เอาใจเขามาใส่ใจเรา

วันที่ 17 กพ. พ.ศ.2559

เอาใจเขามาใส่ใจเรา

          ชีวิตคู่จะราบรื่นต้องรู้จักเอาใจเขามาใส่ใจเรา ต้องไม่คิดเอาแต่ตนเองเป็นศูนย์กลางว่า "ฉันคิดอย่างนี้ ฉันจะทำอย่างนี้ เธอต้องเข้าใจฉัน" ถ้าเป็นอย่างนี้ชีวิตคู่มีปัญหาแน่นอน เราควรคิดจากมุมของเขาด้วยว่า ทำไมเขาถึงทำอย่างนั้น เขาคิดอะไรอยู่ เราควรพยายามเข้าใจเขา เพราะพอเราเข้าใจเขาแล้ว "ใจเราจะคลี่คลาย" 

        หากเรายึดถือใจตนเองเป็นหลัก จะเกิดการตั้งป้อมตั้งแง่กับอีกฝ่าย ทำให้เกิดกระทบกระทั่ง แต่พอเราพยายามเข้าใจเขา ใจเราคลายไม่ตั้งป้อม ก็จะเป็นการเหนี่ยวนำอีกฝ่าย ให้ค่อยๆคลายตามไปด้วย กลายเป็นว่าเราสามารถทำให้บรรยากาศภายในครอบครัวผสานกลมกลืนกันได้มากขึ้น พอเริ่มเอาใจเขามาใส่ใจเรา ก็จะเกิดผลตามมาอีกอย่างน้อย 4 เรื่องดังนี้ 

1. เข้าใจคน
           คนเราไม่มีใครเกิดมาสมบูรณ์พร้อม ตัวเราเองยังมีข้อบกพร่องที่เขาต้องอดทนเราเลย ดังนั้น ข้อบกพร่องบางอย่างของเขาที่เราต้องอดทนก็มีอยู่เช่นเดียวกัน พอเราเริ่มเข้าใจธรรมชาติของเขา จุดอ่อนจุดแข็งของเขา และนิสัยที่ติดตัวมาบางอย่าง ที่ยังแก้ไม่ได้ในทันทีของเขา แม้ต่อให้ตั้งใจแก้ไขแล้ว บางทียังแก้ไม่ได้อย่างที่เราต้องการ ก็เหมือนบางทีที่เรารู้ว่า ตนเองมีนิสัยไม่ดีในบางเรื่อง แล้วตั้งใจอยากจะแก้ไข แต่ก็เผลออยู่เรื่อยเพราะความเคยชิน พอเราเริ่มเข้าใจกันมากขึ้น นอกจากจะเอาใจเขามาใส่ใจเราแล้ว เราจะต้องเข้าใจตนเองมากขึ้นด้วย พอเราเริ่มคิดในมุมของเขา แล้วมองมาที่ตัวเราบางทีเราจะมองเห็นตนเองในอีกหลายๆจุดที่เคยมองข้ามไป

 

2. ให้เกียรติกัน
             เมื่อรู้จักเอาใจเขามาใส่ใจเราแล้ว สิ่งที่จะได้ตามมาเป็นประการที่สอง คือการให้เกียรติกัน คนเราทุกคนต้องการความภาคภูมิใจในตนเอง แต่วิธีการจะภูมิใจในตนเองนั้น มี 2 แบบ แบบแรกเป็นทางทำลาย คือเหยียบอีกฝ่ายให้ต่ำลง ทำให้เขาเจ็บช้ำน้ำใจ พอเหยียบเขาลงไปได้ก็รู้สึกว่า ตนเองแน่ อย่างนี้ไม่ดี แบบที่ 2 เป็นทางสร้างสรรค์ คือพัฒนาตนเองให้ดีขึ้น เก่งขึ้น จนกระทั่งเราภูมิใจในตนเองได้ พอเรามั่นใจในความดี และความสามารถของตนเองแล้ว เราจะสามารถให้เกียรติอีกฝ่ายได้ โดยไม่กระทบอีโก้ของตนเองเลย

 

3. ไม่นอกใจ
             การที่เราใช้ชีวิตคู่ แต่งงานอยู่ครองคู่กันแล้ว ถ้าคู่ชีวิตเราไปมีคนอื่น เป็นใครก็คงเจ็บช้ำใจและรับไม่ได้ พอเราเข้าใจอย่างนี้ แล้วเอาใจเขามาใส่ใจเรา เราจะเริ่มควบคุมพฤติกรรมของตนเองได้อย่าลืมว่าคนเรายังไม่หมดกิเลสดังนั้นการตัดไฟแต่ต้นลม จึงดีที่สุด เราจะรอให้เกิดไฟลุกลามใหญ่โตมันจะดับไม่ทัน เพราะฉะนั้นต้องคิดให้ได้ว่า ถ้าเขาไปทำอย่างนี้กับคนอื่นเราก็ไม่ชอบใจ แล้วเราจะไปทำอย่างนี้กับคนอื่นก็ไม่ได้เช่นกัน เราต้องมีความซื่อสัตย์ต่อกัน ให้นึกถึงคู่ชีวิตนึกถึงลูกและครอบครัว แล้วควบคุมพฤติกรรมของตนเองให้ซื่อสัตย์ต่อคู่ชีวิต

 

4. ตั้งใจทำหน้าที่ของตนเองอย่างดี
           พอเรามองจากมุมเขา แล้วย้อนมาดูตัวเราจะพบว่าเขาคาดหวังอะไรกับเราไว้บ้าง ในฐานะสามี เราทำหน้าที่ของสามีครบถ้วนดีหรือไม่ ถ้ายังก็ให้รีบปรับปรุงตัว ถ้าในฐานะภรรยา เราทำหน้าที่ของภรรยาครบถ้วน
ดีแล้วหรือไม่ถ้ายังก็ให้รีบปรับปรุงตัวเช่นเดียวกัน อย่าเอาความเคยชินในสังคมยุคเก่ามาใช้กับสังคมปัจจุบัน เช่น ในอดีตสามีเป็นฝ่ายทำมาหาเลี้ยงครอบครัวลุยงานอาบเหงื่อต่างน้ำ พอกลับถึงบ้านภรรยาก็ดูแลบ้านเลี้ยงลูก ทำอาหารไว้พร้อมสรรพ แต่ในปัจจุบันเราต่างก็ต้องออกไปทำงานหาเลี้ยงครอบครัวด้วยกันทั้งคู่ พอกลับถึงบ้านสามีจะเอาแต่นั่งนอน ไม่ช่วยกันดูแลบ้าน แล้วปล่อยให้เป็นหน้าที่ของภรรยาฝ่ายเดียว ที่จะต้องกลับมาถูบ้าน ทำกับข้าวเลี้ยงลูก อย่างนี้ไม่ถูกต้อง เราควรช่วยเหลือกัน จะคิดแค่จากมุมตนเองไม่ได้ว่า "ฉันเป็นผู้ชาย ฉันไม่ต้องทำ" ถึงคราวที่สังคมเปลี่ยน เราต้องมองจากมุมของเขาด้วย ไม่คิดแต่จากมุมของตนเองเป็นที่ตั้ง เอาความสะดวกสบายและความสุขของตนเองเป็นใหญ่ 

 

-----------------------------------------------------------------------------------------

" หนังสือ Secret of Love  รักลูกอย่างไรไม่ให้เสียน้ำตา "

โดย พระมหาสมชาย ฐานวุฑโฒ

 

 

 ยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคล Total Execution Time: 0.0010731856028239 Mins