ความหมายของกัลยาณมิตร

อุบาสกยอดกัลยาณมิตร

ตัวอย่างประกอบในการทำหน้าที่กัลยาณมิตร

 

 

 

 


      การทำหน้าที่กัลยาณมิตรให้ประสบผลสำเร็จอย่างน่าอัศจรรย์นั้น นักศึกษาควรศึกษาหัวข้อธรรมต่างๆ ที่สามารถนำมาประยุกต์ใช้ในการเล่าเพื่อน้อมนำใจผู้เป็นเจ้าของบุญให้เกิดปีติและศรัทธามั่นคงในการสร้างบุญสำหรับตนเอง และการทำหน้าที่กัลยาณมิตรผู้นำบุญให้แก่ผู้อื่น

      ตัวอย่างประกอบในการทำหน้าที่กัลยาณมิตรที่เลือกนำมาแสดงเป็นตัวอย่างเหล่านี้ นักศึกษาควรหาโอกาสศึกษาเพิ่มเติม จดจำทำความเข้าใจ และนำมาประยุกต์ใช้ในการทำหน้าที่กัลยาณมิตรตามความเหมาะสม เพื่อเป็นการกระตุ้นเตือนใจและตอกย้ำในการทำหน้าที่กัลยาณมิตรของนักศึกษาเอง และน้อมนำใจผู้ฟังให้เกิดศรัทธาและปีติใจเลื่อมใสในมหาบุญกุศลที่บังเกิดขึ้นอย่างเต็มเปียม ทั้งนี้เพื่อให้การทำหน้าที่กัลยาณมิตรผู้นำบุญสมบูรณ์แบบมากยิ่งขึ้น

 

อุบาสกยอดกัลยาณมิตร

        ในอดีตกาล สมัยพระกัสสปสัมมาสัมพุทธเจ้า ได้มีคณะทานบดีช่วยกันรับเป็นเจ้าภาพจัดภัตตาหารถวายพระสัมมาสัมพุทธเจ้าพร้อมพระสาวกถึง 2 หมื่นรูป

        หลังจากที่เสร็จภัตกิจแล้ว พระบรมศาสดาตรัสอนุโมทนาทานว่า
        "บุคคลบางคนในโลก ทำทานด้วยตนเองแต่ไม่ชักชวนผู้อื่นทำทาน เขาย่อมได้ โภคทรัพย์สมบัติ แต่ไม่ได้บริวารสมบัติใน ถานที่ที่ตนเกิด

        บุคคลบางคนในโลก ไม่ทำทานด้วยตนเอง  แต่ชักชวนผู้อื่นทำทาน เขาย่อมได้บริวารสมบัติแต่ไม่ได้โภคทรัพย์สมบัติในสถานที่ที่ตนเกิด

       บุคคลบางคนในโลก  ทำทานด้วยตนเองและชักชวนผู้อื่นทำทาน เขาย่อมได้ทั้งโภคทรัพย์สมบัติและบริวารสมบัติในสถานที่ที่ตนเกิด

       บัณฑิตคนหนึ่งได้ฟังธรรมแล้วเกิดความเลื่อมใสศรัทธา มีหัวใจของความเป็นกัลยาณมิตรคิดจะทำหน้าที่กัลยาณมิตร เพราะปรารถนาสมบัติทั้งสอง จึงออกทำหน้าที่กัลยาณมิตรชักชวนหมู่ญาติให้ร่วมกันรับเป็นเจ้าภาพถวายภัตตาหารแด่พระบรมศาสดาพร้อมด้วยพระสาวก 2 หมื่นรูป หมู่ญาติทั้งหลายต่างรับบุญเต็มกำลังของตน คนละ 10 รูปบ้าง 20 รูปบ้าง 100 รูปบ้าง 500 รูปบ้าง เต็มกำลังศรัทธาของตน

       บัณฑิตกัลยาณมิตรได้ทำหน้าที่ด้วยความร่าเริงมาตลอด จนได้มาพบกับมหาทุคตะผู้ยากจนเข็ญใจคนหนึ่ง ด้วยมหากรุณาจึงได้เข้าไปเชิญชวนมหาทุคตะให้ร่วมรับเป็นเจ้าภาพบ้าง มหาทุคตะก็ตอบว่า

       "การถวายภัตตาหารพระเป็นเรื่องของคนมีทรัพย์สำหรับผมแม้ข้าวจะเลี้ยงท้องให้อิ่มในวันพรุ่งนี้ยังไม่มีเลย ผมเป็นคนหาเช้ากินค่ำ จะให้ผมถวายภัตตาหารพระได้อย่างไร"

      กัลยาณมิตรมีจิตใจที่เปี่ยมด้วยความปรารถนาดีและมีสติปัญญาเฉลียวฉลาดในการชี้แนะจึงได้กล่าวตอบไปว่า

      "เพื่อนยาก คนทั่วไปกินอาหารอย่างดี นุ่งผ้าประณีต มีบ้านเรือนสวยงามใหญ่โตส่วนท่านรับจ้างทำงานตลอดทั้งวัน แม้อาหารที่พอจะประทังชีวิตยังไม่มี ท่านไม่ได้คิดเลยหรือว่า เป็นเพราะไม่ได้สะสมทานกุศลมาในอดีตนั่นเอง"

      มหาทุคตะยืนนิ่งด้วยความสลดใจ จึงตัดสินใจรับเป็นเจ้าภาพถวายภัตตาหารพระ 1 รูป แล้วรีบขวนขวายเร่งทำงาน เพื่อให้ได้ค่าแรงเพิ่มขึ้นพอสำหรับเลี้ยงครอบครัวของตนเองและถวายพระอีก 1 รูป

      ครั้นถึงวันรุ่งขึ้น บัณฑิตกัลยาณมิตรนิมนต์พระไปตามบัญชีเจ้าภาพที่บันทึกไว้จนหมดมหาทุคตะมาหาบัณฑิตกัลยาณมิตรเพื่อรับพระไปถวายภัตตาหาร ปรากฏว่าบัณฑิตกัลยาณมิตรลืมบันทึกการเป็นเจ้าภาพของมหาทุคตะ มหาทุคตะราวกับถูกทำร้ายที่ท้องด้วยหอก ร้องไห้สองมือปิดหน้าน้ำตาไหลพราก อุทานว่า

      "ท่านชวนเราแล้วเมื่อวาน เราและภรรยารับจ้างทำงานตลอดทั้งวันเพื่อค่าจ้างวันนี้เที่ยวจัดเตรียมภัตตาหารแต่เช้าตรู่ ขอพระให้แก่เราสักรูปเถิด"

       บัณฑิตกัลยาณมิตรเกิดความละอายใจ เพราะว่าพระทั้งหมดได้นิมนต์ไปตามเจ้าภาพจนหมดแล้ว นึกถึงหนทางสุดท้ายจึงแนะนำให้มหาทุคตะไปเฝ้าพระบรมศาสดาที่พระคันธกุฎี ซึ่งรายล้อมด้วยพระราชาและราชกุมารทั้งหลายที่รอรับบาตรของพระบรมศาสดาอยู่ มหาทุคตะเดินไปที่พระคันธกุฎีผ่านไปในท่ามกลางพระราชาและราชกุมาร ก็ถูกทักท้วงขึ้นว่า นี้ยังไม่ใช่เวลาที่เจ้าจะมารับเดนอาหาร
เนื่องจากเคยเห็นมหาทุคตะกินเศษอาหารในวันก่อนๆ

      มหาทุคตะซบศีรษะลงที่ธรณีประตูพระคันธกุฎี กราบทูลว่า "ผู้ที่ยากจนกว่าข้าพระองค์ในเมืองนี้ไม่มี ขอพระองค์จงเป็นที่พึ่งแก่ข้าพระองค์ด้วยเถิด"พระบรมศาสดาทรงเปิดพระทวารพระคันธกุฎี ทรงนำบาตรประทานในมือของมหาทุคตะเขาเหมือนได้สมบัติของพระเจ้าจักรพรรดิ พระเจ้าแผ่นดินและราชกุมารต่างทรงแลดูพระพักตร์ซึ่งกันและกัน แม้พระราชาจะขอซื้อบาตร ด้วยทรัพย์แสนหนึ่ง มหาทุคตะก็ไม่ยอมมอบบาตรของพระบรมศาสดาให้เขาเดินนำพระบรมศา ดาไปถึงกระท่อมของตนแล้วจึงถวายภัตตาหาร

       เมื่อพระบรมศาสดาเสร็จภัตกิจ2แล้ว ทรงทำการอนุโมทนา พอพระองค์เสด็จลุกจากอาสนะทันใดนั้นฝนรัตนะทั้ง 7 ประการ ได้ตกลงมาจากอากาศเต็มไปทั่วเรือนของมหาทุคตะ พระราชาตรัสั่งให้ขนทรัพย์มากองที่ลานหน้าพระราชวัง ในที่สุดก็แต่งตั้งให้มหาทุคตะเป็นเศรษฐีประจำเมือง ตั้งแต่นั้นมาเขาทำบุญตลอดอายุ ครั้นตายแล้วได้ไปบังเกิดในเทวโลก เสวยทิพยสมบัติอยู่ตลอดหนึ่งพุทธันดร
 
       ในสมัยของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระนามว่า "พระสมณโคดม" ของเรานี้ มหาทุคตะบังเกิดในตระกูลอุปัฏฐากของพระสารีบุตร พออายุได้ 7 ขวบ มีศรัทธาออกบวชและได้บรรลุธรรมเป็นพระอรหันต์ในกาลต่อมาไม่นานด้วยบุญที่ได้สั่งสมมาดีแล้ว เพราะอาศัยจิตใจที่เปี่ยมด้วยความปรารถนาดีของบัณฑิตผู้เป็นกัลยาณมิตรที่ได้ชักชวนเขาไว้ในกาลก่อน ดังนั้นจึงมีพุทธภาษิตกล่าวไว้ว่า

       การได้อัตภาพเป็นมนุษย์ก็ด้วยอานุภาพของบุญ
       การเข้าถึงความเป็นเศรษฐี มหาเศรษฐีก็ด้วยอานุภาพของบุญ
       การเข้าถึงความเป็นกษัตริย์ หรือพระเจ้าจักรพรรดิก็ด้วยอานุภาพของบุญ
       แม้การเข้าถึงความเป็นพระอรหันต์ผู้หมดกิเลสหรือพระสัมมาสัมพุทธเจ้าก็ด้วยอำนาจของบุญ
       บุญจึงเป็นต้นเหตุแห่งความสุขและความสำเร็จตามความปรารถนาทั้งปวง

บทความนี้ ถูกใจคุณหรือไม่ + -
 ยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคล