เรื่องที่ ๓๔๖เชื่อมกระดูก
อีกเพียง ๑ เซนติเมตรกระดูกขาของคุณแม่ก็จะหักเป็น ๒ ท่อน ไม่อยากให้คุณแม่ผ่าตัดเลย จะทำอย่างไรดี
คุณแม่กิมวา แซ่อุ่ย มาร่วมพิธีหล่อพระธรรมกายประจำตัวที่วัดเป็นประจำทุกอาทิตย์
|
คุณศรัณย์ศักดิ์ ด่านเพียรนาท อยู่อำเภอเมือง นนทบุรี เล่าว่า เมื่อประมาณเดือนมกราคม พ.ศ.๒๕๔๒ คุณแม่ของคุณศรัณย์ศักดิ์ ชื่อคุณแม่กิมวา แซ่อุ่ย อายุ ๗๔ ปี ขณะที่ท่านกำลังทำงานประจำวันตามปกติ คือ หุงข้าวปลาอาหารให้ลูกๆ ก่อนไปทำงาน ทำความสะอาดบ้าน ฯลฯ แต่ในเช้าวันหนึ่งท่านเกิดหกล้มขณะเทขยะบริเวณหน้าบ้าน พอดีพี่สาวไปเห็นเข้าก็รีบเข้าไปพยุงท่านเข้าบ้าน พอช่วงเย็นท่านมีอาการปวดบริเวณโคนขาด้านซ้าย ซึ่งท่านบอกว่า ทุกครั้งที่เคลื่อนไหวจะปวดและเจ็บมาก พี่สาวจึงพาคุณแม่ไปตรวจเช็คที่โรงพยาบาลวิภาวดีรังสิต หลังจากตรวจเช็คและเอ็กซ์เรย์ พบว่า คุณแม่เกิดกระดูกขาร้าวบริเวณโคนขาด้านซ้าย ซึ่งรอยร้าวค่อนข้างมาก คุณหมอบอกว่า อีกเพียง ๑ เซนติเมตรกระดูกก็จะหักเป็น ๒ ท่อน คุณหมอแนะนำให้ผ่าตัดเพื่อดามเหล็ก เพราะกระดูกร้าว มีโอกาสขาดออกเป็น ๒ ท่อน ซึ่งหากเป็นเช่นนั้นจะทำให้ผู้ป่วยเจ็บและเป็นอันตรายมาก แต่ถ้าไม่ผ่าตัดจะให้กระดูกเชื่อมกันเองก็ต้องใช้เวลาอย่างน้อยถึง ๓-๔ เดือน เนื่องจากผู้ป่วยมีอายุมากแล้ว เนื้อเยื่อกระดูกมีน้อย จะมีโรคกระดูกพรุนเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย การเชื่อมต่อกระดูกต้องใช้เวลานานมาก และถ้าหากขยับตัวมากก็อาจจะทำให้กระดูกขาดออกเป็น ๒ ท่อนได้ แล้วก็ไม่สามารถเข้าเฝือกได้ เพราะอยู่ตรงบริเวณโคนขาใกล้กับข้อพับสะโพก ถ้าจะเข้าเฝือกก็ต้องเข้าเฝือกตั้งแต่โคนขาข้างขวา สะโพกขวา มายังสะโพกซ้ายจนถึงโคนขาข้างซ้าย ไม่ให้ขยับ ซึ่งในทางการแพทย์จะไม่ทำกัน คุณแม่บอกว่าจะไม่ยอมผ่าตัด เพราะกลัวการผ่าตัดมาก คุณหมอก็ปลอบใจว่า ถ้าคนป่วยนอนแล้วสลับนั่ง นั่งแล้วสลับนอน อย่างนี้โดยไม่ให้กระทบกับขาที่กระดูกมีรอยร้าว กระดูกก็น่าจะเชื่อมได้บ้าง แล้วมาให้คุณหมอเอ็กซ์เรย์ดูเป็นระยะๆ ลูกๆ ทุกคนก็เห็นด้วยกับวิธีนี้ และเพื่อให้คุณแม่สบายใจ หลังจากกลับมาบ้านแล้ว คุณศรัณย์ศักดิ์ก็อยากจะให้คุณแม่หายเร็วๆ โดยไม่ต้องผ่าตัด โดยลองหาวิธีรักษาอื่นๆ แทนที่จะนอนเฉยๆ อยู่ที่บ้าน จึงนำฟิลม์เอ็กซ์เรย์ไปให้คุณหมอที่โรงพยาบาลอื่นๆ ดู ปรากฏว่า ทั้งคลีนิคและโรงพยาบาลที่มีความชำนาญด้านโรคกระดูก ก็ลงความเห็นเหมือนกับคุณหมอที่โรงพยาบาลวิภาวดีรังสิต และยังบอกอีกว่า คุณหมอที่รักษาคุณแม่ของคุณศรัณย์ศักดิ์เป็นคุณหมอที่เก่งมาก และมีความเชี่ยวชาญด้านโรคกระดูกโดยเฉพาะ คุณหมอที่โรงพยาบาลต่างรู้จักดีทั้งๆ ที่อยู่กันคนละโรงพยาบาล และคุณหมอทุกท่านต่างก็ลงความเห็นเหมือนกันหมดว่า ต้องผ่าตัดอย่างเดียว ถ้าไม่ผ่าตัด โอกาสที่จะหายนั้นยากมาก เพราะผู้ป่วยอายุมากแล้ว และยิ่งการนอนมากๆ ติดต่อกันหลายๆ เดือนเป็นอันตราย อาจมีผลกับปอดทำให้ปอดแฟบได้ และมีโอกาสติดเชื้อโรคได้ง่าย
ภาพฟิล์มเอ็กซ์เรย์ของคุณแม่กิมวา บริเวณโคนขาที่กระดูกร้าว
จะสังเกตเห็นรอยร้าวบนกระดูกที่ยาว จนเกือบจะขาดเป็น ๒ ท่อน |
คุณศรัณย์ศักดิ์ เชื่อมั่นอย่างเต็มเปี่ยมว่าคุณแม่หายได้อย่างรวดเร็วด้วยบุญ
|
อายุ ๗๔ ปี ในยุคนี้ถือว่าครบอายุขัยของมนุษย์แล้ว แต่ความผูกพันของคนในครอบครัวย่อมไม่มีใครคำนึงถึงเรื่องวัย เรื่องอายุ นับว่าคุณแม่ของคุณศรัณย์ศักดิ์เป็นคนมีโชคดี มีบุญ และก็ต้องเป็นแม่ที่ดีมาก ลูกจึงรักและห่วงใยล้นเหลือ เมื่อแม่เจ็บป่วยก็พากันเป็นทุกข์ เป็นร้อน พาไปรักษาพยาบาลตามแพทย์ที่มีความชำนาญเฉพาะโรค โรงพยาบาลต่าง ๆ
คำพูดที่คุณศรัณย์ศักดิ์กล่่าวว่า "ผมไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรดี รักก็รักคุณแม่มาก ห่วงก็ห่วงมาก กังวลก็กังวลมากเช่นกัน ทางออกที่จะช่วยได้ที่นึกออกในตอนนั้นก็คือ บุญ" คุณแม่ได้ยินแล้วคงต้องชื่นใจมากแน่นอน เมื่อลูกนึกเรื่องบุญเป็นที่พึ่งก็ย่อมพูดเตือนใจผู้เป็นแม่ได้ ประกอบกับ แม่สร้างบุญไว้หลายเรื่องลูกเตือนเพียงไม่กี่คำก็จำได้
เมื่อนึกถึงบุญกุศลออก ความศรัทธาในพระรัตนตรัยย่อมเต็มเปี่ยมบริบูรณ์ ทำให้น้ำมนต์พระมหาสิริราชธาตุมีความศักดิ์สิทธิิ์ยิ่งขึ้น เหตุอัศจรรย์จึงเกิด กระดูกของผู้ชราวัย ๗๔ ปี เชื่อมติดกันได้สนิทเหลือเชื่อ
ที่น่าประหลาดใจก็ตรง ผู้เป็นแม่เล่าว่า ฝันเห็นผู้ชายหลายคน หน้าตาสะอาดสะอ้าน ขาว ๆ อูม ๆ หน้าตาดี มายืนล้อมรอบเตียงนอน แล้วพูดกับท่านว่า "ลำบากมาเยอะแล้ว ให้สบายได้แล้ว ยังไม่ถึงคราวตาย"
โดยปกติที่มีรายอื่นเล่ากันมา ซึ่งเคยพิมพ์ไว้ในเล่มก่อน ๆ คนเจ็บมักจะฝันเห็นอย่างมาก ๔ รายเป็นชายล้วน หน้าตาดี ทำนองนี้ มาพูดว่า พวกเขาอยู่ในองค์พระ หรืออยู่ในรูปภาพองค์พระ มาช่วยเหลือสำหรับรายนี้เล่าว่า มากันหลายคน เข้าใปในบ้านของคุณศรัณศักดิ์ มีพระมหาสิริราชธาตุแบบต่างๆ หลายองค์ของคุณแม่ทำบุญไว้ ๖ องค์ มีกรอบพญานาคสี่สีอีก ๑ องค์ ของคุณศรัณศักดิ์อีก ๕ องค์ เป็นกรอบพญานาคสีทองและกรอบดรุณนาค เทวดานาคจะไม่ดูแลอยู่กันเต็มบ้านได้อย่างไร
ผู้ป่วยเองยังเคยได้เห็นอัศจรรย์ตะวันแก้วพร้อมลูกหลาน ๑๐ คน ในวันที่ ๑๑ ตุลาคม ๒๕๔๑ ย่อมเชื่อมั่นในบุญกุศลเต็มเปี่ยม
"แรงอะไร ไม่เท่าแรงกรรม" เป็นความจริงแท้แน่นอน รายนี้เป็นแรงของกรรมดีให้ผล กระแสพลังกรรมดีคือบุญกุศลย่อมมีอำนาจทำให้เซลล์ในร่างกาย ทำงานซ่อมแซมส่วนที่ชำรุดให้คืนสภาพได้โดยเร็ว