สมบัติจักรพรรดิตักไม่พร่อง

วันที่ 24 กค. พ.ศ.2560

 สมบัติจักรพรรดิตักไม่พร่อง,วาไรตี้,บทความประจำวัน

 

      สมบัติจักรพรรดิตักไม่พร่อง


     วันนี้เปีนวันที่ดีที่สุดวันหนึ่งในชีวิตของเรา ที่เราได้ใช้ชีวิตแสวงหาหนทางพระนิพพานเช่นเดียวกับบัณฑิตในกาลก่อน มีพระสัมมาสัมพุทธเจ้าและพระอรหันต์ทั้งหลายเป็นต้น ท่านได้ดำเนินชีวิตอย่างนี้ แสวงหาหนทางของพระนิพพาน ส่วนเรามีชีวิตเป็นฆราวาส เป็นคฤหัสถ์ ต้องทำมาหากิน เราก็แสวงหาหนทางพระนิพพานกันทุกวัน ทำชีวิตสองระดับให้สมบูรณ์คือ ชีวิตภายนอกและชีวิตภายใน ชีวิตอย่างละ ๑๐๐ เปอรเซนต์ ใหัเป็นชีวิตสมบูรณ์ถึง ๒๐๐ เปอรเซ็นต์ใหัเศรษฐกิจก้บจิตใจไปด้วยกัน อย่างนี้เป็นชีวิตของบัณฑิต

   สิ่งทั้งหลายทั้งปวง ไม่ว่าจะเป็นคน สัตว์ เป็นสิ่งของ จะเป็นร่างกายของเราส่วนต่างๆ สิ่งต่างๆ ที่อยู่ในร่างกายเราหรือห่อหุ้มร่างกายของเราก็ตาม เป็นสิ่งที่อาศัยกันอยู่ชั่วคราวไม่ใช่เป็นสิ่งที่เป็นสาระแก่นสาร อาศัยกันชั่วคราวเท่านั้น อาศัยเพื่อสร้างบารมี เพราะสิ่งทั้งหลายทั้งปวง เหล่านั้นย้งมีสภาพที่ไม่เที่ยง ไม่คงที่ ยังเปลี่ยนแปลงไปสู่จุดสลายซึ่งเป็นเหตุให้เกิดความทุกข์ทรมานและย้งเป็นปาวเป็นทาสของพญามาร ของความโลภ ความโกรธ ความ หลงอยู่ยังไม่พ้นจากปาวจากทาสเขา ไม่เป็นอิสระ ยังไม่ได้เป็นต้วเป็นตนที่แท้จริง ยังตกอยู่ในไตรล้กษณ์ไม่เที่ยง เป็นทุกข์ เป็นอนัตตา

      ร่างกายเราก็ต้องไปสู่จุดสลาย ตั้งแต่คลอดออกจากครรภ์มารดาเรื่อยมา จนกระทั้งบัดนี้เสื่อมลงไปเรื่อยๆ กำลังเดินทางไปสู่จุดสลาย เพราะฉะนั้นเราจะต้องใช้วันเวลาทุกอณุวินาทีให้คุ้มค่า โดยอาศัยกายที่เป็นอนิจจัง ทุกขังอนัตตานี่แหละ ที่ไม่เที่ยง เป็นทุกข์ เป็นอนัตตา แสวงหาสิ่งที่ตรงกันข้ามคือสิ่งที่เป็นสาระ สิ่งที่เป็นแก่นสารของชีวิต เป็นแหล่งกำเนิดแห่งความสุข สุขล้วนๆ ที่ไม่มีทุกข์เจือเลย แล้วก็เป็นอิสระหลุดพ้นจากการบ้งคับบัญชาของพญามาร ของกิเลส ของอาสวะ

     สามอย่างนี้รวมอยู่ในพระรัตนตรัย ในพุทธรัตนะ ในธรรมรัตนะ ในสังฆรัตนะ สามอย่างนี้เท่านั้นที่เป็นสาระเป็นแก่นสาร เป็นที่พึ่งและที่ระลึกอันแท้จริงของเราที่จะทำให้เราสมความปรารถนา สมหวังในสิ่งที่เราปรารถนาไว้คือ อยากเป็นอิสระ อยากจะพบความสุขที่แท้จริง อยากจะมีปัญญาบริสุทธิ์เพื่อที่จะได้เข้าใจชีวิตของตัวเองให้แจ่มแจ้งในธรรมทั้งปวง

   เมื่อแจ่มแจ้งแล้วเราก็จะได้มีมหากรุณา แบ่งปันสิ่งที่เราเช้าใจได้รู้ได้เห็นนี้ไปยังเพื่อนมนุษย์ สรรพสัตว์ทั้งหลาย เพราะฉะนั้น พุทธรัตนะ ธรรมรัตนะ สังฆรัตนะ สามอย่างนี้แหละเป็นที่พึ่งที่ระลึกที่แท้จริง ที่จะทำให้ความปรารถนาของเราสมหวังได้ รัตนะทั้งสามนี้อยู่ในกลางกายเรา ท่านสิงสถิตอยู่ในกลางกายกลางของกลางกายของเรา โดยมีจุดเริ่มต้นที่ศูนย์กลางกายฐานที่ ๗ จุดเริ่มต้นของการเดินทางเข้าไปสู่ภายในเพื่อให้เข้าถึงพุทธรัตนะ ธรรมรัตนะ สังฆรัตนะ 

สมบัติจักรพรรดิ

    ผู้ที่จะได้สมบัติจักรพรรดิตักไม่พร่องจะต้องเป็นผู้ที่มีหัวใจ เช่นเดียวกับพระเจ้าจักรพรรดิจึงจะมีสิทธิ์ครอบครองสมบัติจักรพรรดิได้ พระเจัาจักรพรรดิท่านมีใจอย่างไร ในกาลก่อนโน้นท่านจะมีใจที่ปราศจากความตระหนี่ ไม่หวงแหนทร้พย์ ไม่เสิยดายทรัพย์ ความเสียดายไม่มีอยู่ในใจของท่าน ไม่กลัวว่าจะหมดเปลือง ไม่กังวลว่าจะมีกินหรือไม่มีกิน ท่านจะประกอบไปด้วยดวงปัญญา มองการณ์ไกลไปในภพเบื้องหน้าเพราะท่านมีจุดหมายปลายทางที่จะไปสู่อายตนนิพพาน จะต้องสร้างบารมีใหัมาก ใหัเต็มเปี่ยมบริบูรณ์ทั้ง ๓๐ ทัศ คือตั้งแต่ทานบารมี ศีลบารมี เนกขัมมะ ปัญญา วิริยะ ขันดิ สัจจะ อธิษฐาน เมตตา อุเบกขาบารมี มีทานบารมีเป็นเบื้องด้น อุเบกขาเป็นที่สุด แล้วก็สร้างบารมี เอาเบื้องกลางกัดไปจนกระทั่งถึงขั้นอุกฤษฏ์เป็นปรมัตถบารมี ๓๐ ทัศเต็มเปียมบริบูรณ์จึงจะหลุดพ้นจากกิเลสอาสวะได้

   แต่การที่จะได้บารมีครบ ๓๐ ท้ศบริบูรณ์นั้น ต้องทำกันนับชาติไม่ถ้วนทีเดียว ท่านก็มองการณ์ไกลว่า เรามีชีวิตอยู่ในโลกไม่นาน แด่ชีวิตหล้งจากตายแล้วจะไปเกิดเป็นสัตว์นรกหรือชาวสวรรค์ก็ตาม อายุยืนนานมากเป็นหมื่นเป็นแสน เป็นล้านปีของมนุษย์ เป็นกัป เป็นมหากัปยาวนานมาก และชีวิตในสังสารวัฏก็ยิ่งยาวนานกว่านั้นไปอีกกว่าจะถึงจุดหมายปลายทาง

   ท่านมีดวงปัญญามองเห็นการณ์ไกลปัญญาบริสุทธิ์นั้นก็ทำให้ท่านคิดได้ว่า เรามุ่งเอาบุญใหญ่ไปเอาดีในภพถ้ดๆ ไปดีกว่า จึงไม่เสียดายทรัพย์ ไม่อาลัยอาวรณ์ทรัพย์ ไม่ตระหนี่ตัดขาดจากความตระหนี่จนกระทั่ง ความตระหนี่ไม่มีโอกาสเจริญงอกงามในใจของท่านได้ เหมือนต้นตาลที่ถูกฟ้าผ่ากระทั่งยอดมันด้วน มันงอกออกมาใหม่ไม่ได้ฉันใด ความตระหนี่ ก็ไม่งอกงามในใจของท่านบัณฑิต ของพระบรมโพธิสัตว์กาลก่อนได้

    ใจของท่านเป็นใจของพระเจ้าจักรพรรดิ เพราะฉะนั้นสมบัติจักรพรรดิ จึงบังเกิดขึ้นกับท่าน เป็นสมบัติที่เป็นอจินไตยเหนือความคาดคะเนของมนุษย์ คือความคิดของมนุษย์ที่มีขอบเขตจำกัดนี๋ไม่สามารถหาเหตุผลได้ว่า สมบัติจักรพรรดิที่ตักไม่พร่องนี่มันเป็นยังไง มันจะเป็นไปได้อย่างไร จึงได้ชื่อว่าเป็นอจินไตย เป็นสิ่งที่เหนือความนึกคิด เหนือกฎเกณฑ์ เหนือธรรมชาติ แต่สิ่งนี้ได้บังเกิดซ้าแล้วซํ้าเล่าในอดีต ไม่ใช่เพียงครั้งเดียว ไม่ใช่สิบครั้ง ไม่ใช่ร้อยไม่ใช่พันหมื่นแสนครั้ง แต่นับครั้งไม่ถ้วนทีเดียว

    ยกตัวอย่างในสมัยพุทธกาลผู้ที่ได้สมบัติจักรพรรติ ที่มีปรากฏในพระไตรปิฎกอย่างเช่น ท่านชฏิลเศรษฐี ท่านสั่งสมบุญในภพก่อนมาก มีใจประดุจพระเจ้าจักรพรรดิ จึงสมควรแห่งสมบัติจักรพรรติเกิดขึ้น เมื่อบุญส่งผลภายในบริเวณบ้านท่าน ภูเขาทองก็ผุดเกิดขึ้นมาอย่างน่าอัศจรรย์ แล้วก็มีจอบเพชรเกิดขึ้นสำหร้บที่จะตักทองอันนั้นน่ะเอามาใช้ แต่ตักทองออกไปแล้ว ทองนั้นก็งอกขึ้นมาใหม่เต็มเหมือนเติม ต้กแล้วก็เต็มไม่พร่องเลย

    ถ้าเราจะใช้ปัญญาธรรมดาของเราคิด ว่ามันเป็นไปได้อย่างไรที่มีภูเขาทองมาบังเกิดขึ้นในบริเวณบัานพร้อมด้วยจอบเพชร แล้วก็ตักไม่พร่อง บางคนก็คิดไม่ออก นอกจากท่านผู้รู้ผู้บริสุทธิ์ที่มีรู้มีญาณไปเห็นเข้าอย่างพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ท่านรู้เห็น ท่านก็ระลึกชาติหนหล้งไปดู เห็นการประกอบเหตุของการสร้างบารมีของท่านชฎิลเศรษฐีที่เป็นเหตุให้ได้ภูเขาทองที่ตักไม่พร่องนี้ ท่านเห็นเหตุเป็นเรื่องเป็นราวไปทีเดียว แล้วก็สรุปได้ว่าเป็นไม่มีความตระหนี่มีจิตใจที่สะอาดผ่องใส คิดอยากแต่จะให้อย่างเดียวปรารถนาจะให้

     ท่านเมณฑกเศรษฐีก็อีกท่านหนี่งมีแพะกายสิทธิ์ เป็นแก้วตัวใหญ่ทีเดียวใหญ่กว่าแพะปกติ จะบันดาลสิ่งที่ท่านเศรษฐีปรารถนา อยากจะได้อะไรก็บันดาลเกิดขึ้นได้เป็นอัศจรรย์ทีเดียว ท่านก็เช่นเดียวกัน มีจิตใจที่ความตระหนี่ไม่อาจจะไปรุกรานย่ำยีท่านได้ ตัดขาดเหมือนตาลยอดด้วนอย่างนั้น

      ท่านโชติกเศรษฐีอีกท่านหนี่ง มีปราสาทแก้ว มีฃุมทร้พย์เกิดขึ้นทั้ง ๔ ทิศ มีต้นกัลปพฤกษ์บันดาลความปรารถนาให้สมหวัง อยากได้อะไรก็ได้สมความปรารถนา สามท่านนี่ก็เป็นตัวอย่างของผู้ที่ได้สมบัติตักไม่พร่อง 

      การเดินทางไกลไปสู่ที่สุดแห่งธรรมนั้นยากกว่ายาก คือความยากที่มีมาแล้วในอดีตมากมายเท่าไหร่ การที่จะไปสู่ที่สุดแห่งธรรมนั้นยากกว่านั้นเข้าไปอีก มีความจำเป็นจะต้องมีบารมีแก่ๆ ต้องมีบารมีมาก เพราะฉะนั้นการจะมีบารมีมากก็ต้องสงสมบารมีมากๆ ชาติสองชาติไม่ได้ เป็นร้อยเป็นพันชาติ ไม่ได้
ต้องนับชาติกันไม่ถ้วนทีเดียว บารมีถึงจะเต็มเปี่ยมบริบูรณ์

       เพราะฉะนั้น เสบียงธรรมดาที่จะหล่อเลี้ยงไปให้สร้างบารมีให้ถึงที่สุด เพื่อสร้างบารมีอื่นเพิ่มเติมให้สมบูรณ์นั้นมันไปไม่ได้ จะต้องได้เสบียงในระดับที่เป็นสมบัติตักไม่พร่อง เปีนเสบียงหล่อเลี้ยงไปสร้างบารมีอย่างอื่นอีก ๙ อย่างให้เต็มบริบูรณ์ จนกระทํ่งพญามารบังคับบัญชาไม่ได้ พ้นจากการเป็นบ่าวเป็นทาสของเขาจึงจะไปถึงที่สุดแห่งธรรม

      หลวงพ่อจึงมีความปรารถนาอยากจะให้ลูกทั้งหลาย มีสมบัติจักรพรรดิที่ตักกันไม่พร่อง เพราะฉะนั้นจึงเชิญชวนให้ทุกคนเอาชนะความตระหนี่ ต้องตีกระหน่ำความตระหนี่โดยไม่ปรานีปราศรัย ไม่เอาอกเอาใจความตระหนี่ ไม่มีเชื้อเป็นอาหารให้ความตระหนี่งอกงาม ไม่มีเชื้อแห่งปุ๋ยความตระหนี่ เพราะฉะนั้นจะต้องเอาชนะมันให้ได้

     ทุกอย่างสำเร็จด้วยใจ เมื่อเรามีความตั้งใจจะทำอะไรอย่างจริงจังแล้วมันก็ได้ทุกอย่าง เหมือนมนุษย์มีความตั้งใจจะไปลงดวงจันทร์ เขาคิดแล้วคิดเล่าคิดไปเรื่อยๆ แล้วก็ลงมือปฎิบีติ ทุนเบื้องต้นของเขาคือเขาจะต้องไปให้ได้ แล้วในที่สุดเขาก็สมความปรารถนา


 

 

จากหนังสือ แม่บท เดินทางข้ามวัฏสงสาร

วันอาทิตย์ที่ ๑๓ กุมภาฬนธ์ พ.ศ.๒๕๔๓
     
 

 ยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคล Total Execution Time: 0.027259433269501 Mins