กัลยาณมิตรอยู่ที่ไหน

วันที่ 27 เมย. พ.ศ.2564

กัลยาณมิตรอยู่ที่ไหน

 

640427_b.jpg


              แท้ที่จริงกัลยาณมิตร ผู้รู้จริง รู้ดี ผู้มีความประพฤติดี น่าเคารพ ยกย่อง แต่ละท่าน แต่ละระดับ ก็มิใช่ใครอื่น ท่านอยู่ไม่ห่างเรา ใจ ของท่านก็ไม่ห่างฆราวาสธรรม และแต่ละท่านต่างก็เป็นส่วนหนึ่งของ บุคคลในสังคมรอบตัวเราทั้ง ๖ ทิศนั่นเอง คือ


                    ๑. ทิศเบื้องหน้า ได้แก่ บิดามารดา ตลอดจนปู่ ย่า ตา ยาย ของเราเอง ท่านเป็นผู้มีความรักปรารถนาดีต่อเราอย่างจริงใจตั้งแต่ เราเกิด
                    ๒. ทิศเบื้องขวา ได้แก่ ครูอาจารย์ที่อบรมสั่งสอนเรามาตั้งแต่ ชั้นอนุบาล จนกระทั่งมหาวิทยาลัย


                    ๓. ทิศเบื้องหลัง ได้แก่ คู่ครองที่เราคัดกรองเลือกด้วยตนเอง และบุตรของเรา


                    ๔. ทิศเบื้องซ้าย ได้แก่ มิตรสหายและเพื่อนบ้าน ที่เลือกคบค้า กันมาตั้งแต่เล็ก รวมทั้งมิตรสหายที่เราคัดแล้ว กรองแล้ว ได้เคย ช่วยเหลือกันแล้วในปัจจุบัน


                     ๕. ทิศเบื้องล่าง ได้แก่ ลูกจ้าง ลูกน้อง บริวารของเราที่เคร่งครัด ในการปฏิบัติหน้าที่การงาน และรักการปฏิบัติธรรมสม่ำเสมอ


                     ๖. ทิศเบื้องบน ได้แก่ สมณะ นักบวช ผู้ทรงศีล ที่ตั้งใจประพฤติ พรหมจรรย์อย่างเคร่งครัดตามวัดวาอารามและศาสนสถานต่าง ๆ

                     บุคคลทั้ง ๖ กลุ่มนี้ มิใช่มีแต่เฉพาะรอบข้างเราเท่านั้น แต่ ยังมีบุคคลภายนอกที่ขยายวงกว้างออกไปอีกมาก ถ้าเราพิจารณาดู ก็จะพบเห็นโดยง่าย กล่าวคือ


                      ๑. ทิศ ๖ ที่อยู่รอบข้างเราโดยตรง จัดเป็นกลุ่มคนที่พร้อม ที่สุด ที่จะเป็นมิตรแท้แก่เรา ให้เราได้คบค้าสมาคมใกล้ชิด โดยเฉพาะ กลุ่มทิศเบื้องหน้า คือ บิดา มารดา ท่านรักเราจริง ทำคุณอุปการะ เราก่อน เมื่อเรายังเล็ก ท่านก็ห้ามเราไม่ให้ทำชั่ว ให้ตั้งอยู่ในความดี ส่งเสริมให้การศึกษา ถึงคราวมีคู่ครองท่านก็ช่วยคัดกรอง และมอบ มรดกให้เมื่อถึงเวลา โดยท่านไม่หวังเลยว่าจะได้รับผลตอบแทนอะไร จากเราผู้เป็นบุตร เพราะท่านต้องการให้เราเป็นคนดี มีสุขจริง ๆ เท่านั้น


                       ๒. ทิศ ๖ ที่ขยายวงจากทิศ ๖ รอบตัวเรา ได้แก่ เครือญาติ ของแต่ละทิศ ๖ ของเราเอง เช่น บิดามารดาของเรา ท่านก็มีทิศ ๖ ของท่านอีก คือ คุณพ่อ คุณแม่ ญาติพี่น้อง ซึ่งเป็น ปู่ ย่า ตา ยาย ลุง ป้า น้า อา ของเรา หรือมีคุณครู มิตรสหาย เจ้านาย ลูกน้อง พระภิกษุเถระ ซึ่งเป็นที่เคารพนับถือของท่าน บุคคลทั้ง ๖ กลุ่มรอบตัวเราโดยตรง และที่ขยายวงออกไปนี้ แม้ต่างฐานะ เพศ วัย อายุ ความรู้ ประสบการณ์ หน้าที่การงาน การ เงิน และยศศักดิ์ หากท่านใดที่ได้รับการฝึกฝนอบรมให้ปฏิบัติหน้าที่ ประจำทิศ ๖ ซึ่งเป็นธรรมนูญศีลธรรมประจำโลก อย่างเอาจริง รู้จริง และทำจริง ด้วยอารมณ์ที่แช่มชื่นเบิกบาน ตั้งแต่ครั้งท่านเองยังเยาว์ ทั้งที่บ้าน วัด และโรงเรียน

 

                        ท่านเหล่านี้ย่อมมีความรู้ ความสามารถ ความดี ติดตัวมา ท่านละไม่น้อย โดยเฉพาะอย่างยิ่งท่านย่อมมีคุณธรรมความเคารพ มาก คือ ท่านย่อมมีความตระหนักซาบซึ้งในคุณค่าและคุณความดี ของบุคคลที่พร่ำสอนท่าน วัตถุสิ่งของที่เป็นอุปกรณ์ให้ท่านใช้ฝึกตน และเหตุการณ์ที่ทำให้ท่านได้เรียนรู้ มีคติสอนใจตน ความเคารพ ได้งอกงามเพิ่มพูนขึ้นในจิตใจของท่านอย่างเต็มเปี่ยม กัลยาณมิตร แต่ละท่านเหล่านี้จึงต่างเล็งเห็นตรงกันว่า


                                    • ความทันสมัยของเทคโนโลยี ย่อมไม่อาจสู้ความสูงส่ง ของจิตใจได้


                                   • ผู้ฝึกตัวมาดีแล้วไม่ว่าเด็ก ผู้ใหญ่ หญิงหรือชายย่อมมีค่า มากกว่าทรัพย์ใด ๆ


                                   • เกียรติยศ ชื่อเสียง เงินทอง ล้วนเป็นของนอกกาย ไม่จีรังยั่งยืน มีประโยชน์อย่างมากก็เฉพาะชาตินี้เท่านั้น โดยใช้อำนวยความสะดวก ในการดำเนินชีวิต แต่ถ้าใช้ไม่เป็น ก็ยังไม่แน่ว่าสิ่งเหล่านี้ จะสามารถ ปิดนรกและเปิดสวรรค์ให้กับตนเองได้หรือไม่


                                   • นิสัยดี ๆ ความประพฤติที่ดีงาม ความมีสัจจะต่อความดีเท่านั้น ที่เป็นแก่นสำคัญของชีวิต และติดตัวข้ามชาติไปได้ เพราะปิด นรกก็ได้มิด เปิดสวรรค์ก็ได้กว้าง ซ้ำเป็นการถางทางเตรียมไปพระ นิพพานอีกด้วย

 

สรุป


              เมื่อองค์ประกอบทั้ง ๔ ประการ ของผู้ใดมาบรรจบพร้อมกัน คือ


                      ๑. กายมีคุณภาพ


                      ๒. อยู่ในสิ่งแวดล้อม ๕ มีคุณภาพ


                      ๓. ใจมีคุณภาพ


                     ๔. มีกัลยาณมิตรช่วยชี้ทางถูกให้


              ย่อมบังเกิดศักยภาพสร้างสรรค์อย่างอเนกอนันต์ขึ้นในตัวมนุษย์ ผู้นั้นอย่างมหัศจรรย์ และมีพลานุภาพมหาศาลเกินกว่าพลังงานใด ๆ ในจักรวาล ทำให้มนุษย์ผู้นั้นสร้างคุณประโยชน์ได้มากมาย นำพา ชาวโลกให้หมดทุกข์พบสุขอย่างแท้จริงถาวรก็ได้

 

              ทำนองกลับกัน ศักยภาพทำลายล้างของมนุษย์ผู้ใด ที่เกิดจาก อำนาจใจที่ทรงความรอบรู้สารพัด แต่ขาดสติกำกับ คือ มักปล่อยใจให้หนีเที่ยวอยู่ร่ำไป ไม่พยายามเก็บรักษาใจให้เป็นสมาธิสงบอยู่ ในกายของผู้นั้นเองเป็นนิจ ยิ่งมนุษย์ผู้นั้นมีกายแข็งแรง และอยู่ใน สิ่งแวดล้อม ๕ ที่เอื้ออำนวยมากเท่าไร ตัวเขาเองย่อมเบี่ยงเบน ศักยภาพสร้างสรรค์ให้กลายเป็นศักยภาพทำลายล้างได้มากขึ้น เท่านั้น บุคคลเช่นนี้แม้เพียงผู้เดียว ก็อาจนำพาคนทั้งโลกให้จมดิ่ง ในกองทุกข์ ต้องตกนรกทั้งเป็นได้ทุกเมื่อ

 

เมื่อกายใจและสิ่งแวดล้อม ๕ มีคุณภาพ
พร้อมทั้งมีกัลยาณมิตรชี้ทางถูกให้
ย่อมก่อให้เกิดศักยภาพสร้างสรรค์
อย่างเอนกอนันต์

 

สัจจะต่อความดี อานุภาพพลิกโลก

พระเผด็จ ทตฺตชีโว

คณะวิพากษ์ คณะจัดทำต้นฉบับและหนังสือ

 ยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคล Total Execution Time: 0.0014725844065348 Mins