เรื่องที่ ๘๔ หายป่วยได้ทันทีที่ทำบุญสร้างพระแกนกลางฯ
คุณวัชรพงษ์ คำบุญเรือง อยู่จังหวัดเชียงรายเป็นผู้เล่าว่า เมื่อต้นเดือนกันยายน พ.ศ.๒๕๔๑ ได้ทำบุญสร้างพระที่แกนกลางมหาธรรมกายเจดีย์ และได้รับพระของขวัญพระมหาสิริราชธาตุมา ๑ องค์ คุณพ่อของคุณวัชรพงษ์ มีอายุ ๘๕ ปี ป่วยเป็นโรคชรา มีอาการคล้ายคนใกล้ตาย จำหน้าใครๆ ไม่ได้ เรียกชื่อไม่ถูก เพ้อพูดอะไรไม่มีใครรู้เรื่อง
วันนั้นคุณวัชรพงษ์กลับถึงบ้านที่เชียงรายเวลาประมาณ ๓ ทุ่ม ได้นำพระมหาสิริราชธาตุให้บิดาดู พอนำใส่มือยกพระขึ้นพระก็หล่น เพราะบิดาหมดแรงจับ แม้คุณวัชรพงษ์จะอธิบายบอกพ่อว่า ไปทำบุญสร้างพระที่แกนกลางมหาธรรมกายเจดีย์ นำพระของขวัญพระมหาสิริราชธาตุมาช่วยพ่อ พ่อก็ไม่ทราบเรื่องหลับไปเลย ลูกชายห่มผ้าให้แล้วก็ออกจากห้องมาพูดกับพี่สาว ขอให้เบิกเงินของพ่อมาทำบุญสร้างพระที่แกนกลางมหาเจดีย์ให้ท่าน
พี่สาวตอบว่าเคยสร้างให้ไว้แล้วองค์ละหมื่นบาท คุณวัชรพงษ์ไม่กล้าพูดอะไรอีก เพราะพี่สาวเป็นคนมีสิทธิ์เบิกเงินพ่อแต่ผู้เดียว จึงนั่งอธิษฐานจิต คืนนั้น ขอให้พี่สาวตกลงใจทำบุญให้พ่อด้วยการสร้างพระที่แกนกลาง
วันรุ่งขึ้น คุณวัชรพงษ์ไม่ได้พูดอะไรเลย แต่พี่สาวก็บอกว่าจะทำบุญสร้างพระแกนกลางให้พ่อ จากนั้นเมื่อส่งเงินทำบุญไปแล้ว แม้ยังไม่ได้รับพระมหาสิริราชธาตุประจำตัวพ่อมา อาการของพ่อก็ดีขึ้นจนปกติเป็นอัศจรรย์ ลุกนั่งกินอาหารเองได้ จำใครๆ ได้ อาการเพ้อ พูดไม่รู้เรื่องหายไปหมด เหมือนคนแก่ธรรมดาที่ไม่มีโรคภัยอะไร
รายบิดาของคุณวัชรพงษ์เป็นคนชราที่มีอายุขัยครบกำหนดแล้ว ปกติคนในยุคนี้มีอายุเฉลี่ยประมาณ ๗๕ ปี นี่อายุถึง ๘๕ ปี เรียกว่าเกินอายุขัยมาถึง ๑๐ ปีแล้ว เส้นเอ็นอวัยวะในร่างกายเสื่อมสภาพไปตามเวลา ที่ยังมีชีวิตอยู่ได้ ต้องเรียกว่าเป็นคนที่มีร่างกายแข็งแรง อย่างไรก็ดีเมื่อสิ้นอายุขัย แต่ยังไม่หมดบุญก็อาจตายได้ เหมือนตะเกียงยังมีไส้อยู่ แต่น้ำมันหมดลงแล้ว เปลวไฟก็ต้องมอดอยู่ดี
ถ้าอายุยังน้อย แต่หมดบุญก็เหมือนตะเกียงหมดไส้ แม้น้ำมันมีอยู่ก็จุดไม่ติด ร่างกายแม้มีอายุมากครบกำหนดแล้ว แต่ยังแข็งแรง ก็เหมือนกับว่ายังมีน้ำมันอยู่ การที่มีบุญก็เหมือนมีไส้ จึงยังไม่ตาย ซึ่งบิดาของคุณวัชรพงษ์นั้น หลังจากได้บุญจากการสร้างองค์พระที่แกนกลางเพิ่ม ก็เหมือนกับต่อไส้ตะเกียงที่กำลังหมดได้ทัน ทำให้อาการดีขึ้นทันทีทันใด บุญคือไส้ อายุขัยคือน้ำมัน อะไรหมดไป ตะเกียงชีวิตก็ดับทั้งนั้น
ที่น่าสังเกตตรงที่การสร้างบุญกุศลนั้น แม้เจ้าของทรัพย์จะไม่ทราบเรื่องอะไรมาก หรือไม่ทราบเอาเลย เช่นบิดาของคุณวัชรพงษ์ เมื่อลูกนำทรัพย์ไปทำบุญกุศลให้ ก็มีอานิสงส์เหมือนตัวท่านทำเอง เพราะเป็นทรัพย์ที่ท่านหาของท่านเอาไว้ ลูกเป็นเพียงผู้ดูแล ได้ลูกดีเหมือนได้ผู้อุปถัมภ์ดูแลดี
การทำบุญที่ดีที่สุด ไม่ควรรอจนทำด้วยตนเองไม่ไหว เพื่อความไม่ประมาท ยามมีชีวิตแข็งแรงช่วยตนเองได้ ไปไหนมาไหนเองได้ ควรทำบุญของเราเองไว้ด้วยตนเอง ไม่มีขาดทุน