Dhammaforpeople
ธรรมะเพื่อประชาชน
หมู่ญาติควรสงเคราะห์
มนุษย์ทุกคนที่เกิดมาในโลกนี้ ล้วนมีความเป็นอยู่ที่แตกต่างกันออกไป บางคนมีฐานะดีไม่รู้จักความยากลำบาก บางคนยากจนหาเช้ากินค่ำบางครั้งหาทั้งวันยังไม่ค่อยจะพอกินก็มี ที่เป็นเช่นนี้เพราะบุญกรรมที่ปรุงแต่งไม่เหมือนกัน แต่สิ่งหนึ่งที่ทุกคนปรารถนาเหมือนๆ กันก็คือ ความสุขปราศจากโรคภัยไข้เจ็บ อยากจะมีสุขภาพแข็งแรงมีอายุยืนยาว สิ่งเหล่านี้ที่มนุษย์ต้องการมักจะสมหวังได้โดยยาก เพราะชีวิตของมนุษย์เต็มไปด้วยความทุกข์ การดำเนินชีวิตก็เป็นทุกข์แถมร่างกายยังเป็นรังแห่งโรคอีก เมื่อมีโรคภัยไข้เจ็บเบียดเบียนก็สร้างบารมีได้ไม่เต็มที่ เพราะฉะนั้นความไม่มีโรคจึงถือว่าเป็นลาภอันประเสริฐ ความแข็งแรงทั้งร่างกายและจิตใจเป็นสิ่งที่ควรจะมีควบคู่กันไป ซึ่งกำลังกายจะได้มาต้องเคลื่อนไหว แต่กำลังใจจะได้มาตั้งหยุดนิ่ง หากจิตใจเราขาดพลังจากการหยุดนิ่งแล้ว เราก็ย่อมสูญเสียโอกาสที่จะได้รับความสุขที่ละเอียดประณีต ดังนั้นเราต้องขยันหมั่นเพียรในการเจริญสมาธิภาวนากันนะจ๊ะ
พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ตรัสไว้ในขุททกนิกาย คาถาธรรมบทว่า
อาโรคฺยปรมา ลาภา
สนฺตุฏฐีปรมํ ธนํ
วิสฺสาสปรมา ญาติ
นิพฺพานํ ปรมํ สุขํ ฯ
ความไม่มีโรค เป็นลาภอันประเสริฐ
ทรัพย์มีความยินดีเป็นอย่างยิ่ง
ความคุ้นเคยกันเป็นญาติอย่างยิ่ง
พระนิพพานเป็นสุขอย่างยิ่ง
หมูญาติถือว่าเป็นบุคคลที่ใกล้ชิดกับเรามากที่สุด ถ้าหมู่ญาติมีความเดือดร้อนมาขอความช่วยเหลือ หรือไม่ได้ขอความช่วยเหลือก็ตาม แต่ถ้าสิ่งนั้นน่ะไม่เหลือบ่ากว่าแรง ที่เราจะพอช่วยเหลือได้ ก็ควรที่จะยื่นมือเข้าไปช่วย ไม่ว่าจะเป็นการช่วยเหลือทางใดทางหนึ่งก็ตาม ถ้าเรามีวัตถุสิ่งของก็สงเคราะห์ด้วยวัตถุสิ่งของ ถ้าไม่มีวัตถุสิ่งของก็สามารถใช้แรงกายของเราเข้าไปช่วยเหลือได้ ขึ้นอยู่กับว่าเขาต้องการความช่วยเหลือเรื่องอะไร การไม่ช่วยเหลือเลยนั้นไม่สมควร เมื่อเห็นหมู่ญาติเดือดร้อนแล้ว หากเราไม่สนใจนิ่งดูดาย ก็จะดูเป็นคนแร้งน้ำใจไป เราต้องแสดงออกถึงความมีน้ำใจน้ำจิตที่ดีต่อหมู่ญาติ อย่าให้คุณธรรมการสังเคราะห์ญาติขาดตกบกพร่องไป แล้วเราก็จะไม่ถูกผู้อื่นว่ากล่าวติเตียนได้ ให้ดูพุทธองค์เป็นแบบอย่าง ที่ทรงเหาะเสด็จไปโปรดหมูพระญาติ ให้เลิกทะเลาะวิวาทกัน
ครั้งหนึ่งพระบรมศาสดา เมื่อประทับอยู่ที่พระเชตวันมหาวิหาร ทรงทราบข่าวว่าหมู่พระญาติ ระหว่างเมืองกบิลพัสดุ์กับเมืองโกลิยะ เกิดการทะเลาะวิวาทกัน ด้วยเรื่องการสร้างเขื่อนกั้นแม่น้ำโรหิณี เพื่อไขน้ำเข้านา ถึงขั้นยกทัพมาประจันหน้า จะประหัตประหารกัน เมื่อพระพุทธองค์ทรงทราบเรื่องแล้ว ก็ทรงเหาะไปประทับนั่งในอากาศกลางแม่น้ำโรหิณี พระญาติทั้งสองฝั่งเห็นพระบรมศาสดาแล้ว ต่างก็วางอาวุธลงแล้วถวายบังคม พระบรมศาสดาจึงตรัสเรียกเหล่าทั้งหมดเข้ามาหา แล้วตรัสว่ามหาบพิตรทั้งหลาย ท่านทั้งหลายเป็นญาติกันควรจะสมัครสมานสามัคคีกลมเกลือกันไว้ อย่าได้ทะเลาะวิวาทกัน ถ้าหมู่พระญาติมีความสมัครสมานสามัคคีกันอยู่ ก็ยากที่อริราชศัตรูทั้งหลายจะได้โอกาสเข้ามาทำลาย
พระบรมศาสดาตรัสต่อไปอีกว่า อย่าว่าแต่ในหมู่มนุษย์เลย แม้ในครั้งอดีตที่ป่าหิมวันตประเทศ เพราะต้นไม้ทั้งหลายที่เกิดอยู่รวมกันอย่างหนาแน่น ก็ยังสามารถต้านทานกระแสลมแรงที่พัดกระหน่ำเข้ามาจากทุกทิศได้ ต้นไม้ทุกต้นไม่ถูกกระแสลมแรงพัดให้หักโค่นล้มลงแม้แต่เพียงต้นเดียว แต่ต้นไม้ใดที่ขึ้นอยู่บนเนิน ถึงจะเป็นต้นไม้ใหญ่ก็ตาม แต่ก็ไม่สามารถต้านทานกระแสลมแรงที่พัดโหมกระหน่ำมาได้ ถูกโค่นล้มลงจนหมดสิ้น หมู่พระญาติก็เช่นเดียวกัน ควรที่จะมีความรักความสามัคคีกลมเกลียวเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน
แล้วพระพุทธองค์จึงตรัสเล่าเรื่องในอดีตให้ฟังว่า ในอดีตกาลครั้งที่พระเจ้าพรหมทัศน์ครองราชสมบัติอยู่ในเมืองพาราณสี ที่บนสวรรค์ชั้นจาตุมหาราชิกา มีเทพบุตรใหม่อุบัติขึ้น ท้าวสักกเทวราช ซึ่งปกครองสวรรค์ชั้นดาวดึงส์และทรงดูแลครอบคลุม ไปถึงสวรรค์ชั้นจาตุมหาราชิกาด้วย จึงได้แต่งตั้งเทพบุตรองค์ใหม่ ให้รับตำแหน่งเป็นท้าวเวสสุวรรณมหาราช แทนเทพบุตรองค์เก่าที่จุติไปเกิดใหม่แล้ว
หลังจากที่เทพบุตรองค์ใหม่ ได้รับตำแหน่งเป็นท้าวเวสสุวรรณมหาราชแล้ว ก็ได้ส่งข่าวไปยังเหล่าทวยเทพทั้งหลายว่า ใครอยากจะจับจองต้นไม้ กอไผ่ พุ่มไม้และเถาวัลย์เอาไว้เป็นที่สิงสถิตวิมานของตน ก็ให้เลือกเอาตามความพึงพอใจเถิด ในชาตินั้นพระโพธิสัตว์ ได้ถือกำเนิดเป็นรุกขเทวาสิงสถิตอยู่ที่ป่าไม้รังในหิมวันตประเทศ รุกขเทวดาโพธิสัตว์ จึงป่าวประกาศให้บันดารุกขเทวาที่เป็นหมู่ญาติ ได้รับทราบด้วยความปรารถนาดีว่า พวกท่านอย่าได้ไปจับจองเอาต้นไม้ที่ขึ้นอยู่บนเนินสูงมาเป็นวิมาน ขอให้พวกท่านจงได้จับจองเอาต้นไม้ ที่ขึ้นอยู่รอบรอบวิมานของเราน่ะมาเป็นวิมานเถิด
เหล่าเทวดาที่เป็นบัณฑิตเข้าใจความปรารถนาดีของพระโพธิสัตว์ ก็ได้พากันจับจองเอาต้นไม้ที่ขึ้นอยู่โดยรอบวิมานของพระโพธิสัตว์ ส่วนพวกรุกขเทวาที่ไม่ยอมเชื่อฟัง ต่างก็พูดกันว่าพวกเราจะจับจองวิมานที่อยู่ในป่านี้ไปทำไมกัน สู้ไปหาจับจองวิมานที่อยู่ตามต้นไม้แถวประตูบ้าน นิคมและตัวเมืองกันจะดีกว่า แล้วจึงได้พากันไปจับจองเอาต้นไม้ใหญ่ ที่ขึ้นอยู่บนเนินดินบ้าง ที่ขึ้นอยู่ตามบ้านเรือนในถิ่นของมนุษย์บ้าง
วันหนึ่งเกิดลมพายุฝนห่าใหญ่พัดกระหน่ำมาอย่างแรง ทำให้ต้นไม้ใหญ่ๆ ที่ขึ้นอยู่บนเนินดินต้านทานกระแสลมแรงไม่ไหว ได้หักโค่นล้มลงระเนระนาด บางต้นถูกระแสลมพัดถอนขึ้นทั้งรากทั้งโคน
แต่เมื่อกระแสลมฝนได้พัดกระหน่ำมาถึงป่าไม้รัง ซึ่งเป็นสถานที่ที่รุกขเทวดาโพธิสัตว์และหมู่ญาติของท่านอาศัยอยู่ ซึ่งล้วนเป็นป่าไม้รังที่ขึ้นเรียงชิดติดกันอย่างหนาแน่น แม้กระแสลมจะพัดกระหน่ำมาจากทุกทิศทุกทาง แต่ก็ไม่สามารถทำให้ต้นไม้เหล่านั้น โค่นล้มลงได้แม้เพียงต้นเดียว
เหล่าเทวดาที่สิงสถิตอยู่ตามต้นไม้ใหญ่ที่ขึ้นอยู่บนเนินดิน ได้ถูกกระแสลมพัดหักโค่นล้มลงจนหมด เมื่อไม่มีวิมานจะอยู่จึงพากันเข้าไปป่าหิมพานต์ เล่าเหตุการณ์อันเลวร้ายที่เกิดขึ้นให้กับรุกขเทวาที่ป่าไม้รังได้ฟัง พวกเทวดาจึงได้นำเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นไปเล่าให้พระโพธิสัตว์ฟัง
รุกขเทวดาโพธิสัตว์จึงให้ข้อคิดว่า ผู้ที่ไม่ยอมเชื่อฟังถ้อยคำของบันฑิตที่ชี้แนะให้ ต้องประสพกับเหตุการณ์ที่เลวร้ายอย่างนี้ แล้วพระโพธิสัตว์ก็แสดงธรรมว่า หมู่ญาติยิ่งมีมากก็ยิ่งมีกำลังมาก เหมือนต้นไม้รังในป่าใหญ่ที่อาศัยอยู่รวมกัน ส่วนต้นไม้ที่ขึ้นอยู่โดดเดี่ยว ถึงจะเป็นต้นไม้ใหญ่ สักวันก็ต้องถูกโค่นล้มลง
แล้วพระองค์ก็ตรัสกับหมู่พระญาติทั้งหลายว่า มหาบพิตรทั้งหลายหมู่ญาติด้วยกัน ก็ควรที่จะมีความรักความสมัครสมานสามัคคีปรองดองกัน ควรอยู่ร่วมกันด้วยความรักใคร่ มีความกลมเกลียวเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน อย่างแน่นแฟ้นราชวงศ์จึงจะมั่นคง หลังจากที่หมู่พระประยูรญาติได้ฟังพระตำหนักแล้วก็เข้าใจ ได้เลิกทะเลาะเบาะแว้งกันและต่างฝ่ายต่างก็แยกย้ายกันกลับเมืองไป
เราจะเห็นได้ว่าพระพุทธองค์ทรงให้ความสำคัญ ในการสงเคราะห์หมู่ญาติ เพราะการสังเคราะห์หมู่ญาติเป็นเรื่องที่ควรทำ ถือว่าเป็นมงคลชีวิตอย่างหนึ่ง ถ้าหมู่ญาติของเราเดือดร้อนในด้านใด เราก็ควรสงเคราะห์ในด้านนั้นตามความเหมาะสม แต่ต้องสงเคราะห์ในทางที่ดีทางที่ไม่ดี ทางแห่งความเสื่อมก็อย่าไปสงเคราะห์ แต่ควรแนะนำให้เลิกทำเสียให้ทำแต่สิ่งที่ถูกต้องตามทำนองครองธรรม ที่เป็นสัมมาอาชีวะหรือที่เป็นทางมาแห่งบุญ เมื่อเราได้ศึกษาธรรมะเข้าใจเรื่องบุญเรื่องบาปดีแล้ว เราก็ควรจะทำหน้าที่กัลยาณมิตร ไปชี้แนะหนทางสว่างให้กับเขา อย่างน้อยก็จะได้เป็นบุญกุศลติดตามตัวเราไปในภพเบื้องหน้ากันนะจ๊ะ