล้วกัน”

 

           วันหนึ่ง ณ เรือนหญิงแก่ ขณะที่นางกำลังจัดข้าวปลาอาหารอยู่นันั้น ขบวนพระภิกษุสงฆ์หลายสิบรูปเดินผ่านมาทางหน้าบ้านพอดี “เอ๊ะ..ขบวนพระภิกษุไม่ใช่หรอ” ช่างเป็นเวลาที่เหมาะเหลือเกิน ก่อนทำท่าทางชะเง้อ เหมือนกำลังพิจารณาอะไรอยู่  "ตรงนี้มองไม่เห็นอะไรเลย ลงไปข้างหน้าบ้านดีกว่าจะได้เห็นอะไรถนัด"  ก่อนจะกางร่มแล้วลงจากเรือน ไปยืนหน้าบ้านใช้สายตาจ้องมองไปที่พระภิกษุอย่างพิจารณา “อืม...รูปนี้ก็ไม่ได้ รูปนี้ยังไม่ผ่าน วันนี้จะได้เหยื่อไหมหนอ" ขณะที่สาวแก่รำพึงรำพันกับตนเอง


            สายตาดันสะดุดเข้ากับพระรูปหนึ่ง “ฮ่า..ต้องแบบนี้สิช่างงดงามเหลือเกิน ไม่ว่าจะเป็นสบงที่ส่องประกาย ยามต้องแสงตะวัน  บาตรสีสวยดังอัญมณี รูปร่างงดงามราวกับชายชาตรี นี่แหละเหยื่อของเรา” รอยยิ้มเจ้าเล่ห์ปรากฏขึ้นบนใบหน้าชั่วขณะก่อนจะค่อยๆเลือนหายไป “นิมนต์เจ้าข้า” สาวแก่เอ่ยขึ้น ก่อนจะพาพระหนุ่มเดินตรงเข้ามายังเรือน แล้วจัดแจงที่นั่งพร้อมยกภัตตาหารซึ่งประกอบไปด้วย ของคาวของหวานต่างๆ ก่อนกล่าวกับพระภิกษุหนุ่มว่า “ ท่านช่วยมาที่เรือนนี้บ่อยๆได้ไหมคะ” 


https://84000.org/tipitaka/atita100/space1.gif           อยู่มาวันหนึ่ง ขณะที่พระภิกษุกำลังฉันภัตตาหารอยู่ มีเสียงรำพึงรำพันจากสาวแก่ว่า  “ในเรือนนี้มีเครื่องมีอุปโภคบริโภคพอประมาณ แต่สิ่งที่ขาดนั้นมีแค่ลูกชาย ตอนนี้ดิฉันก็แก่มากแล้ว ห่วงแต่ลูกสาวที่ต้องอยู่คนเดียวยามที่ดิฉันตายไป แล้วไหนจะบ้านหลังนี้อีก ดิฉันล่ะห่วงจริงๆ” ภิกษุหนุ่มฟังคำของนางจบแต่ได้แต่นิ่งเงียบ ก่อนคิดในใจ “นางพูดเพื่อประโยชน์อะไรเล่า”

 

       ในคืนของวันเดียว ณ เรือนหญิงแก่  “ลูก แม่หาคนที่จะคอยมาดูแลเจ้าได้แล้วนะ” “ใครหรือคะ” “ก็พระภิกษุรูปนั้นไงที่มาบ้านเราบ่อยๆลูกชอบไหม” “ชอบค่ะ ท่านมีรูปงามแถมกริยามารยาทก็ดีเหมือนหน้าตา" “เมื่อตอนกลางวันเแม่ลองหยั่งเชิงดูเหมือนท่านจะไม่ปฏิเสธ” “พรุ่งนี้ลูกต้องแต่งตัวสวยๆ แล้วคอยใช้เสน่ห์ยั่วยวนพระหนุ่มให้หลงรักเจ้า แม่ช่วยเลือกให้ลูกแล้วแล้วนะ ต่อจากก็ขึ้นอยู่กับเจ้า” "ค่ะ" หญิงสาวรับคำมารดาด้วยท่าทีหน้าชื่นตาบาน ดวงตาแวววับ ก่อนรอยยิ้มเจ้าเล่ห์จะปรากฎขึ้นบนใบหน้าอันงดงามของหญิงสาว "แม่...คอยดูเถอะ! ระดับนี้แล้วรับรองว่าลูกได้มาเป็นผัวแน่"

 

         ตั้งแต่นั้นมา นางเริ่มแต่งกายด้วยผ้าแพรชั้นดี ใส่เครื่องประดับที่งดงาม และทุกครั้งที่ภิกษุหนุ่มมาที่เรือน นางมักจะส่งสายตาหวานเยิ้ม พร้อมรอยยิ้มที่เปลี่ยมไปด้วยเสน่หา ให้กับพระภิกษุทุกครั้งที่มาบ้าน  ช่วงแรกพระหนุ่มแค่รู้สึกแค่ร้อนๆหนาวๆ ไม่ได้ใสใจอะไรนัก แต่ขึ้นชื่อว่า น้ำหยดลงหินทุกวันหินยังกร่อนแล้วนับประสาอะไรกันความรู้สึกคน จะไปเหลืออะไร ด้วยหญิงสาวก็ไม่ได้หน้าตาขี้ริ้วขี้เหร่อะไร บวกกับจริตจะก้านอีกนิดหน่อย ทำเอาเหล่าหนุ่มๆ หลงหัวปักหัวปำกันหมดแล้ว และแล้วภิกษุหนุ่มก็ไม่อาจต้านทานไหว ตกอยู่ภายใต้ห้วงเสน่ห์ อย่างเต็มรูปแบบ ภิกษุหนุ่มนั่งคิดนอนคิดด้วยอาการกระสับกระส่ายอยู่หลายวัน ก่อนตัดสินใจทิ้งสถานะภาพพระภิกษุ ก่อนตรงไปยังวิหาร กราบเรียนพระอาจารย์อุปัชฌาย์ว่า “ผมจะสึกครับ” 


             “ฉันจะพาเธอไปสำนักพระศาสดา” พระอาจารย์อุปัชฌาย์กล่าว ก่อนเดินนำเข้าไปเข้าเฝ้าพระพุทธเจ้า  “ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญภิกษุนี้จะสึกพระเจ้าข้า” พระศาสดาตรัสถามว่า “ดูก่อนภิกษุข่าวว่า เธอจะสึกจริงหรือ”  เมื่อกราบทูลให้ทรงทราบว่า “จริง” จึงตรัสว่า “เพราะเหตุอะไรทำให้เธออยากสึก “เป็นเพราะสาวแก่ พระเจ้าข้า”ดูก่อนภิกษุ แม้ในอดีตนางคนนี้ก็เคยกระทำอันตรายแก่พรหมจรรย์ ก่อความเสื่อมเสียอย่างมหันต์แก่เธอ เธอยังจะสึกเพราะนางอีกหรือ”


https://84000.org/tipitaka/atita100/space1.gif              ในอดีตกาล เมื่อพระเจ้าพรหมทัตเสวยราชสมบัติในกรุงพาราณสี พระโพธิสัตว์บังเกิดในสกุลพราหมณ์ มีสมบัติมากมายในแคว้นกาสี ได้ร่ำเรียนวิชาต่างๆจนกระทั่งสำเร็จ จากนั้นก็แต่งงานกับหญิงจากตระกูลใกล้ๆกัน วันหนึ่งภรรยาของพระโพธิสัตว์เกิดเจ็บท้องคลอด บรรดาหมอตำแยต่างช่วยประถมพยาบาลอย่างเต็มที่ เสียงเด็กร้องดังระงมไปทั้งห้อง แต่เรื่องที่น่ายินดีก็เกิดขึ้นได้ไม่นาน สุดท้ายภรรยาสุดที่รักกลับสิ้นใจลง เหลือไว้เพียงลูกชายคนเดียวเท่านั้น จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทำให้พระโพธิสัตว์ตระหนักได้ว่า ความตายที่เกิดกับภรรยาของตนนั้นสักวันหนึ่งสิ่งนั้นจะเกิดขึ้นกับตนเช่นกัน

 

             คืนหนึ่งพระโพธิสัตว์เรียกลูกชายเข้ามาหาในห้อง “เราทั้งสองบวชกันไหม ละทิ้งกิเลส ซะ” คนเป็นพ่อกล่าว “ทำไมเราต้องละทิ้งด้วยครับ ทั้งๆที่เราอยู่แบบนี้ก็สบายดีอยู่แล้ว” ลูกชายถามอย่างสงสัย “เจ้าจำเรื่องของแม่ได้ไหม ความตายพรากคนที่ลูกและพ่อรักจากไปโดยไม่ทันตั้งตัวแม้แต่น้อย สิ่งที่ตามมาคือ ความโศกเศร้าเสียใจสุดท้ายทั้งพ่อและลูก ต้องอยู่ในวงวลพวกนี้ไม่รู้จักจบจักสิ้น บวชเถอะนะ เพื่อละกามทั้งหลาย” จากนั้นพระโพธิสัตว์จึงพาลูกชายออกเดินทางเข้าป่าหิมพานต์ ออกบวชเป็นฤๅษี

 

%E0%B8%AA%E0%B8%B3%E0%B8%A3%E0%B8%AD%E0%B8%8701.jpg

 https://84000.org/tipitaka/atita100/space1.gif

            หลายปีต่อมา ณ หมู่บ้านแถบชายป่ามีกลุ่มโจรชาวปัจจันตคาม บุกปล้นก่อนจะจับชาวบ้านที่อาศัยอยู่ในนั้นเป็นเชลย ก่อนจะใช้ให้ขนข้าวของสู่ชายแดน กลุ่มเชลยที่เต็มไปด้วยแรงงานชาย หญิงวัยกลางคน กลับมีสาวงามผู้หนึ่งซึ่งนางเป็นคนที่มีร้อยเล่ห์มารยาเป็นพื้นฐานอยู่แล้ว ระหว่างทางจึงพยายามคิดหาทางหนีทีไล่ก่อนออกอุบายว่า “นายเจ้าข้า ดิฉันอยากเข้าห้องน้ำ โปรดหยุดสักหน่อยเถิดเจ้าคะ” ขณะที่พูดก็ส่งสายสายตายั่วยวนโจรหนุ่มไปด้วย ได้สิข้าให้เวลา10นาที” “เจ้าคะ” จากนั้นหญิงสาวก็เดินหลบเข้าไปในชายป่า “หึ..ในที่สุดเราก็ได้โอกาสแล้วก่อนจะวิ่งหนีอย่างสุดแรง”

 

%E0%B8%AA%E0%B8%B3%E0%B8%A3%E0%B8%AD%E0%B8%8702.jpg

 

            เช้าวันต่อมา ณ ป่าหิมพานต์ “เหนื่อยจัง...โอ๊ยยยเมื่อไหรจะออกจากป่านี้ได้สักที” หญิงสาวกระทืบเท้าแสดงอาการกระฟัดกระเฟียด ปึกๆ ปึกๆ เสียงเท้ากระทบกับพื้นดังขึ้น “ในป่านี่ไม่มีอะไรเลยยย  โอ้ย อยากกลับบ้านแล้ว” ขณะที่หญิงสาวเดินไปมาอยู่นั้น สายตาดันหันไปเห็นกระท่อมกลางป่าเข้า เอ๊ะ ใครมาอยู่กลางป่าฤๅษีหรอ เดินเข้าไปขอความช่วยเหลือดีกว่า”

 

%E0%B8%AA%E0%B8%B3%E0%B8%A3%E0%B8%AD%E0%B8%8703.jpg

 

            ก่อนจะสาวเท้าทั้งสองข้างตรงเข้าไปกระท่อมกลางป่า ซึ่งในขณะนั้นมีเพียงแค่ลูกชายพระโพธิสัตว์เฝ้าอาศรมอยู่เท่านั้น เนื่องจากฤๅษีผู้เป็นพ่อออกไปหาผลไม้  “มีใครอยู่ไหม”เสียงเรียกของหญิงสาวดังขึ้น ฤๅษีหนุ่มได้ยินจึงเดินออกมาดู “เธอเข้ามาที่นี่ได้ยังไง” ดาบสหนุ่มถาม หญิงสาวได้เห็นดาบสหนุ่มก็รู้สึกพอใจ “เด็กคนนี้ก็หน้าตาดีใช้ได้เลยแถมยังหนุ่มยังแน่นถ้าพาออกไปด้วยคงจะดูแลเราได้สบาย” รอยยิ้มเจ้าเล่ห์ปรากฏขึ้น “หึ...เสร็จเราแน่” ก่อนที่หญิงสาวจะทำทีเป็นอ่อนแรง แกล้งล้มลงกับพื้น ดาบสเห็นดังนั้นก็ตกใจก่อนจะรีบเข้าไปพยุง “เป็นอะไรหรือเปล่า” “เอ่อไม่เป็นอะไรเจ้าค่ะ” ก่อนจะค่อยๆช้อนสายตามองไปยังดาบสหนุ่ม ดวงตาคู่สวยคลอไปด้วยน้ำตา “ท่านเจ้าคะท่านชั่งงดงามเหลือเกิน ดิฉันเห็นแค่ครั้งเดียว ก็ทำในหลงรักซะแล้ว ไปอยู่ด้วยกันนะคะ อยู่ในป่านี้ก็ลำบากเปล่าๆ ในเมืองมีของกินอร่อยและยังหาได้ง่าย ที่พักก็สบายกว่า ท่านไปกับดิฉันดีกว่าไหม” นางเอ่ยยั่วยวน ดาบสหนุ่มชะงักก่อนกล่าว “ดีเลยตอนนี้พ่อของฉันไปหาผลไม้ในป่าเมื่อท่านกลับมาแล้วค่อยไปพร้อมกันนะ" เมื่อหญิงสาวได้ยินคำพูดที่หลุดออกมาจากปากฤๅษีหนุ่มก็ไม่พอใจ ก่อนผุดลุกขึ้น “ชิ! ไม่รู้เรื่องอะไรเลยยยยย ถ้าพ่อมาถึงไม่ไล่เฉดหัวส่งหรือ ใครจะอยากให้พาลูกไป” ถ้ารอเจ้าเด็กนี่คงไม่ดีเท่าไหร่นัก ไปดีกว่า “เออ...ฉันว่าจะออกเดินทางไปล่วงหน้าก่อนแล้วกัน  ท่านก็ค่อยตามมานะ” ก่อนจะสะบัดหน้าหนีดาบสหนุ่ม แล้วเดินจากไป

 

 

%E0%B8%AA%E0%B8%B3%E0%B8%A3%E0%B8%AD%E0%B8%8704.jpg

           

            เมื่อหญิงสาวหายลับไปกับป่าแล้ว ฤๅษีหนุ่มเกิดอาการกระสับกระส่าย ไม่เป็นอันทำอะไร ขณะที่พระโพธิสัตว์กำลังเดินทางกลับ  เห็นรอยบนพื้นดิน “นี่มันรอยเท้าของผู้หญิงส่วนตรงนั้นมีอีกคู่เป็นรอยเท้าที่ใหญ่กว่า น่าจะเป็นของลูกชายเรา” “เฮ้อศีลของลูกชายเราคงขาดแล้ว” ฤๅษีผู้พ่อได้แต่ปลงตกในความจริงที่ปรากฏตรงหน้า ก่อนเดินเข้าตรงไปที่ศาลาวางผลไม้ลง “ฟืนเจ้าก็ไม่ได้หัก น้ำเจ้าก็ไม่ได้ตัก แม้กองไฟเจ้าก็ไม้ได้ก่อแล้วทำไมถึงมานอนซึมอยู่ตรงนี้ล่ะ”


            บุตรชายได้ยินคำของบิดาแล้วลุกขึ้นกราบเท้า “พ่อ" "ผมอดทนอยู่ในป่าไม่ไหวแล้ว การอยู่ในป่านั้นชั่งลำบากเหลือเกิน ผมอยากจะเข้าไปอยู่ในเมือง” ก่อนใช้สายตาอ้อนวอนขอร้องพ่อของตน 

 

%E0%B8%AA%E0%B8%B3%E0%B8%A3%E0%B8%AD%E0%B8%8705.jpg


              “ถ้าผมจะเข้าไปอยู่ในเมือง จะต้องทำอะไรบ้าง ได้โปรดสอนเถิด”  ดาบสผู้พ่อถอนหายใจ ก่อนจะส่ายหัว “พ่อเสียดายแทนเจ้าจริงๆ แต่สิ่งนี้คือสิ่งที่ลูกเลือกแล้ว พ่อนั้นเคารพการกระทำของลูกเสมอ ถ้าเจ้าจะออกจากป่า จงอย่าเสพของมีพิษ เว้นจากเหว อย่าจมอยู่ในเปือกตม อย่าเข้าใกล้อสรพิษ

https://84000.org/tipitaka/atita100/space1.gif                "คืออะไรหรือครับ เด็กชายทำหน้างุนงง อะไรเป็นพิษ เป็นเหว เป็นเปือกตม”


          “ดูก่อนนารทะ น้ำดองในโลกเขาเรียกว่าสุรา สุรานั้นทำใจให้ฮึกเหิม มีกลิ่นหอม ทำให้พูดมาก มีรสหวานแหลมปานน้ำผึ้ง พระอริยะทั้งหลายกล่าวสุรานั้น ว่าเป็นพิษของพรหมจรรย์”

 
https://84000.org/tipitaka/atita100/space1.gif                   “ส่วนหญิงทั้งหลายในโลก ย่อมย่ำยีบุรุษผู้ประมาท หญิงเหล่านั้นย่อมจูงจิตของบุรุษ เหมือนลมพัดปุยนุ่นที่หล่นจากต้นไม้ บัณฑิตกล่าวว่า เป็นเหวของพรหมจรรย์”


https://84000.org/tipitaka/atita100/space1.gif                    “ลาภ สรรเสริญ สักการะและการบูชาในตระกูลอื่น บัณฑิตกล่าวว่า เป็นเปือกตมของพรหมจรรย์”
            “พระราชาเป็นใหญ่ครอบครองแผ่นดินนี้ เจ้าอย่าเข้าไปใกล้ไม่เช่นนั้น เจ้าจะเจออสรพิษของพรหมจรรย์”


https://84000.org/tipitaka/atita100/space1.gif                    "นี่คืออโคจรทั้ง ๕ ที่ควรเว้น แล้วเมื่อลูกออกแสวงหาอาหาร บุคคลที่เมตตาให้ลูกเข้าไปรับทานอาหาร เมื่อทานเข้าไปแล้ว ต้องรู้จักประมาณตน ทานแต่พอดี และสุดท้ายที่พ่อจะพูดถึงคือ เจ้าไม่ควรสนใจเพียงแค่รูปร่างหน้าตาของหญิงสาวอย่างเดียวเท่านั้น แต่จงดูที่จิตใจของนางด้วย”


https://84000.org/tipitaka/atita100/space1.gif              “และนี่คือสิ่งที่พ่ออยากจะย้ำกับเจ้าเป็นครั้งสุดท้าย เจ้าจงเว้นให้ห่างไกลจากร้านขายสุรา กลุ่มคนเกเร และขุมทรัพย์ทั้งหลาย ซะ สิ่งที่พ่อจะบอกเจ้าก็มีเพียงแค่นี้แหละ" "ขอบคุณครับท่านพ่อ”

 

                     จากนั้นดาบสลูกชายก็กราบลาพ่อของตนก่อนเดินทางออกจากป่าไป
https://84000.org/tipitaka/atita100/space1.gif 
https://84000.org/tipitaka/atita100/space1.gif                      พระศาสดา ทรงนำพระธรรมเทศนานี้มาแสดงแล้ว ทรงประชุมชาดกว่า


https://84000.org/tipitaka/atita100/space1.gifนางกุมาริกานี้ ได้มาเป็นนางสาวแก่นี้
https://84000.org/tipitaka/atita100/space1.gifดาบสกุมารได้เป็นภิกษุผู้กระสัน
https://84000.org/tipitaka/atita100/space1.gifส่วนดาบสบิดา คือ เราตถาคต นั่นเอง

บทความนี้ ถูกใจคุณหรือไม่ + -

สิ่งดีๆมีไว้แบ่งปัน อะไรดีๆมีอีกเยอะ กด Like facebook กัลยาณมิตร

* * ชาดก 500 ชาติ แนะนำ * *

 ยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคล