Dhammaforpeople
ธรรมะเพื่อประชาชน
อยากเป็นที่รัก ต้องรักการให้
ทานบารมีเป็นบารมีที่จะส่งผลให้สมบูรณ์พร้อมไปด้วยทรัพย์สมบัติ ซึ่งทำให้ได้สร้างมหาทานบารมีได้อย่างเต็มที่ และสร้างบารมีอย่างอื่นได้อย่างสะดวกสบายเช่น เมื่ออานิสงส์จากทานบารมีส่งผลจะทำให้ร่ำรวย ไม่ต้องเสียเวลาในการทำมาหากิน ถึงคราวนั่งสมาธิก็จะทำได้ง่าย ไม่มีเครื่องกังวลใจและเข้าถึงทำได้อย่างรวดเร็ว เพราะการตัดใจสละของรักของหวงได้อย่างง่ายๆ แล้วก็ทำให้สามารถปลดปล่อยวางอารมณ์ได้ง่ายขึ้นอีกด้วย ทำให้ใจปลอดโปร่งใสสว่าง เหมาะกับการทำใจหยุดใจนิ่ง ดังนั้นเมื่อจะทำทานทุกครั้งจะต้องรักษาใจให้ผ่องใสทั้งก่อนทำ ขณะทำและหลังทำแล้ว วิธีที่ดีที่สุดที่จะทำให้ใจใสคือ การหมั่นเจริญสมาธิภาวนา ฉะนั้นให้ทำใจหยุดใจนิ่งเป็นประจำอย่างสม่ำเสมอนะจ๊ะ
พระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสไว้ใน นิธิกัณฑสูตร ว่าบุรุษฝังขุมทรัพย์ไว้ในน้ำลึกด้วยคิดว่า เมื่อกิจที่จำเป็นเกิดขึ้นทรัพย์นี้จะเป็นประโยชน์แก่เรา เพื่อเปลื้องตนจากราชภัยบ้าง เพื่อช่วยตนให้พ้นจากโจรภัยบ้าง เพื่อเปลื้องหนี้บ้าง ในคราวทุพภิกขภัยบ้าง ในคราวคับขันบ้าง ขุมทรัพย์ที่เขาฝังไว้ในโลกก็เพื่อประโยชน์นี้แล ขุมทรัพย์นั้นย่อมหาสำเร็จประโยชน์แก่เขาไปทั้งหมด ในการทุกเมื่อเสียทีเดียวไม่ เพราะขุมทรัพย์นั้นเคลื่อนจากที่ไปเสียบ้าง จดจำไม่ได้เสียบ้าง ถูกพวกนาคเคลื่อนย้ายเสียบ้าง ถูกยักษ์เคลื่อนย้ายไปเสียบ้าง ถูกทายาทอันไม่เป็นที่รักขโมยขุดเอาไปเสียบ้าง หรือในเวลาที่สิ้นบุญขุมทรัพย์ทั้งหมดนั้น หายสาบสูญไปเสียบ้างก็มี
ขุมทรัพย์คือบุญของผู้ใดเป็นสตรีก็ตามเป็นบุรุษก็ตาม ฝังไว้ดีแล้วด้วยทาน ศีล ความสำรวม ความฝึกฝน ฝังไว้ดีแล้วในเจดีย์บ้าง ในสงฆ์บ้าง ในบุคคลบ้าง ในแขกบ้าง ในมารดาบ้าง ในบิดาบ้างหรือในพี่ชายพี่สาวบ้าง ขุมทรัพย์นั้นชื่อว่าฝังไว้ดีแล้ว ใครๆ ไม่อาจจะเอาไปได้ เป็นของที่จะติดตามตนไปได้ บรรดาโภคะทั้งหลายที่เขาจำต้องละทิ้ง มีแต่ขุมทรัพย์คือบุญเท่านั้นที่เขาจะนำไปได้
ขุมทรัพย์ในที่นี้พระพุทธองค์ทรงหมายเอาบุญกุศลคือ เมื่อได้ทรัพย์มาแล้วก็ต้องทำบุญใหม่เพิ่มทุกครั้ง จะทำให้ชีวิตมีแต่ความเจริญรุ่งเรือง ทำให้มีขุมทรัพย์คือบุญติดตัวกันไปข้ามภพข้ามชาติ
ซึ่งเมื่อได้นำทรัพย์ฝากฝังไว้ในพระพุทธศาสนาคือ ทำบุญกับเนื้อนาแล้ว ก็จะเป็นอริยทรัพย์อันประเสริฐ ซึ่งสามารถติดตัวไปข้ามภพข้ามชาติได้ ไม่ว่าจะกลับมาเกิดเป็นมนุษย์ เป็นเทวดาหรือสัตว์เดรัจฉาน บุญนั้นก็ยังตามเกื้อหนุนให้มีความสุขตามอัตภาพที่พึงมีพึงได้
เราอย่าได้เห็นเพียงความสะดวกสบายในชาตินี้ แล้วเอาทรัพย์ที่ได้มาไปใช้ทำอย่างอื่นหมด ต้องรู้จักนำออกให้ทานสร้างบุญใหม่ด้วย เพราะบุญเก่าที่เราใช้ไปทุกๆ วันก็มีสิทธิ์หมดได้
การให้ไม่ได้มีเฉพาะเจาะจงแต่ฆราวาสอย่างเดียวเท่านั้นนะจ๊ะ แม้เป็นนักบวชก็ต้องทำเหมือนกัน เพราะการทำทานคือหนทางสวรรค์และเป็นสิ่งจรรโลงใจ ที่จะทำให้เราปฏิบัติธรรมและสามารถเข้าถึงธรรมได้อย่างสะดวกสบาย จะเป็นประเภทสุขาปฏิปทา ขิปปาภิญญา ปฏิบัติสะดวกบรรลุได้เร็ว
ดังเช่นเรื่องราวของพระวิชิตเสนเถระ ซึ่งในอดีตชาติพระเถระท่านเป็นผู้ที่ชอบสร้างบุญบารมี รักการทำทาน รักษาศีลและเจริญสมาธิปฏิบัติธรรมมานับภพนับชาติไม่ถ้วน เมื่อทำบุญคราใดท่านก็จะอธิษฐานจิต ให้ได้ทำบุญในบุญเขต คือในพระพุทธศาสนาเสมอ แรงอธิษฐานนั้นก็เป็นจริงเรื่อยมา ทำให้ท่านมีโอกาสสั่งสมบุญกุศล อันเป็นอุปนิสัยแห่งการได้บรรลุมรรคผลนิพพาน
ในยุคสมัยของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระนามว่าอัตถทัสสี ท่านก็ได้มาเกิดสร้างบารมีเช่นเดิม เมื่อโตเป็นหนุ่มก็เห็นการครองเรือนของเพื่อนบ้าน ที่ใช้ชีวิตด้วยความคับแค้น ก็เบื่อหน่ายกับชีวิตที่ต้องอยู่คลุกคลีกับความเศร้าหมอง ต้องแก่งแย่งชิงดีชิงเด่นกัน เลยตัดสินใจเข้าป่าบวชเป็นฤาษี ใช้ชีวิตด้วยความสันโดษปรารถนาน้อย วันๆ ทำแต่ความเพียร ความเป็นพรตปฏิบัติธรรมเท่านั้น นี้ก็ถือว่าเป็นนิสัยของบัณฑิตที่รักในการประพฤติพรหมจรรย์นะจ๊ะ
อยู่มาวันหนึ่งโอกาสทองของท่านฤษีก็มาถึงคือพระผู้มีพระภาคเจ้าพระนามว่าอัตถทัสสี ได้เสด็จเหาะผ่านอาศรมของท่าน ทำให้ท่านฤาษีได้เห็นพระพุทธองค์ ผู้ทรงรุ่งเรืองด้วยพระฉัพพรรณรังสี ที่ยิ่งกว่าดวงอาทิตย์บนท้องฟ้า ขณะที่ดวงตาทอดทัศนาพุทธลีลา ดวงใจก็ก่อเกิดพลังความศรัทธาเลื่อมใสอันยิ่งใหญ่ ได้ยกมือทั้งสองขึ้นประคองอัญชลีเหนือเศียรเกล้า พร้อมกับนอบน้อมระลึกนึกถึงพระพุทธองค์ผู้ทรงพระคุณอันประเสริฐ จากนั้นก็ตั้งจิตอธิษฐานว่า ข้าพระพุทธองค์ปรารถนาจะได้สักการะบูชาพระองค์ ขอได้โปรดเมตตามารับภิกษาด้วยเถิด
พระบรมศาสดาทรงทราบวาระจิตของท่านฤาษี จึงเสด็จลงมาประทับยืนอยู่หน้าอาศรมของฤาษี ท่านฤาษีเห็นเช่นนั้นก็ยิ่งเกิดความเลื่อมใสศรัทธาเพิ่มขึ้นทับทวี รีบกุลีกุจอจัดแจงอาสนะที่ประทับถวายแด่พระพุทธองค์
และน้อมผลไม้ที่มีรสเลิศที่คัดสรรมาอย่างดีแล้ว ถวายแด่พระพุทธองค์ ด้วยผลบุญที่ได้ทำในครั้งนี้ส่งผลให้ท่านฤาษี เวียนเกิดเวียนตายอยู่ในสองภพภูมิเท่านั้น คือในเทวโลกและในมนุษยโลกเท่านั้น ไม่มีโอกาสพลัดตกในอบายภูมิเลย
ต่อมาในยุคสมัยของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าของเรา ท่านก็ถือกำเนิดในตระกูลนายหัตถาจารย์ ซึ่งเป็นตระกูลควานช้างประจำแคว้นโกศล มีชื่อว่าวิชิตเสนะ เมื่อท่านโตเป็นหนุ่มก็ได้เห็นนายหัตถาจารย์ผู้เป็นลุง สองท่านออกบวชในบวรพระพุทธศาสนา เมื่อบวชแล้วทั้งสองท่านก็ตั้งใจบำเพ็ญสมณธรรมจนสามารถสำเร็จเป็นพระอรหันต์
วิชิตเสนะหนุ่มน้อยเห็นแล้วก็อยากใช้ชีวิตอย่างหลวงลุงบ้าง ไม่อยากครองเรือน ถึงแม้ว่าตนจะเรียนศิลปวิทยาของนายควานช้างจนจบแล้วก็ตาม มีแต่อยากจะเจริญรอยตามหลวงลุงทั้งสอง ที่ได้ออกบวชไปก่อนหน้านี้แล้ว นี่ก็เป็นเพราะนิสัยที่เคยออกบวชมาข้ามชาติ ทำให้ยินดีในการประพฤติพรหมจรรย์ ยิ่งเมื่อได้เห็นปาฏิหาริย์ของพระพุทธองค์ ที่ทรงแสดงในวาระต่างๆ ก็ยิ่งมีความเลื่อมใสศรัทธามากยิ่งขึ้น จึงตัดสินใจออกบวชทันที โดยฝากตัวเป็นลูกศิษย์ของหลวงลุงทั้งสององค์
เมื่อบวชแล้วก็เป็นพระที่รักในการฝึกฝนอบรมตนเอง ถึงพร้อมด้วยศีลาจารวัตรที่งดงาม มีความอ่อนน้อมถ่อมตน ไม่ว่าหลวงลุงทั้งสองจะแนะนำสั่งสอนอะไรก็รับฟังด้วยความเคารพ และนำไปปฏิบัติตามโดยไม่มีข้อแม้เงื่อนไขใดๆ ทั้งสิ้น ความที่ท่านเป็นพระที่ว่าง่าย ทำให้สามารถปรับปรุงแก้ไขข้อบกพร่องของตัวเองได้รวดเร็ว บวชได้ไม่กี่พรรษากิเลสอาสวะ ที่หน่อเนื่องอยู่ในขันธสันดาน ก็ถูกขัดเกลาจนเบาบาง ผลการปฏิบัติธรรมก็รุดหน้าเรื่อยไปจนในที่สุด ก็ได้บรรลุธรรมเป็นพระอรหันต์องค์หนึ่งในพระพุทธศาสนา
เห็นไหมจ๊ะ ว่าการจะให้ได้บรรลุมรรคผลนิพพาน ซึ่งเป็นความปรารถนาที่สูงที่สุดของมวลมนุษยชาตินั้น ต้องเริ่มต้นจากก้าวแรกด้วยทานบารมีเสมอทานบารมีนี้ถือได้ว่าเป็นของสากลที่ทุกคนทำได้และผู้ให้ย่อมเป็นที่รักของคนหมู่มาก ถ้าอยากเป็นที่รักของมนุษย์และเทวาก็ให้หมั่นทำทานเอาไว้ ยิ่งให้ก็ยิ่งเพิ่มเสน่ห์ให้กับตัวเอง ทำให้เป็นที่ชื่นชอบของผู้พบเห็น
แต่ก็อย่าลืมเป้าหมายหลักคือทำทานเพื่อกำจัดความตระหนี่ออกจากใจ ซึ่งก็มีอนิสงส์ตามมาก็คือ เมื่อลงมือนั่งสมาธิปฏิบัติธรรมก็สามารถเข้าถึงธรรมได้โดยง่าย ดังนั้นเวลาที่ผ่านไปในแต่ละวันอย่าให้ผ่านไปเปล่านะจ๊ะ ต้องรู้จักฝากฝังทรัพย์ไว้ในพระพุทธศาสนา ด้วยการให้ทานและสำรวมระวังในการรักษาศีล
หมั่นฝึกฝนอบรมใจให้หยุดนิ่งอยู่ตลอดเวลา จะได้เป็นบุญนิธิคือขุมทรัพย์ที่จะหนุนนำชีวิตให้เจริญรุ่งเรืองและสว่างไสวในสังสารวัตรไปตลอดทุกภพทุกชาติ จนกว่าจะหมดกิเลสเป็นพระอรหันต์ ไปสู่ที่สุดแห่งธรรมกันนะจ๊ะ
พระธรรมเทศนาโดย: พระราชภาวนาวิสุทธิ์ (ไชยบูลย์ ธมฺมชโย)