อรรถกถา ชาครชาดก
ว่าด้วย ผู้หลับและตื่น
ณ พระเชตวันวิหาร พระศาสดา ทรงตรัสถึงอุบาสกคนคนหนึ่ง มีใจความว่า มีอุบาสกผู้หนึ่ง ร่วมเดินทางไปกับคณะพ่อค้า เมื่อกลุ่มเกวียนเคลื่อนออกจากเมืองไม่ไกลเท่าไหร่นัก เส้นทางที่เคยปูด้วยหินค่อยๆเปลี่ยนไป หมู่บ้านที่เเน่นขนัดกลับกลายเป็นแนวป่ากันดารไร้ผู้คนอยู่อาศัย คณะเกวียนเคลื่อนเข้าสู่ทางลูกรังถนนสีแดงปนส้ม ต้นหญ้าข้างทางล้วนถูกจับด้วยฝุ่นหนาแทบไม่เห็นแม้แต่สีเขียว หินก้อนเล็กก้อนน้อยกระจัดกระจายเต็มบริเวณ ล้อเกวียนขนาดใหญ่บดลงพื้นไปยังบนท้องถนนเบื้องหน้า กลุ่มเกวียนค่อยๆเคลื่อนไปบนผิวดิน ตะวันเคลื่อนคล้อยต่ำ จนเกือบจะลับขอบฟ้า กลุ่มพ่อค้าต่างพากันหยุดพัก ก่อนที่หัวหน้าพ่อค้าจะกล่าวว่า “พวกท่านตอนนี้ก็เย็นมากแล้วพักตรงนี้ก่อนเถิด เดี๋ยวพรุ่งนี้ค่อยออกเดินทางต่อ”
บรรดาพ่อค้าต่างทำธุระตามอัธยาศัย เมื่อแสงตะวันลาลับจากขอบฟ้า ความมืดคืบคลานเข้ามาแทนที่อีกครั้ง ดวงจันทร์ลอยเด่น สีนวลส่องสว่าง "ฮ้าววววว" เสียงหาวของคนง่วงนอนดังขึ้น ก่อนทำท่าตระเตรียมที่นอนของตน พลันสายตาพลันไปสบเข้ากับบุรุษร่างหนึ่ง "อ้าวท่านอุบาสกจะไปไหนไม่นอนหรือนี่ก็ดึกมากแล้ว" "เราว่าจะเดินจงกรมรอบๆเกวียนสักหน่อย เผื่อเกิดเหตุสุดวิสัยจะได้หยุดทัน" "โถ่ท่านจะกังวลไปทำไม เราเดินทางมากับคณะพ่อค้าหลายรอบแล้ว ไม่เห็นเกิดเหตุอะไรเลย ท่านคิดมากน่า" แต่อุบาสกนั้นก็ส่ายหัวก่อนที่จะเอ่ยว่า "ไม่เป็นไร ท่านนอนไปเถอะ" พ่อค้ามีสีหน้าแปลกใจ ก่อนที่จะพึมพำเบาๆ "แปลกคนจริงๆ" ก่อนที่จะนอนบนหมอนที่ตนเตรียมมา จากนั้นอุบาสกจึงหยิบท่อนไม้ที่หาได้แถวนั้น ก่อนจะออกเดินจงกรมไปรอบๆเกวียนที่ถูกจอดทิ้งไว้
ขณะนั้นกลุ่นมีโจรกลุ่มใหญ่ถืออาวุธครบมือ แอบซุ่มดูคณะพ่อค้าอยู่หลังพุ่มไม้ไม่ไกลมากนัก "หัวหน้าๆ เราออกไปปล้นเลยไหม" "รอก่อนให้พวกนั้นเข้านอนทั้งหมด" เวลาล่วงผ่านไปอย่างช้าๆ ป่ายังคงเงียบ มีเพียงเสียงจิ้งหรีด เหล่าแมลงตัวเล็กร้องดังระงมไปทั่วป่า "ตอนนี้แหละ" หัวหน้าให้สัญญาณ กลุ่มโจรค่อยๆเดินฝ่าความมืด ก่อนจะเข้าประชิดกลุ่มพ่อค้าใช้อาวุธจ่อเข้าไปที่คอ ใบหน้าอันเหี้ยมเกรียมก้มต่ำ ก่อนกระซิบที่ข้างหู "ลุกขึ้นมาถ้าไม่อยากตาย" เสียงเหี้ยมปลุก คนที่กำลังเคลิ้มถึงกับสะดุ้ง ดวงตาเบิกโพลงจ้องเขม็งไปยังที่มาของเสียง แต่ก่อนจะเอ่ยอะไรขึ้น "หุบปากถ้ายังอยากกลับไปหาลูกหาเมียของเจ้า" ก่อนจะจับพ่อค้าทั้งหมดมัดไว้ และให้ลูกน้องเข้าไปแอบซุ่มดูกลุ่มเกวียนที่ถูกจอดทิ้งไว้ไม่ห่างมานัก "เฮ้ย..เอ็งไปดูว่าเกวียนมีคนเฝ้าไหม" "มีครับ" "งั้นพวกเอ็งไปดูลาดเลาก่อน รอจนกว่า คนที่เฝ้าจะเดินไปทางอื่นแล้วเราค่อยจู่โจมเลย" กลุ่มโจรยังคง เฝ้ารอรอบแล้วรอบเล่า แต่อุบาสกไม่มีทีท่าว่าจะหยุดพักหรือเดินไปทางอื่นแม้แต่น้อย จนเวลาล่วงผ่านไป
ณ.ย่ำรุ่ง "นายครับ เจ้าหนุ่มคนนั้นยังไม่มีทีท่าจะหยุดเดินเลย เอายังไงต่อดีเราจะบุกเลยไหม" ลูกน้องโจรผู้หนึ่งเอ่ยถาม "จากการคำนวณของข้าแล้วดูท่าเจ้าหนุ่มนั่นคงจะไม่หยุดเดินง่ายๆ พวกเรากลับเถอะ" หัวหน้าโจรเอ่ย ก่อนจะหันไปพูดกับนายเกวียน "ข้าไม่ปล้นเกวียนของพวกเจ้าแล้ว ที่ทุกคนรอดชีวิตมาได้เพราะอุบาสกผู้นั้น อย่าลืมไปขอบคุณเขาล่ะ" เพราะบุรุษคนนี้คือผู้อยู่ในความไม่ประมาท ท่านควรขอบคุณบุรุษคนนี้ ที่ทำให้พวกท่านไม่เสียทรัพย์ ก่อนจะเดินจากไป
ฝ่ายอุบาสกกลับมายังกรุงสาวัตถีอีกครั้ง ก่อนเดินทางไปที่พระวิหารเชตวัน บูชาพระตถาคต ถวายนมัสการ แล้วจึงกราบทูลเรื่องที่ตนได้ประสบพบเจอมาก่อนหน้านี้ พระศาสดาตรัสว่า ดูก่อนอุบาสก ก็ท่านเองไม่หลับนอนแต่สิ่งที่ปฏิบัติอยู่นั้นไม่ได้พิเศษอะไรเลย ไม่เหมือนในกาลก่อน แล้วถูกอุบาสกทูลขอร้อง จึงทรงนำเอาเรื่องในอดีตมาสาธก ดังต่อไปนี้
ในอดีตกาล เมื่อพระเจ้าพรหมทัตครองราชสมบัติอยู่ในนครพาราณสี พระโพธิสัตว์เกิดในตระกูลพราหมณ์ เติบโตแล้วเรียนศิลปะทุกอย่างที่เมืองตักกสิลาจบ ก่อนกลับมาอยู่ในเมืองดังเดิม เวลาต่อมาท่านก็ออกบวชเป็นฤๅษี ไม่นานเท่าไรฌานและอภิญญาเกิดขึ้น วันหนึ่งที่ดาบสกำลังจงกรมอยู่ในป่าหิมพานต์ จนไม่ได้นอนทั้งคืน
เทวดาผู้เกิดบนต้นไม้ไม่ไกลที่จงกรมของดาบส เอ่ยทัก "ก่อนจะถามคำถามดาบส มีใจความดังนี้ว่าเมื่อคนทั้งโลกตื่น ใครเป็นผู้หลับ แต่เมื่อคนทั้งโลกหลับแล้ว ใครเป็นผู้ตื่น ใครคือคนที่เข้าใจปัญหาของเรา และสามารถแก้ได้"
พระโพธิสัตว์ได้ฟังคำนั้นแล้ว จึงกล่าวว่า "เมื่อพระอริยเจ้าทั้งหลายตื่นอยู่ ข้าพเจ้าเป็นผู้หลับ แต่เมื่อคนทั้งหลายหลับ ข้าพเจ้าเป็นผู้ตื่น เราเข้าใจปัญหาข้อนี้สามารถแก้ปัญหาของท่านได้"
"เมื่อคนทั้งหลายตื่นอยู่ ท่านจะเป็นผู้หลับได้อย่างไร เมื่อคนทั้งหลายหลับแล้ว ท่านจะเป็นผู้ตื่นได้อย่างไร ท่านเข้าใจปัญหาข้อนี้อย่างไร ท่านจะแก้ปัญหาของข้าพเจ้าอย่างไร?" เทวดาถาม
"ดูก่อนเทวดา ชนเหล่าใดไม่รู้ธรรม คือ สัญญมะและทมะ เมื่อผู้คนเหล่านั้นหลับอยู่ เพราะประมาท ข้าพเจ้าตื่น พระอริยเจ้า ที่ตัดกิเลสออกได้แล้ว เมื่อพระอริยเจ้าเหล่านั้นตื่นอยู่ ข้าพเจ้าเป็นผู้ที่หลับ ท่านเทวดา เมื่อพระอริยเจ้าเหล่านั้นตื่นอยู่ ข้าพเจ้าคือผู้ที่หลับ แต่เมื่อคนทั้งหลายหลับแล้ว ข้าพเจ้าคือผู้ตื่น เราเข้าใจปัญหาอย่างนี้จึงตอบท่านได้เพียงเท่านี้"
เมื่อพระมหาสัตว์แก้ปัญหาอย่างนี้แล้ว เทวดาพอใจ เมื่อจะทำการสดุดีพระมหาสัตว์ จึงกล่าวคาถาสุดท้ายว่า
"ถูกแล้ว เมื่อพระอริยเจ้าทั้งหลายตื่นอยู่ ท่านเป็นผู้หลับแล้ว แต่เมื่อคนทั้งหลายหลับแล้ว ท่านได้เป็นผู้ตื่น ดีแล้วท่านเข้าใจปัญหาข้อนี้ของข้าพเจ้าดีแล้ว ท่านตอบปัญหาของข้าพเจ้าถูกต้องแล้ว"
เทวดานั้น ครั้นทำการสดุดีพระมหาสัตว์อย่างนี้แล้ว ก็เข้าไปสู่วิมานของตนทีเดียว
พระศาสดา ครั้นทรงนำพระธรรมเทศนานี้มา แล้วทรงประชุมชาดกไว้ว่า
เทวดาในครั้งนั้น ได้แก่ อุบลวรรณาเถรี
ส่วนดาบส ได้แก่ เราตถาคต ฉะนี้แล.