ผับบาร์เหล้าบียร์…โดนทั้งคนซื้อคนขาย

วันที่ 09 กพ. พ.ศ.2549

 

ผับบาร์เหล้าบียร์…โดนทั้งคนซื้อคนขาย

 

ถาม เที่ยวผับเที่ยวบาร์ เที่ยวกลางคืน ทางพระพุทธศาสนาถือว่าเป็นบาปไหมครับ ?

 

ตอบ การไปเที่ยวผับเที่ยวบาร์ เที่ยวกลางคืนถือว่าเป็นอบายมุขชนิดหนึ่ง คนที่ประพฤติอย่างนั้น พระพุทธองค์ตรัสว่า กำลังเดินอยู่บนเส้นทางแห่งความหายนะ เอาเถิดความประพฤติบางอย่าง ทั้งๆ ที่เราไม่ได้ไปยุ่งกับใคร กินๆ ดิ้นๆ อยู่ในบ้านเราเอง ไม่ได้ทำให้ใครเดือดร้อน แต่ว่าคุณไปให้มันได้อะไรขึ้นมา จะบอกว่าไปกิน ไปดิ้น ไปฟังเพลงเฉยๆ หลวงพ่อว่ามันไม่เฉยหรอก กามมันกำเริบโดยที่คุณไม่รู้ตัว ตอนนั้นกามกำเริบนะ ไม่กำเริบดิ้นไม่ได้หรอก

 

.....กรณีนี้แม้จะไม่ไปเกี่ยวข้องกับคนอื่น แค่ทำให้ตัวเองเดือดร้อน ทำให้ใจขุ่นมัว พระพุทธศาสนาก็ถือว่าทำชั่วแล้ว ยิ่งเต้นไปร้องไป ทำความรำคาญให้หนวกหูชาวบ้าน ไปยุ่งกับคนอื่น ทำให้พ่อแม่เป็นห่วงว่าจะไปได้รับอันตรายหรือเปล่า ทำความเดือดร้อนขนาดนี้ จะบาปหรือไม่ล่ะ

 

ขายเหล้า ขายเบียร์ ให้บริการ

 

.....ถาม อาชีพขายเหล้า หรือขายบริการให้ความสะดวกแก่ผู้ใช้บริการ ไม่ทราบว่าเป็นการสนับสนุนให้เขาผิดศีล ๕ หรือไม่อย่างไร?

 

.....ตอบ หลวงพ่อเองตอนเป็นนิสิตมหาวิทยาลัย เคยได้ชื่อว่า เป็นถังเหล้าเคลื่อนที่อยู่ระยะหนึ่ง คนที่ค้าเหล้านี้โดยทั่วไปเขารู้ไหมว่าคนที่ซื้อเหล้าไปกินจะเสียผู้เสียคน รู้ไหมว่ากินแล้วเขาจะเมา รู้ แต่เขาไม่สงสารคนกิน เขาขาดคุณธรรมคือเมตตาจิต เห็นแก่จะได้ฝ่ายเดียว

 

.....ด้วยบาปที่ขาดเมตตาจิตนี้ ไม่ว่าชาตินี้ชาติไหน ถ้าตกทุกข์ได้ยากเมื่อไร แม้เคยช่วยใครมาเท่าไรๆ แต่ก็จะไม่มีคนยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือ เคยช่วยคนอื่นไว้ อาจจะเป็นบุญแค่ปลายนิ้วก้อย แต่บาปที่ขาดเมตตาจิต มอมเมาคนทั้งโลกนี่ เทียบกันแล้ว บาปเป็นกระบุงเป็นตะกร้า เอามาเทียบกับบุญที่ทำไว้แค่ปลายนิ้วก้อย มันถ่วงกันไม่ได้ งัดกันไม่ขึ้นหรอกนะ

 

.....โบราณจึงบอกว่าใครที่ค้าเหล้า ค้ายาเสพย์ติด ทำบุญกับใครไม่ขึ้น เพราะบุญก็ส่วนบุญ บาปก็ส่วนบาป แต่ว่าบาปมันมีตั้งเยอะ เมื่อเทียบกับบุญที่ทำไว้นิดเดียว มันเทียบกันไม่ได้ คนพวกนี้ทำบุญกับใครแล้วเขาไม่เห็นความดีหรอก เพราะฉะนั้นใครที่เป็นคนขายเหล้า เป็นเจ้าของกิจการขายเหล้า หรือเป็นคนเสิร์ฟ ต่างก็มีเวรผูกพันกันไปอย่างนั้น

 

.....ภพต่อไปจะเกิดเป็นคนหรือสัตว์ก็ตาม จะมีเวรติดตัวไปทำให้มีปัญญาอ่อน งงๆ ก๊งๆ ตลอดชาติ แล้วก็ไม่มีใครช่วยเหลือด้วย พวกเชียร์ให้เขาดื่มเหล้า ชาติต่อๆ ไปก็ไปเชียร์ต่อ คือมีสามีขี้เหล้า มีลูกขี้เมาให้ดูแลจนตายจากกันไป

 

พระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสโทษของการดื่มน้ำเมาไว้ ๖ ประการ คือ

 

๑. เสียทรัพย์

๒. ก่อการทะเลาะวิวาท

๓. เป็นบ่อเกิดแห่งโรค

๔. เป็นให้เสียชื่อเสียง

๕. เป็นเหตุไปสู่อบาย

๖. เป็นเหตุทอนปัญญา

 

.....เพราะฉะนั้นใครที่ดื่มอยู่ ก็ให้รีบเลิกเสีย

 

 ยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคล Total Execution Time: 0.0039393345514933 Mins