ชาดก 500 ชาติ รวมนิทานชาดกพร้อมภาพประกอบ คติธรรม ข้อคิดสอนใจ

ชาดก 500 ชาติ : ชาดก 500ชาติรวมชาดก 500 ชาติพร้อมภาพประกอบ  ข้อคิดสอนใจ

ชาดก คือ เรื่องราวหรือชีวประวัติในอดีตชาติของพระโคตมพุทธเจ้า คือ สมัยที่พระองค์เป็นพระโพธิสัตว์บำเพ็ญบารมีอยู่ พระองค์ทรงนำมาเล่าให้พระสงฆ์ฟังในโอกาสต่าง ๆ เพื่อแสดงหลักธรรมสุภาษิตที่พระองค์ทรงประสงค์ เรียกเรื่องในอดีตของพระองค์นี้ว่า ชาดก ชาดกเป็นเรื่องเล่าคล้ายนิทาน บางครั้งจึงเรียกว่า นิทานชาดก

ชาดก 500 ชาติ :: โรมชาดก ชาดกว่าด้วยอาชีวกเจ้าเล่ห์

ชาดก 500 ชาติ

โรมชาดก ชาดกว่าด้วยอาชีวกเจ้าเล่ห์

 

 
พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงประทับอยู่ ณ แคว้นมคธ
  
                      ในพุทธกาลสมัยนั้น มีเรื่องราวหลากหลายเกิดขึ้น และมีผลกรรมเกี่ยวต่อผู้ที่เกี่ยวข้องกับพระพุทธศาสนาต่างกรรมต่างวาระกัน การแตกแยกของหมู่สงฆ์ อันเป็นเรื่องสำคัญยิ่งที่เกิดขึ้นในแคว้นมคธ ซึ่งนับเป็นกรรม เป็นวิบากกรรมของพระเทวทัตที่ตามจองเวรต่อพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ความร้าวฉานในหมู่สงฆ์ ครั้งนั้นได้จบลงโดยง่ายด้วยพระพุทธบารมี และนั่นก็เป็นจุดเริ่มต้นของพุทธวินัย ข้อสามัคคีอีกหลายข้อธรรม 
 
 
เหล่าภิกษุสงฆ์ได้สนทนากันถึงเรื่องของพระเทวทัต
 
                    แล้วเหตุอันเกิดจากกิเลสของพระเทวทัตในครั้งนี้ก็กลายเป็นบทสนทนาของสงฆ์กระสาวกอยู่เป็นนิจ “เป็นเรื่องที่น่าอายจริงๆ พระเทวทัตเป็นผู้ที่ออกบวช เป็นเพศบรรพชิตแล้วแท้ๆ แต่กลับมีกิเลส มีแต่ความมุ่งร้ายอาฆาต” “เสียดายแท้ๆ ที่พระธรรมไม่สามารถขับกล่อมจิตใจเขาได้” เรื่องราวนั้นเกิดแต่จิตมักใหญ่ใฝ่สูงของมนุษย์สองคน
 
 
พระเทวทัตยุยงให้พระเจ้าอชาตศัตรูทำปิตุฆาตพระเจ้าพิมพิสาร
 
                    หนึ่ง คือพระเทวทัต ผู้ริษยาพระพุทธเจ้า สอง คือ พระเจ้าอชาตศัตรูราชบุตรผู้โค่นบัลลังก์ทำปิตุฆาตพระบิดาพิมพิสาร “ถ้าท่านอยากเป็นใหญ่ในแผ่นดินท่านก็ต้องล้มพระเจ้าพิมพิสารให้ได้เสียก่อน” “กระผมจะทำอย่างที่ท่านแนะนำ เมื่อกระผมได้สิ่งที่ต้องการแล้ว ก็จะช่วยให้ท่านได้สิ่งที่ท่านต้องการบ้างเช่นกัน” การล่วงกรรมมหานรกที่ชาวพุทธรู้โดยทั่วกัน นั่นคือครั้งที่พระเทวทัตเถระ สั่งนายคชบาลปล่อยช้างนาฬาคิรี ซึ่งกำลังตกมันดุร้ายหมายกระทำพุทธประหาร
 
 
ช้างนาฬาคิรีถูกปล่อยในขณะตกมันเพื่อให้กระทำการพุทธประหารองค์พระศาสดา
 
                      ในขณะที่พระพุทธองค์เสด็จทรงบาตรนำหน้าหมู่สงฆ์ “รอก่อนเจ้าช้างเอ๋ย เดี๋ยวเจ้าจะได้อาละวาดสมใจแน่ รอให้เสด็จเข้ามาใกล้อีกนิดเถอะ ฮ่าๆๆ” แผนร้ายครั้งนั้นไม่สำเร็จ ไม่สามารถทำอะไรพระศาสดาได้ แม้พระพุทธอนุชาอานนท์ยอมสละชีวิตออกขวางไว้ แต่ด้วยกระแสบารมีของพระทศพลเตเจ้า ได้หยุดการเคลื่อนไหวของช้างนั้นไว้ก่อนแล้ว 
 
 
พระเทวทัตกลิ้งหินให้ตกใส่องค์พระศาสดาหมายจะปลงพระชนม์
 
                       “เฮ้ยเบรก เบรกเกือบไม่ทัน ใครนะช่างใจร้ายจริงหวังใช้เราเป็นเครื่องมือ เวรกรรมแท้ๆ เลย” บาปอันอเนกอนันต์ประการใหญ่ที่พระเทวทัตได้กระทำก็คือ การกลิ้งหินให้ตกใส่พระพุทธเจ้า แม้การประสงค์ร้ายครั้งนั้น จะมิสามารถปลงพระชนม์องค์พระศาสดาอย่างที่พระเทวทัตได้ตั้งใจก็ตาม แต่ก็ทำให้พระบาท ของพระองค์ทรงห้อเลือด ด้วยสะเก็ดคมหินที่ตกลงมาแตกกระจาย 
 
 
พระศาสดาทรงตรัสเล่า โรมชาดก ตามคำอาราธนาของเหล่าภิกษุสงฆ์
 
                        “ฮึบๆ โอ๊ย หนักจริงๆ กลิ้งไปเลยเจ้าหิน เอาให้โดนเลยนะ” ผลของมหาบาปครั้งนั้น ทำให้เถระผู้เกิดมาจองบาปพระพุทธเจ้าได้ถูกธรณีสูบลงไปใต้โลกันตนรก ซึ่งบัดนี้อาจจะยังต้องชดใช้กรรมอยู่ในสารรูปชีวิตใดชีวิตหนึ่ง อยู่ในสถานที่ใดที่หนึ่งเป็นได้ “ช่วยด้วยๆๆ โอ๊ยๆๆใครก็ได้ช่วยดึงเราขึ้นไปที ช่วยด้วย”
 
 
ชายเขตแดนป่าหิมพานต์ซึ่งเป็นที่พักอาศัยของฝูงนกพิราบ
 
                          จนเมื่อสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเสด็จจากกรุงราชคฤห์ มาประทับยังพระเชตวันมหาวิหารแคว้นโกศล เมื่อทรงปรารภความพยายามปลงพระชนม์ของพระเทวทัตขึ้นในวันหนึ่ง เหล่าภิกษุทั้งหลายต่างใคร่รู่นัยแห่งพระคาถานั้น จึงพากันอาราธนาให้ทรงเล่าอดีตนั้น
 
 
พญานกพิราบผู้นำบริวารหากินอยู่รอบบรรพต
  
                       ครั้งที่ทรงเสวยพระชาติเป็นนกพิราบ ซึ่งครั้งนั้นพระองค์ทรงตรัสเล่า โรมชาดกขึ้นดังนี้ ลึกเข้าไปในชายเขตหิมพานต์ นอกเขตปัจจันตคามแห่งหนึ่ง ที่นั่นเป็น ที่สับปายะสงบเย็นควรแก่การบำเพ็ญศีลภาวนาอย่างยิ่ง ณ ที่แห่งนี้ยังมีนกพิราบใหญ่ตัวหนึ่ง นำบริวารเที่ยวหากินอยู่รอบบรรพต พญานกพิราบมักแวะเวียนมายังที่แห่งหนึ่งริมบรรพตนี้เป็นประจำ
 
 
พญานกพิราบจะมาหาท่านดาบสที่อาศรมเป็นประจำ
 
                          “มาแล้ว ที่เก่าเวลาเดิม ชอบมาที่นี่จริงๆ เลย มาแล้วจิตใจสงบ สบายใจ”การที่นกพิราบนี้มาที่นี่เป็นประจำ เหตุเพราะมีดาบสมีศีลท่านหนึ่ง ปลูกอาศรมบำเพ็ญเพียรอยู่ที่นั่น “มาแล้วรึ เจ้าพิราบน้อย มามะ วันนี้เราจะเทศนาธรรมให้เจ้าฟังอย่างเคย การฟังธรรมจะทำให้จิตใจของเจ้าสงบเยือกเย็น เมื่อละจากโลกนี่ไปย่อมสู่พรหมโลก” “เชิญท่านดาบสเทศนาธรรมเถิด ข้ารอฟังอยู่”
 
 
พญานกพิราบมาฟังธรรมะจากพระดาบสทุกวัน
 
                         ฤดูกาลผ่านเวียนไปแต่ละปี พญานกพิราบ ก็มิได้เบื่อหน่ายที่จะมาคอยฟังสิ่งอันเป็นมงคล และสดับรสพระคาถาจากคัมภีร์ที่พระดาบสชรามักแสดงให้ฟัง “โอ้ วันนี้ แสดงธรรมเรื่องบาปบุญคุณโทษหรือนี่ น่าฟังๆ” เมื่อพ้นวสันต์ฤดูในปีหนึ่ง มีชฎิลอันเป็นนักบวชพเนจรมาจากที่ใดสักแห่งเข้ามาอาศัยอยู่ใกล้อาศรมพระดาบส
 
 
ชฎิลพเนจรได้มาขอพักอาศัยกับพระดาบส
  
                        “ที่นี่น่าอยู่จริงๆ ร่มเย็นดาบสแก่นั่นคงไม่หวงที่เท่าไหร่นักหรอก เอาล่ะ เราจะตั้งถิ่นฐานอยู่ที่นี้แหละ” “เฮ้อ รู้สึกถึงแรงอกุศลยังไงไม่รู้สิ ที่นี่คงไม่สงบเหมือนเคยอีกแล้ว” มินานวันดาบสชราก็ออกจากอาศรมทำธุดงควัตร จากไปหาความสงบในป่าอื่น“หึๆๆๆ ในที่สุดอาศรมนี้ก็เป็นของเราแต่เพียงผู้เดียว อย่ากลับมาขอเอาคืน ก็แล้วกัน ไปแล้วไปเลยนะ ฮ่ะๆ ฮ่าๆๆ”
 
    
 
พระดาบสออกจากอาศรมเพื่อไปหาที่บำเพ็ญภาวนาที่ใหม่
 
                       “เราไปดีกว่า ที่แห่งนี้ไม่เหมาะสำหรับการปฏิบัติธรรมอีกแล้ว” ชฎิลผู้มาใหม่เมื่อได้ครอบครองอาศรมเพราะดาบสทิ้งไว้ให้ ก็ทำความสะอาดกวาดถูและตกแต่งใหม่ “เอาล่ะ ต้องตกแต่งใหม่ซะหน่อย เอาให้มันดูมีสง่าราศีซะหน่อย เหมาะกันคนอย่างเรา เจ้าดาบสแก่นั่นไม่มีหัวศิลปะเอาซะเลย ราบเรียบน่าเบื่อ ทนอยู่ได้ยังไงก็ไม่รู้”
 
 
ชฎิลทำการปรับปรุงตกแต่งอาศรมใหม่หลังจากที่พระดาบสย้ายออกไปแล้ว
  
                      นับแต่วันนั้น สิ่งที่เปลี่ยนแปลงไปในอาศรมก็คือ การไม่มีเสียงแห่งความเมตตาและการสาธยายมนต์ ไม่มีการพร่ำสอนธรรมะเหมือนท่านดาบสเคยกระทำ “มาแล้วจ้า พิราบน้อยเจ้าเก่ามาอีกแล้ว วันนี้แปลกๆ ทำไมไม่มีเสียงธรรมอย่างเคย ท่านดาบสไปไหนนะ” “หิวๆๆ ไม่มีสมาธิ(Meditation)เลยเรา หาอะไรกินสักหน่อยแล้วก็งีบดีกว่า สบายกว่ากันเยอะ”
 
 
ชฎิลผู้มาใหม่ไม่ได้สนใจการมาของพญานกพิราบ
 
                          อาศรมที่เคยสงบร่มเย็นก็กลับกลายเป็นที่วุ่นวาย เนื่องด้วยมีชาวชนบทแวะเวียนมากระทำคารวะผู้มาอยู่ใหม่ ด้วยเข้าใจว่าเป็นผู้ที่น่าเคารพนับถือ วันหนึ่งชฎิล ผู้มาอยู่ใหม่ได้ลิ้มรสเนื้อสัตว์ปีกที่ชาวบ้านนำมาถวายก็ติดใจ “อึม หวานกรอบอร่อย เค็มๆ มันๆ เอ้ นี่มันเนื้ออะไรกัน” “อร่อยใช่มั๊ยละท่าน นี่คือเนื้อนกพิราบขอรับ ถ้าท่านชอบผมจะหามาให้ท่านทานอีก รอบอาศรมก็เห็นมีอยู่หลายตัว หาไม่ยากหรอกครับ เยอะแยะ”
 
 
ชฎิลติดใจรสชาติอาหารที่ทำจากเนื้อนกพิราบ
 
                         นับแต่วันที่ได้กินเนื้อนกพิราบ ชฎิลก็เกิดกิเลสอยากกินซ้ำอยู่ร่ำไป “เฮ้ย เจ้านกพวกนี้ มาเลยมาเลยๆ บินกันมาเยอะๆ เนื้อพวกเจ้านี่มันอร่อยดีนะ รอให้ข้า คิดหาวิธีจับพวกเจ้าให้ได้ก่อนเถอะ นึกแล้วเปรี้ยวปาก” “เมื่อไหร่จะแสดงธรรมอีกสักทีละท่าน แวะมาฟังหลายทีแล้วนะ แน่ะว่าแล้วยังมองมาแปลกๆ อีก
 
 
ชฎิลเริ่มมีความคิดที่จะจับนกพิราบมาทำเป็นอาหาร
 
                           เฮ้ย เสียวสันหลังพิกล”ชฎิลใจคดวางอุบายใช้เมล็ดถั่วคลุกเคล้าเนย ไปวางล่อนกไว้ใกล้ๆ กับอาสนะที่ตนนั่งภาวนา “หึ ๆ เจ้าพิราบเอ๋ย มากินเร้ว มากินเร็ว ถั่วหอมๆ อร่อยๆ มามะ ข้าหิวแล้ว มากินเร็วๆ ข้าจะได้กินเจ้าบ้าง” ชฎิลใจร้ายวางกับดักล่อนกไว้เสร็จแล้ว ก็แสร้งนั่งนิ่งถือไม้ท่อนใหญ่รอจังหวะอยู่ เมื่อชฎิล
คิดชั่ว กลิ่นหอมของนักบวชก็สลายไป
 
 
ชฎิลใช้ถั่วคลุกกับเนยวางหลอกล่อให้ฝูงนกพิราบมากิน
 
                         พญานกพิราบสัมผัสได้ถึงสัญญาณความชั่วร้ายนั้น“โอ้ อันตรายจะเกิดขึ้นแก่เราและบริวารแน่แล้ว เราสัมผัสได้แห่งจิตที่เป็นอกุศลนั้น” พญานกพิราบ เมื่อรู้ว่าเหตุร้ายจะเกิดขึ้นแก่พวกพ้องของตน จึงไม่รอช้ารีบเรียกบริวารให้มาประชุม แจ้งถึงรหัสอันตรายนั้น “พวกท่านจงฟังเราเถิด อาศรมนั้นไม่ใช่ที่ ปลอดภัยอีกแล้ว พวกเราหนีไปเถอะ ไปอยู่ในที่ที่สงบ ณ ที่อื่น ที่แห่งนี้จะมีอันตรายแก่ชีวิตพวกเรา”
 
 
พญานกพิราบเห็นการกระทำของชฎิลและรับรู้ถึงภัยที่จะมาถึงพวกของตน
 
                           เมื่อฝูงนกจากไปจนหมด ชฎิลผู้ติดใจในรดชาตินกพิราบก็ไม่อาจแสร้งอยู่นิ่งเฉยได้ “นกพวกนี้ หายหัวไปไหนกันหมด โอ๊ย หิวโว้ย หิวสุดๆ อยากกินเนื้อนกพิราบ เจ้านกพิราบเอ๋ยมาเร็วๆ เถิด มามะๆๆ มากินถั่วเร็วๆ ไม่ใช่ถั่งธรรมดานะ นี่เป็นถั่วอบเนยซะด้วย มาเร็วๆ มากินกันเถิด”
 
 
พญานกพิราบได้เตือนภัยให้พวกของตนย้ายไปอยู่ที่อื่น
 
                         หยุดเดี๋ยวนี้นะเจ้าคนชั่ว หยุดเรียกบริวารของเรามาเป็นเหยื่อของเจ้าเสียทีพวกเรารู้ว่าเจ้าเป็นพวกทุศีลขาดธรรมะ จึงพากันหนีไปหมดแล้ว แผนร้ายของเจ้าไม่ได้ผลหรอก” “แหม เจ้านกพิราบน้อย ใครกันผู้ทุศีล เจ้าเข้าใจผิดกันไปใหญ่แล้ว เราน่ะ มีน้ำจิตน้ำใจกับพวกเจ้าโดยแท้จริง ดูนี่สิ เมล็ดถั่วหวานกรอบ
 
 
พญานกพิราบได้ห้ามให้ชฎิลหยุดทำร้ายพวกของตน
 
                         เราตั้งใจเอามาให้พวกเจ้ากินกันนะ ไม่เชื่อก็บินเข้ามาใกล้ๆ สิ ลองชิมถั่วนี่ดูสักครั้ง แล้วเจ้าก็จะติดใจ มามะ”“ชิ หยุดพูดเสียทีเถอะ ข้าเหม็นน้ำลายเจ้า นกทุกตัวและสัตว์น้อยใหญ่ในหิมวันต์ จะรู้ว่าเจ้าเป็นผู้หยาบช้า จะไม่มีใครนับถือเจ้าอีก” “เฮ้ย ปากดีนักเรอะ ขอข้ากิน เนื้อเจ้าให้อิ่มก่อนเถอะ 
 
 
ชฎิลใช้ท่อนไม้ทำร้ายนกพิราบ
 
                              แหม มาว่าเราฉอดๆๆๆๆ ตายซะเถอะ” ชฎิลเหวี่ยงท่อนไม้หมายร่างพญานกพิราบ แต่พลาดโดนจานถั่วแตกกระจาย “จะฆ่าเราเรอะ ไม่ง่ายอย่างนั้นหรอกนะ” พญานกถอยออกห่างจนปลอดภัย “เราจะเปิดโปงความชั่วของเจ้าให้คนอื่นๆ รู้ เราจะไปโพนทะนาบอกทั้งสัตว์และมนุษย์ ว่าเจ้านะ ขาดศีล สิ้นธรรมจงออกไปเสียจากนิคมชนบทแห่งนี้เสีย ก่อนที่จะมีภัยเกิดขึ้นกับเจ้า ไปซะ”
 
 
นกพิราบได้ขู่ชฎิลว่าจะเปิดโปงความชั่วร้ายที่ชฎิลทำไว้ให้ชาวบ้านได้รับรู้
 
 
                          “เห้ย เจ้านกตัวร้ายกาจจริงๆ” การมาของคนไร้ศีลธรรมหลงใหลแต่กิเลสย่อมทำความเดือดร้อนมาสู่ทุกสถานที่ การจากไปของคนประเภทนี้ ก็ไม่เคย มีใครอาลัยห่วงหาเช่นกัน “ไปก็ได้ เชอะ ที่อื่นคงมีเนื้อนกพิราบให้เราได้กินบ้าง”
 
 
 
ชฎิลจำยอมต้องย้ายออกจากอาศรมเพื่อไปหาที่อยู่ใหม่
 
ในพุทธกาลสมัยพระดาบสผู้มีศีล กำเนิดเป็นพระสารีบุตร 
ชฎิลผู้คดโกง กำเนิดเป็นพระเทวทัต
เหล่านกพิราบป่า กำเนิดเป็นพุทธบริษัททั้งหลาย
พญานกพิราบ เสวยพระชาติเป็นพระพุทธเจ้า
 
 
บทความนี้ ถูกใจคุณหรือไม่ + -

สิ่งดีๆมีไว้แบ่งปัน อะไรดีๆมีอีกเยอะ กด Like facebook กัลยาณมิตร

* * ชาดก 500 ชาติ แนะนำ * *

 ยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคล