เด็กไทยใครว่าโง่

วันที่ 30 มีค. พ.ศ.2550

 

     เด็กไทยใครว่าโง่ จริง ๆ แล้วคนไทยไม่โง่เลย อาตมภาพคิดว่า ประเด็นสำคัญอยู่ตรงที่ความวิริยะอุตสาหะในการฝึกฝนอบรมตนเอง ถ้าใครมีความพากเพียรพยายามเพียงพอ รู้จักสร้างโอกาสให้กับตัวเอง รู้จักใช้โอกาสที่มาถึงให้เกิดประโยชน์เต็มที่ เขาจะพัฒนาตัวเองได้อย่างมาก แล้ชีวิตจะประสบความสำเร็จ

 

     อาตมภาพรู้จักนักศึกษาไทยคนหนึ่งในประเทศญี่ปุ่น ตอนอยู่ประเทศไทย เขาเรียนจบทางด้านสาธารณสุขมาจากวิทยาลัยพลศึกษา จากนั้นด้วยความเป็นคนที่รักในการฝึกตัวเอง เขาขวนขวายฝึกภาษาอังกฤษ และหาลู่ทางสอบชิงทุกรัฐบาลญี่ปุ่น ซึ่งข้อสอบเป็นภาษาอังกฤษถามความรู้ทั่วไป เมื่อใช้ภาษาอังกฤษได้ดีจึงสอบได้ทุนไปเรียนที่ประเทศญี่ปุ่น

 

     หลังจากเรียนภาษาที่ประเทศญี่ปุ่นไปได้ประมาณ 6 เดือน กระทรวงศึกษาธิการญี่ปุ่นก่งไปเรียนต่อด้านพลศึกษาที่มหาวิทยาลัยจังหวัดนีงาตะ ซึ่งในความเป็นจริงนักศึกษาคนนี้ แม้จะจบการศึกษามาจากวิทยาลัยพลศึกษา แต่เรียนมาด้านสาธารณสุข หากเป็นคนอื่นอาจจะอยู่ในภาวะจำยอมเพราะถูกเขาส่งไปแล้ว และในการรับทุนรัฐบาลญี่ปุ่นนั้น การจะเปลี่ยนมหาวิทยาลัยเป็นเรื่องใหญ่ ยากมาก และอาจจะทำให้ถูกตัดทุนได้

 

     แต่นักศึกษาคนนี้ไม่ยอมจำนนต่อภาวะที่ตนเองประสบอยู่ เขาอยู่ที่นั่นไปประมาณสัก 2-3 เดือน ก็รู้ว่านี้ไม่ใช่สิ่งที่ตนเองต้องการศึกษา จึงพยายามหาข้อมูลมหาวิทยาลัยที่มีการสอนสาขาสาธารณสุขที่ดีที่สุด หาศาสตราจารย์ที่เก่งที่สุด และดั้นด้นเดินทางจากจังหวัดนิงาตะเข้ากรุงโตเกียว ทั้งที่เพิ่งไปญี่ปุ่นได้ 8-9 เดือน ภาษาญี่ปุ่นก็เพิ่งจะเริ่มต้นเท่านั้น เขาตรงดิ่งไปที่คณะแพทยศาสตร์มหาวิทยาลัยโตเกียว

 

     มหาวิทยาลัยโตเกียว ก็คือมหาวิทยาลัยอันดับหนึ่งของประเทศญี่ปุ่น คณะแพทย์ก็เป็นคณะที่สอบเข้ายากที่สุด ซึ่งในคณะแพทย์นั้นมีอยู่ 2 สาขา คือ 1) สาขาแพทยศาสตร์โดยตรง 2) สาขาสาธารณสุข เขาก็ไปพบศาสตราจารย์เพื่อแนะนำตัวเองและบอกว่าต้องการศึกษาทางด้านสาธารณสุข ใคร่ขอความเมตตาท่านศาสตราจารย์ช่วยรับเป็นอาจารย์ที่ปรึกษาให้ด้วย ทั้งหมดนี้เขากระทำด้วยความสุภาพอ่อนน้อมถ่อมตน แม้ภาษายังไม่เก่งก็อาศัยการเตรียมตัวที่ดี ตระเตรียมเนื้อหาคำพูดที่จะใช้ไว้ล่วงหน้า มีการซักซ้อมอย่างดี ศาสตราจารย์ท่านนั้นเห็นถึงความตั้งใจจริงว่าเด็กคนนี้ดูกิริยามารยาทเรียบร้อย และทั้งที่เป็นผู้หญิงตัวเล็ก ๆ ที่พบภาวะยากลำบากอย่างที่เล่ามายังไม่ยอมแพ้ พยายามขวนขวายหาช่องทางทุกอย่าง แสดงว่าเป็นคนฮึดสู้ใช้ได้ทีเดียว ถ้ารับไว้น่าจะเรียนไหว จึงเกิดเมตตารับเป็นอาจารย์ที่ปรึกษาให้

 

      นักศึกษาไทยคนนี้จึงสามารถย้ายมหาวิทยาลัยได้สำเร็จจากมหาวิทยาลัยพละบ้านนอก มาเข้าเรียนในมหาวิทยาลัยโตเกียว พอผ่านไปอีกปีก็สอบเข้าปริญญาโทได้ เรียนจบโทก็ต่อปริญญาเอกแล้ว สู้จนกระทั่งจบปริญญาเอก ทำงานมีรายได้คิดเป็นเงินไทยเดือนหนึ่งก็หลายแสนบาท

 

      จากเด็กผู้หญิงตัวเล็ก ๆ ซึ่งหากไม่คิดจะสร้างโอกาสหาช่องทางให้ตนเองแล้ว ก็คงเป็นเหมือนบัณฑิตจบใหม่ทั่วไปที่มีอยู่มากมาย แต่เมื่อฮึดสู้อย่างนี้ก็สามารถจบปริญญาเอกจากมหาวิทยาลัยอันดับหนึ่งของประเทศญี่ปุ่น และถือเป็นอันดับหนึ่งของเอเชียได้ เพราะรู้จักสร้างโอกาสให้กับตัวเอง แล้วใช้โอกาสที่มาถึงให้เกิดประโยชน์อย่างเต็มที่

 

      ทุกคนก็สามารถประสบความสำเร็จในชีวิตได้เช่นกัน ถ้ามีวิริยะอุตสาหะเพียงพอ เราจะพบว่า หนทางไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ อาจพบอุปสรรคที่ไม่คาดฝันตลอดเวลา แต่ขอให้ไม่ยอมแพ้ไม่ยอมจำนน ให้ฮึดสู้เท่านั้นก็จะประสบความสำเร็จได้

 

 

 ยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคล Total Execution Time: 0.027958865960439 Mins