นึกถึงแม่บ้างนะครับ

วันที่ 05 มค. พ.ศ.2564

นึกถึงแม่บ้างนะครับ

 

640105_b.jpg


                เดือนนี้ ก็สิงหาคมแล้วนะครับ น้องๆ ก็คงเรียน ผ่านไปครึ่งเทอมแล้ว เป็นครึ่งเทอมที่หมดไปกับ กิจกรรมรับน้องล้วนๆ พอจบรับน้อง ก็ต่อกันด้วย สอบกลางภาค จากประสบการณ์ของผมถ้าใครตั้ง หลักอ่านหนังสือมาตั้งแต่ก่อนรับน้อง สอบกลาง ภาคเที่ยวนี้ ก็คงฉลุย
 

                แต่ถ้าใครมัวฉลองรับน้องกันเพลิน ก็เป็นอันเดาได้ว่า สอบกลาง ภาคเทอมนี้ คะแนนปิ๋วแหงๆ และอาจมีสิทธิ์ถึงขั้นติดโปรฯ แรก (เกรดเฉลี่ยตํ่ากว่า ๒.๐) ในชีวิตอีกด้วย (ไม่ได้ขู่) ผมคิดว่า ยังไงล่ะก็ นึกถึง ความหวังของแม่ไว้บ้างก็ดีนะครับ เราจะได้ไม่ลืมไปว่า เราเข้ามหาวิทยาลัยมาทำไม จริงไหมครับ

 

               สำหรับเดือนนี้ ผมก็มีข้อสังเกตในเดือนแห่งวันแม่นี้มาฝาก

 

              พวกเราทุกคนรู้ดีว่า วันที่ ๑๒ สิงหาคมของทุกปี คือวันแม่แห่งชาติ ชึ่งก็เป็นวันหยุดด้วย แต่จากการตั้งข้อสังเกตในแต่ละปี ผมพบว่า ลูกหลายๆ คนทำอะไรให้แม่ในวันนี้ไม่เหมือนกัน

 

              บางคนเริ่มต้นวันแม่ ด้วยการออกจากบ้านไปหาเพื่อนที่นัดไว้ใน ตอนเช้า กินเที่ยวกันจนเย็น แล้วพอตกคํ่าก็ไปจบกันที่บาร์ผับ เสร็จแล้ว ก็เมาเละกลับมาบ้าน มาให้แม่รอเปิดประตูตอนดึก ซึ่งนี่เป็นภาพที่ผม เห็นบ่อยๆ และดูเหมือนคนที่จะไม่สบายใจที่สุดในบ้าน ก็คือ "แม่" นั่น แหละครับ ที่ไม่รู้จะทำอย่างไร แต่ห่วงใยเป็นที่สุด

 

              ขณะที่บางคนวันนี้ไม่ออกไปไหน นัดเพื่อนมาฉลองที่บ้าน ตั้งวง กินเหล้ากันตั้งแต่แปดโมงเช้ายันเย็น ยิ่งถ้าปีไหนมีวันแม่ที่พ่วงกับวัน เสาร์อาทิตย์ทำให้หยุดต่อเนื่องกัน ๓ วัน ยิ่งเปลืองกับข้าว เปลืองเหล้า เปลืองเงินเข้าไปใหญ่ ในที่สุดเงินก็หมดกระเป๋าแล้วเดือนนี้ แล้วก็เริ่ม ต้นชีวิตหลังสร่างเมาด้วยคำว่า "แม่...ขอยืมเงิน" เฮ้อ...ชีวิต

 

              บางคนไม่ใช่อย่างที่ผมพูดถึงครับ วันนี้ลืมแม่ ลืมเพื่อน ลืมพี่ ลืมน้อง ไปหนึ่งวัน คนเดียวที่ไม่ลืม ก็คือคนที่จะหามาให้แม่ช่วยเลี้ยงอีกคนนั่นแหละครับ (คิดดูเอาเองว่าใคร) ผมนั่งดูพวกเขาแล้วก็ขำดี ไม่ได้ อิจฉาที่เขามีแฟนหรอกครับ แต่ตลกว่า แม่เลี้ยงเจ้าคนเดียว กับพี่น้อง ของเจ้า ก็แทบตายแล้ว ยังจะหาลูกชาวบ้านมาให้เเม่เลี้ยงอีกคนก็เอาเถอะ

             ใครจะเลือกแบบไหนก็แล้วแต่ถูกใจ แต่ผมคิดว่า แม่คงขออย่างเดียว "อย่าสิชิงสุกก่อนห่ามนะลูกนะ"

 

             แต่ทีผมเซอร์ไพรส์ ก็คือ คนๆ นี้คร้บ ในวันธรรมดา ก่อนออก จากบ้านไปทำงาน เขาจะก้มกราบแม่บังเกิดเกล้าที่แทบเท้าของท่าน เรียก ว่าภาพนี้เรียกบ่อนํ้าตาออกมาจากผู้พบเห็นเลยทีเดียวครับ

 

             แล้วพอวันแม่มาถึง นํ้าตาแห่งความตื้นตันของผมก็อาบแก้มเลย ไม่ใช่ว่าผมขี้แย แต่มันซึ้งจริงๆ โดยเฉพาะของขวัญที่เขาให้กับแม่ มัน ชื้อหามาด้วยเงินไม่กี่สิบบาทหรอกครับ แต่ว่าคุณค่ามันมากกว่านั้น เพราะมันเป็นสัญลักษณ์ของการบูชา เขาไม่ใช่คนรํ่ารวย แต่ของขวัญของ เขานี่สิ

 

             เขาไปตลาดแต่เช้า เพี่อหาของที่แม่ชอบใจมาให้แม่กิน แวะร้าน ค้าร้านหนึ่ง เพื่อชื้อของขวัญให้แม่ พอกลับถึงบ้าน เขาก็จัดการเอาเมนู โปรดของแม่ใส่จาน แล้วกินข้าวกับแม่ที่มองเขาด้วยสายตาที่เอ็นดู หลัง จากทานข้าวเสร็จ เขาก็ก้มลงไปกราบแม่ครับ แน่นอน นํ้าตาของแม่น่ะ ไหลพรากไปแล้ว แล้วเขาก็เอาของขวัญลํ้าค่าออกมา

 

            "พวงมาลัยดอกมะลิหนึ่งพวง" เขาวางไวในมือของแม่ แล้วก็บอก กับแม่ว่า "ผมขอบพระคุณแม่มากครับ ที่เลี้ยงผมมาจนเป็นผู้เป็นคนได้ ในทุกวันนี้ แม่คงเหนื่อยมากนะครับ กว่าผมจะรู้ว่าแม่รักผมแค่ไหน"

 

              นํ้าตาผมร่วงเลยครับ ซึ้งใจที่เห็นภาพนี้ ลองคิดดูนะครับ จะมีแม่ สักกี่คนในโลกนี้ที่ได้รับของขวัญลํ้าค่าจากลูกเช่นนี้ นี่แหละครับ วัน แม่เหมือนก้น แต่ใช้เวลาที่มีค่าไปอย่างไม่เหมือนกัน เพราะฉะนั้น วัน แม่ปีนี้ ก็อย่าลืมแสดงความกตัญญูกตเวทีต่อคนที่รักเรามากที่สุดใน โลกนะครับ

 

เรื่องเล่า...ของพี่ชายคนหนึ่ง
โดย ชัยภัทร ภัทรทิพากร

 

 

 

 ยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคล Total Execution Time: 0.014257462819417 Mins