พระธรรมที่พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสไว้ดีแล้ว

วันที่ 15 มีค. พ.ศ.2559

 

 

พุทธพจน์เตือนใจ
 
                "พระธรรมอันพระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสดีแล้ว อันบุคคลผู้ปฏิบัติสามารถเห็นเองได้ ให้ผลไม่จำกัดกาล เป็นสิ่งที่ควรเรียกให้มาดู เป็นสิ่งที่ควรน้อมเข้ามาไว้ในใจ อันวิญญูชนพึงรู้ได้เฉพาะตน"
 
                 
สฺวากฺขาโต ภควตา ธมฺโม พระธรรมที่พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสไว้ดีแล้ว คือ ธรรมะที่พระองค์ได้ตรัสรู้แล้วนำมาสั่งสอนสัตว์โลก ผู้ใดประพฤติปฏิบัติตามก็จะได้เข้าถึงธรรมอันประเสริฐ และได้รับรสแห่งอมตธรรมซึ่งเป็นเลิศกว่ารสทั้งปวง คือ มีแต่ความร่มเย็นเป็นสุข ไม่มีทุกข์ใดๆ ทั้งสิ้น
 
                 หนทางแห่งความสุขที่พระพุทธองค์ทรงสอนไว้ว่า ให้มีความเห็นชอบ ความดำริชอบ กล่าววาจาชอบ ประกอบการงานชอบ หาเลี้ยงชีพโดยชอบ ทำความเพียรชอบ ตั้งสติไว้ชอบ และทำสมาธิชอบ ถ้าเราพิจารณาดูให้ดีจะเห็นว่าธรรมะเหล่านี้ ผู้ใดประพฤติปฏิบัติได้ จะอำนวยผลดีทั้งทางโลกและทางธรรม  ดังนั้น ธรรมะที่พระองค์ตรัสสอน จึงได้ชื่อว่า สวากขาตธรรม คือ พระธรรมอันพระผู้มีพระภาคตรัสดีแล้ว ไพเราะทั้งในเบื้องต้น ท่ามกลาง และเบื้องปลาย
 
                   
สนฺทิฏฺฐิโก พระธรรมคำสอนของพระองค์นั้น บุคคลใดลงมือปฏิบัติสมควรแก่ธรรม ย่อมได้บรรลุ และเห็นได้ด้วยตนเอง ไม่ต้องขึ้นต่อผู้อื่น ไม่ต้องเชื่อถ้อยคำของใคร เพราะธรรมะภายในไม่เหมือนสิ่งของที่คนมองเห็นแล้วชี้ให้ดูได้ ต้องอาศัยการหยุดใจ  เมื่อหยุดก็สว่าง  เมื่อสว่างก็เห็น เป็นการเห็นด้วยใจ เห็นด้วยธรรมจักษุ  เห็นได้ถูกต้องตรงไปตามความเป็นจริงของสิ่งที่มีอยู่จริง 
 
                   
อกาลิโก รู้ได้โดยไม่จำกัดกาลเวลา ใจหยุดเมื่อไรก็เข้าถึงได้เมื่อนั้น ใจละเอียดถึงสภาวธรรมใด ย่อมเข้าใจสภาวธรรมนั้น และได้รับผลเสมอโดยไม่จำกัดเวลา 
 
                 
เอหิปสฺสิโก ควรเรียกให้มาดู เพราะธรรมะของพระองค์เป็นของมีจริง และ ดีจริง ของสิ่งใดก็ตามถ้าไม่มีอยู่ หรือมีอยู่แต่ไม่ดีจริง ก็ไม่ใช่สิ่งที่ควรเรียกผู้อื่นมาดู แต่เพราะพระธรรมนี้ทั้งมีจริง และดีจริง  เมื่อผู้ใดปฏิบัติได้แล้ว ย่อมเป็นสิ่งที่น่าจะเชิญชวนคนอื่นให้มาพิสูจน์ด้วยตนเอง
 
   
             โอปนยิโก  เมื่อปฏิบัติตามคำสอนของพระองค์ และได้พบของดี ของจริงแล้ว ก็ควรน้อมเข้ามาไว้ในใจ และถือปฏิบัติยิ่งๆ ขึ้นไป 
 
                 
ปจฺจตฺตํ เวทิตพฺโพ วิญฺญูหิ ธรรมะของพระพุทธองค์นั้น บุคคลจะพึงรู้ได้เฉพาะตน ข้อนี้คล้ายกับ สนฺทิฏฺฐิโก ที่กล่าวแล้ว แต่ต่างกันที่ สนฺทิฏฺฐิโก กล่าวถึงอาการเห็น ส่วน ปจฺจตฺตํ เวทิตพฺโพ วิญฺญูหิ กล่าวถึงอาการรู้ คือ ผู้ปฏิบัติธรรม จะรู้ว่าธรรมะดีจริงอย่างไร  เมื่อปฏิบัติแล้วจะได้ผลเป็นอย่างไร ย่อมเกิดจากการปฏิบัติอย่างถูกต้องด้วยตนเองเท่านั้น ผู้อื่นจะพลอยรู้ด้วยไม่ได้ เพราะเป็นรสทางใจ
 
                  หากใจของผู้ปฏิบัติเยือกเย็นเป็นสุขเพียงใด แม้จะนำไปเล่าให้ผู้อื่นฟัง ใจของผู้ฟังก็ไม่เย็นเป็นสุขตามที่เขาบอกเล่าได้ อุปมาเหมือนคนได้กินแกงชนิดหนึ่ง และมาเล่าให้เราฟังว่า อร่อยอย่างนั้นอย่างนี้ เราก็นึกไม่ออกว่า แกงที่เขาว่านั้นรสชาติเป็นอย่างไร จนกว่าจะได้ชิมด้วยตนเอง พระธรรมคำสอนของพระพุทธองค์นั้น นำประโยชน์สุขอันแท้จริงมาสู่ผู้ที่เลื่อมใสศรัทธา และปฏิบัติตามได้เสมอ

   

 

 "จากส่วนหนึ่ง ของรายการธรรมะเพื่อประชาชน

โดย พระเทพญาณมหามุนี"

 

 

 ยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคล Total Execution Time: 0.0011532664299011 Mins