กวางกุรุงคะกับพรานเจ้าเล่ห์
กุรุงคมิคชาดก ว่าด้วยการรู้เท่าทันเล่ห์เหลี่ยมคน
ภาพ ป๋องแป๋ง
ลงสี ปูเป้
จบ
ที่มา : หนังสือนิทานชาดก โดย พระภาวนาวิริยคุณ
กุรุงคมิคชาดก
:: สาเหตุที่ตรัสชาดก ::
.....พระญาติของพระองค์ท่านหนึ่งคือ พระเทวทัต ถึงแม้จะบวชแล้ว ก็ยังมากด้วยความอิจฉาริษยา เช่น ยุยงให้คณะสงฆ์แตกแยก จัางนายขมังธนูให้มาลอบยิงพระพุทธองค์ ปล่อยช้างธนบาลที่ตกมัน และถูกมอมเหล้าจนคลุ้มคลั่งให้เข้าทำร้าย จนท้ายที่สุดลงมือ ลอบปลงพระชนม์ด้วยตนเอง โดยกลิ้งหินบนภูเขาให้ตกลงมาทับพระผู้มีพระภาคเจ้า แต่ไม่ว่าจะใช้วิธีใด ๆ ก็ไม่อาจปลงพระชนม์พระบรมศาสดาได้
..... เรื่องที่พระเทวทัตลอบทำร้ายเป็นที่รู้กันทั่วเมือง ประชาชนพากันสาปแช่ง แต่ไม่รู้จะทำอย่างไรจึงได้แต่นั่งสนทนาปรับทุกข์กัน
..... พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงทราบเรื่องนี้ จึงทรงระลึกชาติหนหลังแล้วตรัสว่า "ดูก่อน ภิกษุทั้งหลาย พระเทวทัตไม่ได้คิดจองล้างจองผลาญเรา แต่เฉพาะชาตินี้หรอกนะ แรงพยาบาทของเทวทัตที่มีต่อเรานั้น มีมาในอดีต หลายภพหลายชาติแล้ว" แล้วจึงตรัสเล่า กุรุงคมิคชาดก
:: ข้อคิดจากชาดก ::
.....๑. จงอย่าเป็นคนเห็นแก่ได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเห็นสิ่งใดที่รู้สึกว่าเป็นลาภลอยได้มาง่าย ๆ อย่าไปฉวยเอาเพราะจะถูกล่อลวงด้วยลูกไม้ต่าง ๆ โดยง่าย
.....๒. หมั่นสั่งสมบุญมาก ๆ ถ้ามากเต็มที่จริง ๆ แล้ว ใครก็ทำอันตรายไม่ได้ ใส่ความไม่ได้ บุญของเราที่มีอยู่จะตามเตือนสติไม่ให้หลงลูกไม้ใคร จนเกิดโลภ โกรธ หลง เห็นแก่ได้ เห็นแก่เกียรติยศ
.....๓. จากชาดกเรื่องนี้จึงทำให้รู้ว่า คำว่า "ลูกไม้" ได้กลายมาเป็นสำนวนไทย
หมายถึง เล่ห์เหลี่ยม ชั้นเชิง