ผู้ชนะสิบทิศ๑

วันที่ 20 กย. พ.ศ.2549

 

.....พืชแม้น้อย แต่หว่านลงในนาดี เมื่อฝนตกอยู่โดยชอบ ผลผลิตย่อมทำ ชาวนาให้ยินดี แม้ฉันใด พุทธเขตที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดงไว้นี้ ก็ฉันนั้น เมื่อกระแสธารแห่งบุญเพิ่มขึ้นโดยชอบ ผลนั้นจักทำเราให้ยินดี

 

.....การปฏิบัติธรรมเจริญสมาธิภาวนา คือ การทำใจหยุดใจนิ่ง กลั่นใจของเราให้บริสุทธิ์ผ่องใส เพราะใจที่บริสุทธิ์ผ่องใสจะเป็นใจที่ละเอียด นุ่มนวลควรแก่การงาน ที่เราจะนำใจของเราดำเนินเข้าสู่เส้นทางสายกลาง เพื่อให้เข้าถึงพระรัตนตรัยภายใน ซึ่งเป็นที่พึ่งที่ระลึกที่แท้จริงของสรรพสัตว์ ทั้งหลาย เมื่อได้เข้าถึงพระรัตนตรัยแล้ว ความสุขที่เต็มเปี่ยมบริบูรณ์ เป็นเอกันตบรมสุขย่อมจะบังเกิดขึ้นในชีวิต จะทำให้ชีวิตปลอดภัย ทั้งภัยในปัจจุบันนี้และภัยในสังสารวัฏ

 

มีวาระแห่งภาษิตใน ตรณิยเถราปทาน ความว่า

.....“พืชแม้น้อย แต่หว่านลงในนาดี เมื่อฝนตกอยู่โดยชอบ ผลผลิตย่อมทำชาวนาให้ยินดี แม้ฉันใด พุทธเขตที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ทรงแสดงไว้นี้ ก็ฉันนั้น เมื่อกระแสธารแห่งบุญเพิ่มขึ้นโดยชอบ ผลนั้นจักทำ เราให้ยินดี”

 

.....การสร้างบุญบารมีที่ถูกเนื้อนาบุญ เป็นสิ่งที่ประเสริฐที่สุด เพราะจะทำ ให้เราได้ประสบกับอานิสงส์ยิ่งใหญ่ไม่มีประมาณ สุดยอดแห่งเนื้อนาบุญ คือ การได้สร้างบุญกับพระสัมมาสัมพุทธเจ้า

 

.....สมัยที่พระองค์ยังสร้างบารมีเป็นพระโพธิสัตว์ ท่านได้สร้างบุญไว้ใน พุทธเขตแห่งพระสัมมาสัมพุทธเจ้า แม้พระองค์จะเกิดมามีฐานะที่ยิ่งใหญ่ เป็นถึงจอมจักรพรรดิราช ท่านก็ไม่ประมาทในการสร้างบุญ

 

.....*ดังเช่นในสมัยที่พระองค์บังเกิดเป็นจอมจักรพรรดิราชติโลกวิชัย และเรื่องนี้มีสาเหตุที่ทำให้ พระพุทธองค์ตรัสถึงดังนี้ (*มก. พุทธาปทาน เล่ม ๗๐ หน้า ๑)

 

.....วันหนึ่งพระอานนท์ได้ทูลถามพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ครั้งเมื่อประทับ อยู่ในพระเชตวันวิหารว่า “ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ พระสัพพัญญูพุทธเจ้ามีอยู่ พระสัพพัญญูพุทธเจ้าเหล่านั้น เป็นนักปราชญ์ได้เพราะเหตุอะไร”

 

.....พระบรมศาสดาตรัสตอบว่า “ดูก่อน อานนท์ ชนเหล่าใด ได้กระทำบุญ ญาธิการไว้ในพระพุทธเจ้าทั้งหลาย แต่ยังไม่อาจที่จะบรรลุธรรมพ้นกิเลส กรรมในศาสนาของพระชินเจ้า เพราะมีหัวใจมุ่งที่จะบรรลุพระสัมมาสัม โพธิญาณในอนาคตกาล อย่างไม่คลอนแคลน มีพระอัธยาศัยอันเข้มแข็ง ไม่ท้อแท้ มีพระปัญญาแก่กล้า จะทรงบรรลุความเป็นพระสัพพัญญูได้ ด้วยเดชแห่งพระปัญญา”

 

.....พระศาสดาตรัสต่อไปอีกว่า “อานนท์ ปัญญานั้นคือความฉลาด ในการที่จะเอาบุญทุก ๆ อย่าง เหมือนสมัยที่เราเกิดเป็นพระเจ้าจักรพรรดิ ในครั้งนั้น เราเป็นพระเจ้าจักรพรรดินามว่า ติโลกวิชัย ได้ให้ยกธง ๕ สี มีสีเขียว และสีเหลือง เป็นต้น บนยอดไม้ บนยอดเขาทั้งหลาย ทั้งที่เป็น ยอดเขาหิมพานต์ ยอดเขาจักรวาล ยอดเขาสิเนรุ และในที่ทั้งปวงในจักรวาล ทั้งสิ้น เราได้ประนมนิ้วทั้งสิบนมัสการพระโลกนาถ พร้อมทั้งพระสงฆ์สาวก กราบไหว้พระสัมโพธิญาณของพระพุทธเจ้าผู้ประเสริฐด้วยเศียรเกล้า

 

.....เราเองปรารถนาความเป็นพระพุทธเจ้าไว้ในพระพุทธเจ้าแต่ปางก่อน ได้สร้างบารมีทุกรูปแบบ และได้สร้างบารมีทั้ง ๓๐ ทัศ ที่จะทำให้เป็น พระธรรมราชา เราได้บำเพ็ญบารมีมานับไม่ถ้วน อานุภาพของเราไม่มี ประมาณ เราเชิญชวนคนจากโลกอื่น เรียกพวกนาค จากนาคภิภพ พวกคนธรรพ์ และเทวดาจากเทวโลก ผู้มีบุญเหล่านั้นมาทำการนอบน้อมเรา กระทำอัญชลี แวดล้อมเวชยันตปราสาทของเรา

 

.....ในสมัยนั้น เราได้บำเพ็ญมหาทานอันยิ่งใหญ่ เพราะอุดมทานนั้น ทำให้ภูเขาบันลือกระหึ่มกึกก้อง ยังโลกพร้อม ทั้งเทวโลกทั้งสิ้นให้ร่าเริง โสมนัส อานุภาพของเราในภพชาตินั้นยิ่งใหญ่นักอานนท์

 

.....ในจักรวาล มีทิศทั้งสิบที่ไม่เคยมีผู้ใดท่องไปได้ทั่วเลย ครั้งที่เราเป็น พระเจ้าจักรพรรดิ ในสถานที่ที่เราไปแล้วนั้นมีพุทธเขต คือ พุทธวิสัยนับไม่ ถ้วน

 

.....ในกาลนั้น เราเป็นพระเจ้าจักรพรรดิที่มีรัศมี คือ แสงสว่างของจักรแก้ว และแก้วมณี เปล่งรัศมีเป็นคู่ ๆ ปรากฏในระหว่างหมื่นจักรวาล มีแสงสว่าง กว้างขวางในหมื่นจักรวาล ชนทั้งปวงย่อมเห็นเรา เหล่าเทวดาตลอด เทวโลกทุกชั้น ต่างเกื้อกูลเรา เราสามารถนำรัตนะทั้งที่มีอยู่ในอากาศ และที่มีอยู่บนภาคพื้นแผ่นดินมาได้เท่าที่ใจเราจะปรารถนา

 

.....เรามีอานุภาพมากอย่างนี้ทีเดียวอานนท์ แต่ถึงกระนั้นเราก็ไม่ประมาท ได้สร้างบุญในพุทธเขตซึ่งเป็นเนื้อนาบุญอันเลิศ” เมื่อพระบรมศาสดาตรัส เล่าเรื่องราวที่พระองค์เสวยพระชาติ เป็นพระเจ้าติโลกวิชัยจอมจักรพรรดิ ราชโดยสังเขปแล้ว พระอรรถกถาจารย์ได้นำเรื่องนี้มาอธิบายไว้อย่างละเอียด ซึ่งจะได้ศึกษากันต่อไป ขอขยายความเกี่ยวกับเรื่องพุทธเขตที่ พระเจ้าจักรพรรดิผู้เลิศกล่าวถึงบ่อยๆ นั้นหมายถึงอะไร

 

.....รัศมีของพระพุทธเจ้าทั้งหลาย แต่ละพระองค์จะไม่เท่ากัน บางพระองค์ มีรัศมีวาหนึ่ง บางพระองค์มีรัศมี ๘๐ วา และบางพระองค์มีรัศมีไม่มีกำหนด แผ่ไปได้ไกลบ้าง ใกล้บ้าง โยชน์หนึ่งบ้าง หรือหลายๆ ร้อยโยชน์ และบางครั้งแผ่ไปจนถึงสุดขอบจักรวาล พระรัศมีของพระมังคลพุทธเจ้า แผ่ไปถึงหมื่นจักรวาล นี้เป็นรัศมีที่มีตามปกติ หากพระองค์ทรงต้องการ จะแผ่รัศมีไปแค่ไหน ก็ทรงสามารถแผ่ไปได้ตามพระประสงค์พระพุทธเจ้า ทั้งหลายไม่มีความต่างกันในคุณวิเศษและมีพุทธเขตเหมือนกัน

 

.....พุทธเขตของพระพุทธเจ้ามีอยู่ ๓ ประการ คือ ชาติเขต อาณาเขต และวิสัยเขต เขตทั้งสามนั้น ขณะพระบรมโพธิสัตว์ถือปฏิสนธิก็ดี ออกจากพระครรภ์ของพระมารดาก็ดี ออกผนวชก็ดี ตรัสรู้ก็ดี ประกาศพระธรรมจักรก็ดี หรือปลงอายุสังขาร หมื่นโลกธาตุ จะสั่นสะเทือน เลื่อนลั่น จักรวาล และโลกธาตุนี้จะสั่นสะเทือนเหมือนเป็นอันเดียวกัน นี้เป็นชาติเขตของพระองค์

 

.....อานุภาพของพระปริตรจะแผ่ขยายไปอย่างกว้างขวางมีแสน โกฏิจักรวาลเป็นที่สุด อย่างนี้เรียกว่า อาณาเขต ส่วนเขตที่ พระสัมมาสัมพุทธเจ้าตั้งความปรารถนาไว้ ทรงปรารถนาเท่าใดก็ทรงได้ เพียงนั้น คือ หาประมาณที่สุดมิได้ อย่างนี้ชื่อว่า วิสัยเขต ในเขตทั้งสามนั้น เมื่อชาติพินาศไป อาณาเขตก็จะพินาศไปด้วย เมื่อยังคงอยู่ก็จะคงอยู่ด้วยกัน ไม่แตกแยกกัน ส่วนสาเหตุที่จะทำให้พุทธเขตทั้งสองพินาศนั้น ต่อเมื่อกัปถูกทำลายด้วยไฟ น้ำ และลม ประมาณแสนโกฏิจักรวาลโดย ส่วนกว้าง แต่จะเหลืออยู่เฉพาะพรหมโลกชั้นสูง ๆ เท่านั้นที่ไม่ได้พินาศ ไปด้วย

 

.....พระเจ้าจักรพรรดิไม่ใช่ว่าจะเป็นกันได้ง่ายเพราะผู้ที่จะได้เข้าถึง ตำแหน่งอันทรงเกียรตินี้ จะต้องสั่งสมบุญมามากจนสมบูรณ์ด้วย สมบัติจักรพรรดิทั้ง ๗ ประการ คือ จักรแก้ว ช้างแก้ว ม้าแก้ว แก้วมณี นางแก้ว ขุนคลังแก้ว และขุนพลแก้ว กอปรด้วยอานุภาพมากมาย สามารถเดินทางข้ามทวีปได้ในพริบตา ทรงอานุภาพมากขนาดนี้ทีเดียว จึงจะได้ชื่อว่า จอมจักรพรรดิราช

 

.....พระติโลกวิชัยจักรพรรดิราช ทรงเป็นพระราชาผู้ทรงอานุภาพมาก พระองค์ทรงสร้างมหาทานบารมีครั้งยิ่งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ของจอม

 

.....จักรพรรดิราชทั้งหลาย และพระองค์ทรงมีความเลื่อมใสศรัทธาในพระศาสนา มาก ทรงมีพระปัญญาที่เหนือมนุษย์ ทรงมีอานุภาพเหนือมนุษย์ธรรมดา ทรงสามารถนำสมบัติที่มีอยู่ทั่วสากลโลกมาใช้สร้างบารมีได้ เพื่อยังประโยชน์ ให้บังเกิดขึ้นแก่สรรพสัตว์ทั้งหลาย เพราะพระองค์มีความปรารถนาอย่างยิ่ง ยวด ที่จะได้บรรลุพระสัมมาสัมโพธิญาณ

 

.....ครั้งนี้ขอกล่าวถึงพุทธเขตเพียงเท่านี้ ต่อไปจะได้กล่าวในรายละเอียด เกี่ยวกับการสร้างบารมีของพระเจ้าจักรพรรดิ ซึ่งน่าอัศจรรย์เกินกว่า สิ่งมหัศจรรย์ใด ๆ ในโลก เพราะพระองค์ทรงนำมหารัตนะทั้งหลาย ที่มีอยู่ในโลก มาสร้างบารมีได้อย่างวิจิตรพิสดารและยิ่งใหญ่เพื่อเป็น กำลังใจในการสร้างบารมีของพวกเราต่อไป

 

.....ฉะนั้นให้ขยันในการสร้างบุญ สร้างบารมี เพื่อตัวของเราเองจะได้หลุด พ้นจากทุกข์ จากการบังคับบัญชา ของกิเลสอาสวะ ของพญามาร และจะ มีผลดีต่อมวลมนุษยชาติ และธาตุธรรม อีกด้วย ให้หมั่นสร้างบารมี ประพฤติ ปฏิบัติธรรมกันให้สมํ่าเสมอทุก ๆ คน

 

 ยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคล Total Execution Time: 0.012967630227407 Mins