ตัดใจ…เพื่อชัยชนะ

วันที่ 23 ตค. พ.ศ.2558

ตัดใจ…เพื่อชัยชนะ

           บุคคลสำคัญท่านหนึ่ง ซึ่งเป็นที่รู้จักของคนทั่วโลก คือประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา บารัก โอบามา นับเป็นคนผิวสีคนแรกที่ได้รับชัยชนะในการชิงตำแหน่งนี้แต่เดิมนั้น โอบามาเป็นคนที่ติดบุหรี่มาก แม้กระทั่งได้เป็นวุฒิสมาชิกของรัฐอิลลินอยส์แล้ว ก็ยังเลิกไม่ได้

 

          วันหนึ่ง มิเชลส์ซึ่งเป็นภรรยาของโอบามา เดินยิ้มเข้ามาด้วยแววตาที่เปียมด้วยความมุ่งมั่น แล้วพูดสั้น ๆ แต่เฉียบขาดให้โอบามาตัดสินใจเลือกระหว่างการสูบบุหรี่ กับการเป็นประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา เพราะมิเชลส์เห็นว่าเป็นไปไม่ได้เลยที่คนที่ติดบุหรี่อย่างมาก จะได้รับชัยชนะในการชิงตำแหน่งประธานาธิบดี ในเมื่อรู้ทั้งรู้ว่า การสูบบุหรี่นั้นไม่ดี แต่ยังห้ามใจไม่ได้ แล้วอย่างนี้จะมารับผิดชอบต่อประชากร 300 กว่าล้านคน และรับผิดชอบต่อโลกได้อย่างไร

 

             นอกจากนี้การที่ตนเป็นคนผิวสีซึ่งในประวัติศาสตร์ ไม่เคยมีใครได้รับเลือกตั้งเป็นประธานาธิบดีสหรัฐมาก่อน ก็ย่อมตกอยู่ในฐานะผู้เสียเปรียบ ดังนั้นถ้าจะลงสมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดี ก็ต้องเลิกบุหรี่ให้ได้เสียก่อน ถ้ายังเลิกไม่ได้ ก็อย่าสมัครให้เสียเวลาเลย

             โอบามาได้ฟ้งภรรยาพูดอย่างนี้ ก็ถึงกับนิ่งเงียบไป แล้วต่อมาเขาก็ตัดสินใจเลิกสูบบุหรี่ได้ สุดท้ายก็ประสบชัยชนะ ได้รับเลือกเป็นประธานาธิบดีผิวสีคนแรกของสหรัฐอเมริกาด้วยวัยเพียง 47 ปีบางครั้งอุปสรรคในชีวิตเรา ไม่ได้มาจากศัตรูคู่แข่งชันคนไหน แต่มาจากนิสัยของเรานี่เอง พฤติกรรมบางอย่างที่เราชอบ หรือทำจนติดเป็นนิสัย ย่อมเป็นสิ่งที่เลิกได้ยาก การติดในสิ่งต่าง ๆ โดยเฉพาะสิ่งที่รู้ทั้งรู้ว่าไม่ดี ย่อม สะท้อนถึงจิตใจที่อ่อนแอ

 

          โอบามานับว่าโชคดี ที่ภรรยาตั้งคำถามให้ตัดสินใจ เมื่อคิดได้ ตัดใจได้ จึงได้รับชัยชนะที่สำคัญที่สุด คือการ ชนะใจตัวเอง นี่คือคุณสมบติของผู้ประสบความสำเร็จชีวิตของเรา แม้ไม่มีใครมาคอยช่วยตั้งคำถาม เราก็สามารถตั้งคำถามตัวเองได้ ว่าเราจะเลือกอะไร ระหว่างการ ตามใจตัวเองกับการชนะใจตัวเอง และอย่าลืมว่า การเลือกของเรานั้นอาจส่งผลต่อชีวิตเราอย่างมากมาย

          เรื่องสำคัญเรื่องหนึ่งในชีวิตประจำวันของเรา เป็นเรื่องใกล้ตัวที่อาจกลายเป็นอุปสรรคต่อความสำเร็จในชีวิต ได้นั่นก็คือ พฤติกรรมการใช้จ่าย เรื่องนี้ใช้วัดความเข้มแข็งของจิตใจได้เลยทีเดียว
เพราะการจับจ่ายใช้สอยเป็นเรื่องน่าสนุกที่ใคร ๆ ก็อยากทำตามใจตนเอง โดยเฉพาะคนที่ติดในเรื่องต่าง ๆ ไม่ว่าจะติดเหล้า ติดบุหรี่ ติดเกมส์ หรือติดอะไรต่อมิอะไร ก็ล้วนต้องจับจ่ายใช้เงินทั้งสิ้น

 

           สิ่งที่ตามมาก็คือ ปัญหาชีวิตของตนเองและครอบครัว เช่น บางครอบครัวที่พ่อบ้านทำตัวเป็นเศรษฐีในวันเงินเดือนออก ชวนเพื่อนตั้งวงดื่มเหล้า หรือไปเที่ยวเฮฮาปาร์ตี้ แต่วันที่เหลือกลับชักหน้าไม่ถึงหลัง ต้องกู้หนี้ยืมสิน ติดค้างค่าใช้จ่าย เสื่อมเสียชื่อเสียง ต้องนอนก่ายหน้าผาก ลำบากกันทั้งครอบครัวส่วนใหญ่คนที่ชอบช็อปปิ้ง เห็นของสวยงาม หรือนำสมัยรุ่นใหม่ล่าสุด แล้วอดใจไม่ได้ ก็คงไม่ต้องแปลกใจที่ รายรับไม่เคยพอกับรายจ่ายสักทีการที่จะหลุดพ้นจากวังวนเหล่านี้ได้ ต้องอาศัยการชนะใจตนเอง ซึ่งมีเทคนิคที่นำมาฝากคือสร้างสิ่งแวดล้อมใหม่ ให้การจับจ่ายเป็นไปได้ยากขึ้น เช่น ถ้าเดิมเรามักใช้จ่ายด้วยบัตรเครดิต ก็ต้องปรับใหม่ คือ เก็บบัตรเครดิตไว้ที่บ้าน ห้ามพกไปไหนมาไหนด้วย ใช้เฉพาะการจ่ายค่านํ้าค่าไฟ โดยการตัดบัญชีบัตรเครดิต หรือ กรณีทำธุรกรรมทางการเงินต่าง ๆ 

 

         ส่วนการจับจ่ายใช้สอยทั่วไปนั้น ให้ใช้วิธีพกพาเงินเท่าที่จำเป็น ที่เราคำนวณแล้วว่า เป็นค่าใช้จ่ายประจำวันจริง ๆการที่เรามีเงินติดตัวไม่มาก เวลาที่เกิดความอยาก จะได้สิ่งโน้นสิ่งนี้ ก็จะต้องลำบากกลับไป เอาเงินที่บ้าน เมื่อเวลาผ่านไปสักครู่ อารมณ์ความอยากวูบนั้นก็จะผ่านไปเช่นกัน การจัดสิ่งแวดล้อมเสียใหม่นี้ จึงช่วยให้เราตั้งหลักได้ทันนอกจากนี้ หลักการบริหารการเงินที่ดี เราต้องทำบัญชีรายเหลือ เมื่อเรารับเงินเดือนมา ต้องหักแบ่งเป็นเงินออม แล้วส่วนที่เหลือจึงเฉลี่ยออกมาว่า วันหนึ่งๆ เราสามารถใช้จ่ายได้เท่าไร หลังจากหักค่าใช้จ่ายพื้นฐานต่างๆ แล้ว ซึ่งได้แก่ ค่านํ้า ค่าไฟ ค่าผ่อนบ้าน ผ่อนรถ และค่าใช้จ่ายสำหรับคนในครอบครัว เช่น ค่าเทอมลูก เป็นต้น

 

          เมื่อเราคำนวณได้ว่า ค่าใช้จ่ายต่อวันของเรา คือ 150 บาท หากวันไหนเราใช้จ่ายไป 180 บาท นั่น หมายถึงว่า วันพรุ่งนี้เราต้องพยายามจำกัดรายจ่ายให้เหลือแค่ 120 บาท เราก็จะสามารถบริหารการเงินได้ลงตัว จนถึงวันสุดท้ายของแต่ละเดือน ถ้าเราแบ่งเงินใส่ซองไว้ 30 ซอง แล้วหยิบไปใช้วันละซอง ทำเป็นแบบอย่างให้ลูกหลานได้ ฝึกบริหารการเงินก็จะยิ่งดี ถ้าครอบครัวใดทำได้อย่างนี้ ชีวิตในแต่ละเดือนก็จะไม่เดือดร้อนการชนะใจตนเองนั้น ยังสามารถฝึกฝนได้ด้วยการเข้าอบรมคุณธรรมต่าง ๆ เช่น ฝ่ายชายหากได้เข้ารับการอบรมธรรมทายาท บวชภาคฤดูร้อน หรือบวชเข้าพรรษา ก็จะได้ฝึกการใช้ชีวิตอย่างเรียบง่าย ไม่ต้องฟ้งเฟ้อในเรื่องปัจจัย 4 อาหารก็มาจากการบิณฑบาต เครื่องแต่งกายก็มีผ้าเพียง 3 ผืน คือ สบง จีวร สังฆาฏิ ที่เป็นทั้งชุดนอนชุดเที่ยวชุดเดียวกัน ที่อยู่อาศัยก็ใช้กลด หรืออยู่กุฏิร่วมกัน ไม่ต้องไปคิดฟุ้งซ่านเรื่องอื่น เมื่อเราอยู่กับชีวิตที่เรียบง่าย ต่อเนื่องเป็นเดือน ๆ เราจะพบว่าแท้จริงแล้ว ชีวิตเราไม่ได้ ต้องการอะไรมากมายเลย ยิ่งถ้าเราได้พบกับความสุขสงบจากการปฏิบัติธรรม สัมผัสกับความสุขที่เรียกว่า นิรามิสสุข คือ สุขที่ไม่อิงอามิสเมื่อไร เราจะพบว่า นี่คือความสุขที่เหนือกว่าความสุขที่อาศัยวัตถุเสียอีก ดังนั้นการที่เราจะตัดใจ จากสิ่งที่เราเคยหลงใหล เคยติดใจ ก็จะทำให้ง่ายขึ้น เพราะความสุขจากสิ่งเหล่านั้นไม่อาจเทียบได้ กับความสุขอันประณีตจากการปฏิบัติธรรม

           ส่วนฝ่ายหญิง ก็สามารถเข้าร่วมการอบรมธรรมทายาทหญิง หรือเข้าร่วมในโครงการปฏิบัติธรรมต่าง ๆ เพื่อฝึกฝนการเอาชนะใจตนเองได้เช่นกัน การใช้ชีวิตอย่าง เรียบง่ายแม้เพียงแค่ 7 วัน ก็สามารถช่วยให้เราปรับแก้นิสัย หรือพฤติกรรมที่ไม่เหมาะไม่ควรต่าง ๆ ได้ไม่น้อยทีเดียวโดยเฉพาะอย่างยิ่ง การปฏิบัติธรรมจะช่วยให้ใจมีพลัง เมื่อถึงเวลาที่ต้องตัดใจจากสิ่งหนึ่งสิ่งใด เราก็จะสามารถเอาชนะใจตนเองได้โดยฉับพลัน

 

ที่มา : http://www.dou.us/?p=15063
พระมหาสมชาย ฐานวุฑฺโฒ (M.D.; Ph.D.) จากรายการทันโลกทันธรรม ออกอากาศทางช่อง DMC

โดย V- ธรรมโยธา

 ยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคล Total Execution Time: 0.0010645985603333 Mins