
วันนี้เป็นวันสำคัญวันหนึ่งในชีวิตการสร้างบารมีของเรา
ซึ่งเป็นวันคล้ายวันที่พระเดชพระคุณหลวงปู่ พระมงคลเทพมุนี (สด
จนฺทสโร) ท่านได้อุทิศชีวิตจนกระทั่งค้นพบวิชชาธรรมกายกลับคืนมาอีกครั้งหนึ่ง
ซึ่งเป็นประโยชน์ต่อเราและต่อโลก
พระเดชพระคุณหลวงปู่
ท่านเป็นบุคคลที่หาได้ยากในโลก จะใช้คำว่า บุคคลสำคัญของโลกก็จะน้อยไป
เพราะบุคคลสำคัญของโลก คำนี้เขาใช้กับผู้ที่ยังข้องอยู่กับโลก มีชีวิตแบบชาวโลกทั่ว
ๆ ไป ไม่ได้แตกต่างจากชาวโลกทั้งหลาย ถ้าจะใช้คำสำหรับท่าน ต้องเป็นคำที่เหนือกว่านั้นว่า
ท่านเป็นบุคคลสำคัญของจักรวาล แต่ถ้าเราได้ศึกษาวิชชาธรรมกายจะต้องใช้คำที่ยิ่งไปกว่านั้นอีก
เพราะท่านเป็นบุคคลที่มีคุณอย่างไม่มีประมาณ เป็นบุคคลที่สำคัญของธาตุธรรมหรือธรรมธาตุทั้งหลาย
เมื่อเรายังไม่ถึงในระดับที่ศึกษาวิชชาธรรมกายได้ เราก็จะต้องเข้าใจในระดับที่เหนือโลกว่า
ท่านเป็นบุคคลสำคัญที่เหนือโลก แม้ยังไม่พ้นจากโลกนี้ เพราะท่านยังมีภารกิจอยู่
แต่ต้องใช้คำที่เป็นบุคคลสำคัญที่เหนือโลกออกไป
เมื่อเรานึกย้อนถึงเรื่องราวปฏิปทา ข้อวัตรปฏิบัติของท่าน ซึ่งเป็นสิ่งที่น่าศึกษาว่า
ท่านมีชีวิตแบบชาวโลก ที่มีอาชีพเป็นเกษตรกร ทำธุรกิจค้าขายข้าวแบบคหบดีทั้งหลาย
อยู่ไม่กี่ปี คือ เมื่ออายุ ๑๙ ปี ในขณะที่ล่องเรือไปทำการค้าขาย ท่านมีความรู้สึกว่า
ชีวิตมนุษย์นี้ไม่มีอะไรเป็นแก่นสาร งานที่เราทำนี้ก็ไม่ได้แตกต่างจากงานที่ปู่ย่าตายายของเราทำ
ซึ่งเดี๋ยวนี้ปูย่าตายายของเราละโลกไปแล้ว ทำมาหากินกันจนตาย แต่ก็ไม่ได้อะไรที่เป็นประโยชน์อันสูงสุดต่อชีวิต
แล้วท่านก็นึกย้อนกลับมาดูตัวเองว่า
ถ้าท่านทำอย่างปู่ย่าตายาย ก็จะเป็นแบบปู่ย่าตายายหรือชาวโลกทั่ว ๆ ไป
ท่านอยากจะใช้ชีวิตให้มีคุณค่ายิ่งกว่านั้น แล้วท่านก็มองดูลูกจ้างผู้ที่ร่วมเดินทางมากับท่านในเรือลำเดียวกัน
ซึ่งอยู่ในตำแหน่งที่เสี่ยงภัยมากกว่า ถ้าหากโจรมันมาปล้นละก็ จะต้องถูกโจรทำร้ายจนถึงชีวิตก่อนเรา
คิดแล้วก็สลดใจ ก็นึกในใจว่า ถ้าเรารอดชีวิตในคราวนี้ เราจะออกบวช แล้วจะไม่ลาสิกขา
ที่คิดอย่างนี้ก็เพราะว่า คลองที่ท่านพายเรือผ่านไปทำมาค้าขายนั้น มันอยู่ในแดนโจรซึ่งมีหลายคนโดนจี้โดนปล้นกันมาแล้ว
บางคนก็เสียทรัพย์สิน บางคนก็เสียชีวิต บางคนก็เสียทั้งชีวิตและทรัพย์สิน
ท่านจึงใช้คำว่า ถ้ารอดชีวิตในคราวนี้ เราจะบวชตลอดชีวิต จะไม่ลาสิกขา
แล้วก็จุดธูปอธิษฐานจิต นั้นก็หมายความว่า ท่านบวชใจมาตั้งแต่อายุ ๑๙ ปีแล้ว
ต่อมาท่านก็ตั้งใจทำมาค้าขาย
เพื่อรวบ รวมทรัพย์ให้กับมารดาที่ยังมีชีวิตอยู่ ซึ่งอายุก็มากแล้วเรี่ยวแรงก็มีแต่จะหมดไป
ท่านคิดจะเอาทรัพย์นี้เป็นสิ่งที่แทนตัวท่าน เพื่อจะดูแลมารดาของท่านให้อยู่อย่างสุขสบายตามอัตภาพของเกษตรกร
ส่วนตัวท่านก็จะออกบวช
เมื่อท่านอายุครบ
๒๒ ปี ท่านก็บรรลุเป้าหมายที่ตั้งใจไว้ มอบทรัพย์สินเงินทองให้กับมารดา
แล้วก็จากลาครอบครัวญาติพี่น้องอย่างไม่มีอาลัยอาวรณ์เหมือนนกที่จากคอนอย่างนั้น
ออกบวชเป็นภิกษุในพระพุทธศาสนา ท่านได้เขียนไว้ในบันทึกของท่านว่า เมื่อบวชแล้ว
รุ่งขึ้นอีกวันหนึ่งก็ปฏิบัติธรรมเรื่อยมา ทำความเพียรเจริญสมาธิภาวนาไม่ได้ขาดแม้แต่วันเดียว
ไม่ว่าจะมีภารกิจมากมายแค่ไหนก็ไม่ขาดจากการเจริญภาวนา ซึ่งในยุคนั้นครูบาอาจารย์คนไหนที่มีชื่อเสียงโด่งดังในธรรมปฏิบัติ
ท่านจะยอมตนเข้าไปเป็นศิษย์ เพื่อศึกษาธรรมปฏิบัตินั้น แล้วก็ได้ผลการปฏิบัติเช่นเดียวกับครูบาอาจารย์นั้น
จนกระทั่งครูยกย่องว่ามีความรู้เท่าเทียมกัน แล้วก็เชิญท่านอยู่ร่วมสำนักด้วย
เพื่อที่จะช่วยกันสั่งสอนศิษย์ต่อไป แต่ท่านก็มีความคิดว่า ความรู้แค่นี้จะไปสอนเพื่อนมนุษย์นั้นยังไม่เพียงพอ
แค่เป็นต้นทางแห่งความสงบทางใจ ละนิวรณ์ได้เท่านั้น ยังมีความรู้สึกว่าไม่ใช่ทางมรรคผล
ในยุคนั้นใครว่าอะไรดี
ที่เขานิยม ที่เหมาะสมกับพระภิกษุ ท่านก็ศึกษาไปตามนั้น ท่านได้ศึกษาเล่าเรียนปริยัติธรรม
แบกคัมภีร์จนไหล่ลู่ เพราะเรียนกันเป็นผูกๆ (ลักษณะนามเรียกหนังสือใบลานที่ร้อยหู
ไว้มัดหนึ่งๆ ว่าคัมภีร์เทศนาผูกหนึ่ง) อยากจะศึกษากี่บทเรียนก็ตามหรือกี่ผูกก็ตามก็แบกกันไป
แล้วก็ไปเรียนไม่ซ้ำวัดกัน เนื่องจากว่าผู้เชี่ยวชาญทางภาษาบาลีนั้นอยู่กันคนละวัด
ท่านก็อาศัยความเพียรกันไปอย่างนั้น จนต้องใช้คำว่าแบกกันจนไหล่ลู่ เหมือนพ่อค้าแม่ค้าที่หาบของเพื่อแสวงหาทรัพย์ภายนอก
แต่ท่านแสวงหาทรัพย์ภายใน ก็แบกคัมภีร์กันไป ศึกษาตามสำนักต่างๆ แต่ก็ไม่ได้สอบเป็นมหาเปรียญ
เพราะท่านต้องการความรู้ อยากรู้ว่าพระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสอะไรไว้ในภาษาบาลีซึ่งเก็บคำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเอาไว้บ้าง
ในยุคนั้นเขาสนใจเรื่องโหราศาสตร์
ซึ่งพระเถรานุเถระวัดวาอารามต่างๆ ท่านได้ศึกษาเล่าเรียนเพราะว่าญาติโยมขอร้องให้ดูโชคชะตาราศีตามความคิดของชาวโลก
ท่านก็เรียน เมื่อรู้แล้วเห็นว่ามันไม่ใช่ทางหลุดพ้นก็เลิก หรือแม้แต่วิทยาศาสตร์ทางใจ
เวทมนต์กลคาถาอะไรต่างๆ ที่เขานิยมเรียนกันในยุคนั้น ท่านก็ไปเล่าเรียนจนหมดความรู้ของครูบา-อาจารย์ทำตามนั้นได้
จนในที่สุดท่านก็กลับมาพิจารณาด้วยปัญญาบารมีของท่าน พบว่าสิ่งที่เรียนนั้นไม่ใช่ทางมรรคผล
แต่เขาเรียนกันมาอย่างนั้น ทำกันไปอย่างนั้น ก็ทำตามกันไป แต่ในใจลึกๆ
มีสิ่งที่กระตุ้นเตือนจิตสำนึกว่า จะต้องแสวงหาทางมรรคผลนิพพานให้ได้
กลางพรรษาที่
๑๑ ณ โบสถ์วัดโบสถ์บางคูเวียง จ.นนทบุรี ในวันขึ้น ๑๕ ค่ำ กลางเดือน ๑๐
ท่านมีความคิดที่ว่า เราบวชมา ๑๐ พรรษาแล้วยังไม่ได้บรรลุทางมรรคผลนิพพาน
บวชมาเพื่อต้องการทำพระนิพพานให้แจ้ง นี่พรรษาที่ ๑๑ ผ่านไปครึ่งพรรษาแล้ว
การปฏิบัติธรรมเจริญภาวนาเราก็ทำทุกวัน ไม่เคยขาดเลยนับตั้งแต่บวชมาวันหนึ่งรุ่งขึ้นอีกวันหนึ่งก็ทำเรื่อยมา
วันนี้เป็นอย่างไรก็เป็นกัน ถ้าไม่บรรลุธรรมจะไม่ลุกจากที่
ในยามเย็นวันนั้น
ท่านได้ตั้งสัตยาธิษฐาน ซึ่งท่านได้กล่าวไว้ในบันทึกว่า นั่งอยู่ในโบสถ์วัดโบสถ์บางคูเวียง
แล้วก็หันหน้าไปทางพระประธาน พื้นโบสถ์ก็ไม่สม่ำเสมอ มีล่องที่มดไต่ขึ้นมา
ท่านเกรงว่ามดจะมารบกวนทำให้เสียสมาธิ จึงเอานิ้วจุ่มน้ำมันก๊าดในขวดหวังจะขีดไว้รอบตัวท่าน
เพื่อกันมดไม่ให้มาไต่ตามตัวหรือกัดท่าน ขีดไปได้ครึ่งหนึ่งก็เกิดความละอายว่า
เราได้ตั้งสัตยาธิษฐานเอาไว้ว่าสละชีวิตเป็นพุทธบูชา ถ้าไม่บรรลุทางมรรคผลนิพพานแล้วละก็จะขอยอมตาย
เนื้อเลือดจะแห้งเหือดหายไปเหลือแต่กระดูกหนังก็ชั่ง ไม่ได้ตายเถอะ แต่เรายังมากลัวมดที่ไต่ขึ้นมาตามร่องแตกของพื้นโบสถ์นั้นไม่สมควร
ท่านจึงไม่สนใจเรื่องมด
แล้วก็ลงมือทำความเพียรไป ตั้งแต่ยามพลบค่ำรอยต่อระหว่างกลางวันกับกลางคืน
ท่านก็เป็นเช่นเดียวกันกับพวกเราทั้งหลาย ที่มีความปวดความเมื่อยเหมือนกัน
แต่ว่าท่านไม่ได้เอาใจใส่ หยุดนิ่งเรื่อยไป ทางมรรคผลนิพพานอยู่ตรงไหนก็ไม่รู้
หยุดนิ่งอย่างเดียวเท่านั้น มีบันทึกที่ท่านเขียนกล่าวไว้ว่า ครึ่งคืนผ่านไปกระทั่งค่อนคืน
นั่งไปใจท่านหยุดถูกส่วนเข้าถึงปฐมมรรค และก็เห็นไปตามลำดับถึงกายที่ ๕
ตั้งแต่กายมนุษย์ละเอียด กายทิพย์ พรหม อรูปพรหม และก็กายธรรม หยุดอยู่ที่ตรงกาย
ที่ ๕ ซึ่งในตอนนั้นยังไม่มี ๑๘ กาย แล้วท่านรำพึงว่า โอ! มันยากอย่างนี้นี่เอง
ความเห็น ความจำ ความคิด ความรู้ ๔ อย่างต้องหยุดรวมเป็นจุดเดียวกัน พอหยุดถูกส่วนมันก็จะดับ
คือ ตกศูนย์วูบลงไป แล้วจึงจะเกิดมาเป็นดวง แล้วจึงเห็นกายในกายไปตามลำดับ
เมื่อเข้าถึงธรรมกายแล้ว
ท่านก็ทำ ความเพียรเรื่อยไปตลอดพรรษา และได้ศึกษาค้นคว้าวิชชาธรรมกายเทียบเคียงกับตำรับตำราในพระไตรปิฎก
ที่ได้กล่าวถึงคำว่าธรรมกาย ท่านก็รู้จักความจริงว่าธรรมกาย เป็นอย่างนี้
คือกายตรัสรู้ธรรมที่ประกอบไปด้วยลักษณะมหาบุรุษครบถ้วนทุกประการ สวยงามมาก
เกตุดอกบัวตูมใสบริสุทธิ์เกินความใสใดๆ ในโลก ใสยิ่งกว่าเพชรงามไม่มีที่ติ
เข้าถึงแล้วมีความสุขมาก มีความบริสุทธิ์ของใจ แล้วท่านก็ศึกษาค้นคว้าเรื่อยมา
จนกระทั่งใกล้จะออกพรรษา ท่านก็ตรวจตราด้วยธรรมจักขุและญาณทัสนะ ก็พบว่าจะมีผู้บรรลุธรรมที่วัดบางปลาทั้งคฤหัสถ์และบรรพชิต
เมื่อออกพรรษาแล้ว
ท่านก็ไปตามที่เห็นนั้น ก็เป็นจริงตามนั้น การเผยแผ่ธรรมะวิชชาธรรมกายก็เริ่มต้นเรื่อยมา
มีผู้ที่ได้บรรลุธรรมตามท่านทั้งคฤหัสถ์และบรรพชิต เป็นพยานแห่งการเข้าถึงธรรมมากมาย
ท่านก็ศึกษาไปด้วย ค้นคว้าไปด้วย เป็นทั้งครูเป็นทั้งนักเรียน จนกระทั่งได้มาเป็นเจ้าอาวาสปกครองวัดปากน้ำ
ภาษีเจริญ ก็ได้ศึกษาค้นคว้ากันยิ่งๆ ขึ้นไปอีก ในที่สุดก็มีผู้บรรลุธรรมเพิ่มขึ้นมากมาย
แล้วท่านก็ได้ศึกษาค้นคว้าวิชชาธรรมกาย
ต่อไปอีก จนกระทั่งพบเรื่องราวเกี่ยวกับเรื่องหน้าที่ของท่าน ที่ท่านจะต้องลงมาเกิด
มาทำงานที่สำคัญ แล้วก็มีทีมงานที่จะมุ่งไปสู่ที่สุดแห่งธรรมด้วยกัน ที่จะไปขจัดต้นตอของกิเลสอาสวะให้มันหมดสิ้นไป
ท่านตรวจตรามองกันไปเรื่อย
ศึกษาไปเรื่อยๆ โดยเข้ากลางของกลางไปตามลำดับ เข้าไปในธรรมกายในธรรมกายไปเรื่อยๆ
ก็ศึกษาไปค้นคว้ากันไป ในที่สุดก็รวบรวมผู้ที่มีธาตุธรรมพิเศษที่มาเกิดเพื่อการนี้
ที่จะศึกษาค้นคว้าวิชชาธรรมกาย รวมกันได้เป็นกลุ่มเป็นก้อน ตั้งแต่ท่านอายุได้
๔๗ ปี ก็เริ่มทำสงครามภายในซึ่งเป็นสงครามที่แท้จริง เป็นสงครามที่ไม่ได้ใช้ศาสตราวุธยุทโธปกรณ์
รบกันด้วยธรรมาวุธด้วยธรรมกาย ไม่มีการพลัดพราก ไม่มีการสูญเสียใดๆ ทั้งสิ้น
นอกจากบุญบันเทิง มีความสุขทุกขั้นตอนของการทำสงครามที่แท้จริงกับกิเลสอาสวะภายใน
ศึกษาค้นคว้ากันเรื่อยไปทั้งกลางวันและกลางคืน โดยแบ่งเป็น ๒ กะ กลางวัน
๖ ชั่วโมง กลางคืน ๖ ชั่วโมง ค้นคว้า กันเรื่อยไป จนกระทั่งถึงยุคของคุณยายอาจารย์ของเรา
ท่านได้มีส่วนอย่างสำคัญในการเข้าสู่สมรภูมิรบที่แท้จริง
กระทั่งเข้าสู่สงครามโลกครั้งที่
๒ ที่เกิดการรบราฆ่าฟันกันไปทั่วโลก ท่านก็ศึกษาค้นคว้ากันไป แก้ไขทุกข์มนุษย์ไปด้วย
แก้ไขไม่ให้มนุษย์รบกันเอง เพราะว่ามนุษย์ไม่รู้ว่าเกิดมาทำไม อะไรคือเป้าหมายชีวิต
ถูกเขาจับปั่นเหมือนจิ้งหรีดให้กัดกัน โดยเอากิเลสอาสวะมาบังคับ มาบดบังไม่ให้รู้เป้าหมายชีวิตของตัวเอง
ไม่ให้รู้ว่าเป็นครอบครัวเดียวกัน เป็นพี่เป็นน้องกัน ไม่ให้รู้เรื่องราวว่าจะต้องมุ่งไปสู่ที่สุดแห่งธรรมด้วยกัน
ให้รบกันไปเองอย่างนั้น ท่านและทีมงานซึ่งมีทั้งพระภิกษุ สามเณร อุบาสก
อุบาสิกา ก็พยายามแก้ไขเหตุในเหตุกันเรื่อยไป คุณยายท่านก็เป็นหนึ่งในนั้น
ท่านเป็นหัวหน้าเวรขาดรู้ ซึ่งจะต้องเป็นผู้รับผิดชอบเกี่ยวกับเรื่องเหตุผลที่จะตอบคำถาม
พระเดชพระคุณหลวงปู่ตามหลักวิชชาทั้งหยาบและละเอียด หยาบก็ถามเกี่ยวกับเรื่องสงครามโลก
ละเอียดก็ถามเรื่องสงครามภายใน ก็แก้ไขกันไปอย่างนี้
การศึกษาวิชชาธรรมกายนั้น
เป็นเรื่องที่ละเอียดลึกซึ้ง จิตต้องบริสุทธิ์และไม่มีอะไรเหนี่ยวรั้ง
ไม่เกาะเกี่ยวกับเรื่องคน สัตว์ สิ่งของ จึงจะไปรู้เรื่องราวสิ่งเหล่านี้ได้
เพราะเรื่องราวเหล่านี้มันเหลือวิสัย และยากต่อการเข้าใจด้วยวิธีการให้เหตุผลแบบธรรมดา
จะไปหาหลักฐานอ้างอิง หรือจะใช้ความนึกคิดด้นเดาไม่ได้ แล้วก็เป็นสิ่งที่นอกเหนือจากนักการศึกษาพระพุทธศาสนาหรือปราชญ์ทางพุทธศาสนาได้ศึกษาค้นคว้ามา
เหมือนใบไม้ในป่าประดู่ลาย ซึ่งสมัยหนึ่งพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ท่านกอบใบไม้มากำมือหนึ่ง
ถามพระภิกษุว่าใบไม้ในกำมือกับใบไม้ในป่าประดู่ ส่วนไหนมีมากกว่ากัน ภิกษุก็ตอบว่า
ใบไม้ในป่าประดู่มีมากกว่าใบไม้ในกำมือ พระสัมมาสัมพุทธเจ้าก็ได้ตรัสต่อไปว่า
สัพพัญญุตญาณของเรานั้น รู้แจ้งเห็นแจ้งแทงตลอดในสรรพสัตว์และสรรพสิ่งทั้งปวงโดยไม่มีขอบเขตจำกัด
แต่สิ่งที่เรานำมาสอน เธอนั้นเพียงนิดเดียว เพื่อเป็นทางหลุดพ้นจากกิเลสอาสวะ
จากภพทั้ง ๓ จากกฎแห่งกรรมเพื่อทำพระนิพพานให้แจ้งเท่านั้น
วิชชาธรรมกายเหมือนใบไม้ในป่าใหญ่
ซึ่งนักปราชญ์และนักวิชาการในทางพุทธ-ศาสนาในระดับโลกนั้น ไม่ได้ให้โอกาสกับตัวเองในการศึกษาธรรมปฏิบัติให้ลึกซึ้งขึ้นไป
ก็ยากต่อการจะที่เข้าใจสิ่งนี้ได้ เพราะฉะนั้นคำว่าวิชชาธรรมกาย จึงรู้กันอยู่ในขอบเขตจำกัดสำหรับผู้ที่ได้ศึกษาวิชชาธรรมกายในโรงงานทำวิชชาเท่านั้น
นอกนั้นก็รู้แต่เพียงว่าธรรมกาย
คือ พระรัตนตรัยภายใน เป็นที่พึ่งที่ระลึก ไปนรกก็ได้ ไปสวรรค์ก็ได้ ในที่สุดไปนิพพานก็ได้
ไปนรกสวรรค์ไปจับมือถือแขนสัตว์นรกหรือชาวสวรรค์ได้ พูดจาโต้ตอบกันได้
ญาติ บิดามารดา ปู่ย่าตายายไปตกนรกพระธรรมกายไปช่วยได้ ด้วยอานุภาพของพระธรรมกายที่ไม่มีประมาณ
นี่คือสิ่งที่ทุกคนที่อยู่นอกโรงงานทำวิชชาเข้าใจได้เพียงแค่นี้เท่านี้
จะรู้ซึ้งไปกว่านี้ ก็รู้กันอยู่ในขอบเขตจำกัดจริงๆ แต่ว่าวิชชาธรรมกายเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดทีเดียว
ที่จะเอาชนะกิเลสอาสวะได้ ที่จะทำให้สันติสุขและสันติภาพของโลกที่แท้จริงบังเกิดขึ้น
นอก เหนือจากวิชชาธรรมกายแล้วไม่ว่าจะด้วยวิธีการใดๆ ทั้งสิ้น ไม่อาจที่จะให้สันติสุขสันติภาพเกิดขึ้นได้เลย
ในวันนี้
การที่ลูกๆ ทุกคนได้ตระหนักถึงความสำคัญของวิชชาธรรมกาย ได้ทิ้งภารกิจเครื่องกังวลทั้งหลาย
เพื่อมาแสวงหาบุญใหญ่เพื่อจะมาประกอบพิธีบูชาครูวิชชาธรรมกายกัน ก็จะเป็นสิริมงคล
เป็นทางมาแห่งบุญแก่ลูก ทุกๆ คนนะลูกนะ