เรื่องของโอโม กล่องที่ 9 : วันไหว้ครู
วันพฤหัสบดีที่ 12 มิถุนายน พ.ศ. 2518 วันนั้นเป็นวันไหว้ครู ที่โรงเรียนเทศบาลท่าอิฐ ก็จัดพิธีไหว้ครูที่หอประชุม ซึ่งเป็นศาลาเอนกประสงค์โล่งๆโครงสร้างเป็นไม้ หลังคามุงสังกะสี พื้นเป็นพื้นซีเมนต์ มีเวทีอยู่ทางด้านปลายด้านหนึ่งของศาลา ในวันปกติศาลานี้ใช้เป็นที่จอดจักรยานของนักเรียน และจอดรถมอเตอร์ไซด์ จอดรถยนต์ของครู
วันไหว้ครู นักเรียนทุกชั้นก็มานั่งเรียงกันตามระดับชั้น และ ห้อง ก,ข,ค,ง,จ มีตัวแทน
ที่จะขึ้นไปนำบทไหว้ครูคือพี่ชั้น ป.7 ตำแหน่งนั้นมาตกที่เราในฐานะหัวหน้าห้อง ป.7 ก
เมื่อถึงเวลา คณะครูขึ้นไปนั่งบนเวทีเรียบร้อย เราขึ้นไปยืนกลางเวทีนำกล่าวคำไหว้ครู "ปาเจรา จริยาโหนติ คุณุตตรา นุสาสกา....." ระหว่างที่กล่าว ตาก็เหลือบไปเห็นน้าสุภาพ ลูกน้องพ่อ มายืนอยู่ข้างหอประชุม เราก็นึกในใจ น้าเค้ามาทำไม พอเสร็จจากกล่าวคำไหว้ครู เราลงมาจากเวที น้าสุภาพก็ชวนให้เรากลับบ้านไปเตรียมเอกสารและเสื้อผ้าเพราะอาจจะต้องเดินทางเข้ากรุงเทพคืนนั้น
น้าสุภาพพาเรามาฝากน้าเปล่งที่บ้านของนก ซึ่งเราจำไม่ได้ว่าทำไมไม่พาเราแวะเข้าบ้านเลย น้าสุภาพได้แยกไปที่ทำงาน สักพักก็กลับมา แล้วแจ้งกับน้าเปล่งว่า พี่ทรเสียแล้ว เรานั่งอยู่ด้วยก็ได้ยิน เย็นนั้นก็เลยได้เดินทางเข้ากรุงเทพจริงๆ
ศพพ่อตั้งที่วัดตะพาน(วัดทัศนารุณสุนทริการาม) แถวดินแดง เพราะใกล้บ้านป้าอนงค์ ที่อยู่ในซอยหมอเหล็ง เสร็จงานฌาปนกิจ ก็มีมาทำบุญ 7 วัน ที่บ้านตาที่เชียงราก
พ่อได้เดินทางจากอุตรดิตถ์มาราชการที่กรมรถไฟ ที่กรุงเทพ วันมาก็ดูปกติดี แต่พอถึงกรุงเทพก็ต้องส่งเข้าผ่าตัดเป็นการด่วนที่รพ.ภูมิพล เนื่องจากกระเพาะอาหารเป็นแผล เป็นจำนวนมาก แล้วก็เสียชีวิตเลย ในวัยเพียง 49 ปี จากที่ผู้ใหญ่เค้าคุยกัน สาเหตุที่กระเพาะอาหารเป็นแผลมาก เพราะตอนเย็นที่ตีเทนนิสเสร็จก็ไปดื่มน้ำอัดลม ซึ่งช่วงนั้นท้องว่าง กรดเลยไปกัดกระเพาะเป็นแผล
พ่อถือว่าเป็นคนกรุงเทพเพราะอยู่มาตั้งแต่เด็กจนเริ่มรับราชการ
แม้ว่าพ่อจะมาจากเมืองจีนกับก๋งและย่าก็ตาม แล้วสุดท้ายพ่อก็กลับมาละสังขารลงที่กรุงเทพ
ครอบครัวเรากลับไปอยู่ที่บ้านพักรถไฟอุตรดิตถ์จนจบปีการศึกษา ก็ย้ายกลับภูมิลำเนาเดิมของแม่ที่หลังสถานีรถไฟเชียงราก ปทุมธานี มาปลูกบ้านไม้ของครอบครัวขึ้นมาใหม่บนที่ดินของแม่