ธรรมรักษาผู้ประพฤติธรรม

วันที่ 05 เมย. พ.ศ.2547

 


.....
ณ บัดนี้ อาตมภาพจักได้แสดงธรรมิกถาแก้ด้วย ธรรมรักษาผู้ประพฤติธรรม ตามวาระพระบาลีคลี่ความเป็นสยามภาษาตามมตยาธิบายกว่าจะยุติการลงโดยสมควรแก่เวลา เริ่มต้นแห่งธรรมที่รักษาผู้ประพฤติธรรมตามวาระพระบาลีว่า ธมฺโม หเว รกฺขติ ธมฺมจารึ ธรรมนั้นแลย่อมรักษาผู้ประพฤติธรรม
ธมฺโม สุจิณฺโณ สุขมาวหาติ ธรรมที่บุคคลสั่งสมไว้ดีแล้วนำความสุขมาให้ เสานิสํโส ธมฺเม สุจิณฺเณ ข้อนี้แหละเป็นอานิสงส์ในธรรมความประพฤติดี น ทุคฺคตึ คจฺฉติ ธมฺมจารึ ผู้ประพฤติธรรมดีเรียบร้อยไม่ไปสู่ทุคติ นี่เนื้อความของพระบาลีความเป็นสยามได้ความเพียงแค่นี้

.....ต่อแต่นี้จะอรรถาธิบายขยายความว่า ธรรมย่อมรักษาผู้ประพฤติธรรมนั้นเป็นไฉน เพราะธรรมคือความดี จะขีดขั้นลงไปเพียงแค่ไหน ความดีไม่มีความชั่วเข้าไปเจือปนเลย นี่เป็นโลกุตตรธรรมแท้ๆ ข้ามขึ้นจากโลก เป็นวิราคธาตุวิราคธรรมแท้ๆ ไม่เกี่ยวข้องด้วยสราคธาตุสราคธรรมทีเดียว

.....คำว่า ธรรม แยกออกเป็นหลายประการ ท่านแสดงไว้เป็นหลักเป็นประธานแก้ในศัพท์ว่าธรรม ธมฺโม
คำว่า ธรรม นั้นแยกออกไปถึง ๔ คือ คุณธรรม เทศนาธรรม ปริยัติธรรม นิสสัตตนิชชีวธรรม แยกออกเป็น ๔

.....คุณธรรมให้ผลตามกาล ฝ่ายดีก็ให้ผลเป็นสุข ฝ่ายชั่วก็ให้ผลเป็นทุกข์ นี้เป็นคุณธรรมดีฝ่ายชั่ว หรือดีฝ่ายเดียว ให้ผลเป็นสุขฝ่ายเดียวนั้น ก็เรียกว่า คุณธรรม

.....เทศนาธรรมที่พระองค์ตรัสเทศนา ไพเราะในเบื้องต้น ไพเราะในท่ามกลาง ไพเราะในเบื้องปลาย ท่านวางหลักไว้ ไพเราะในเบื้องต้น คือ ศีลบริสุทธิ์ กายวาจาเรียบร้อยดีไม่มีโทษ ตลอดจนกระทั่งถึงดวงศีล ไพเราะในท่ามกลาง คือ สมาธิ ตลอดจนกระทั่งถึงดวงสมาธิ ไพเราะในเบื้องปลาย คือ ปัญญา ตลอดจนกระทั่งถึงดวงปัญญา นี้ก็คือ เทศนาธรรม

.....ปริยัติธรรม ข้อปฏิบัติอันกุลบุตรจะพึงเล่าเรียนศึกษา ตั้งต้นแต่นักธรรมตรี โท เอก เปรียญ ๓ ๔ ๕ ๖ ๗ ๘ ๙ หลักสูตรวางไว้ในประเทศไทย การศึกษาปริยัติมีเท่านี้ นี่ที่เรียกว่า ปริยัติธรรม

.....นิสสัตตนิชชีวธรรม ยกเอารูปออกเสีย กับ วิญญาณออกเสีย เหลือแต่เวทนา สัญญา สังขาร สามอย่างนี้ท่านจัดเป็นนิสัตตนิชชีวธรรม ไม่ใช่สัตว์ไม่มีชีวิต แสดงหลักไว้ดังนี้

.....แสดงธรรมออกไปเป็น ๔ คือ คุณธรรม เทศนาธรรม ปริยัติธรรม นิสสัตตนิชชีวธรรม แสดง ๔ ดังนี้ ธรรมย่อมรักษาผู้ประพฤติธรรม แต่คำว่า ธรรม นี้ แสดงตามแบบปริยัติไม่ใช่หนทางปฏิบัติ แบบทางปฏิบัติ ศาสนามี ๓ ทาง คือ ปริยัติ ปฏิบัติ ปฏิเวธ

.....ถ้าแบบทางปฏิบัติ คำว่า ธรรม กล่าวถึง ดวงธรรม ทีเดียว ดวงธรรมที่ทำให้เป็นกายมนุษย์ ใสบริสุทธิ์เท่าฟองไข่แดงของไก่ เป็นดวงธรรมทีเดียว เป็นธรรมแท้ๆ ธรรมที่ทำให้เป็นมนุษย์ มนุษย์ละเอียด กายทิพย์ กายทิพย์ละเอียด กายรูปพรหม กายรูปพรหมละเอียด กายอรูปพรหม กายอรูปพรหมละเอียด กายธรรม กายธรรมละเอียด กายโสดา กายโสดาละเอียด กายสกทาคา กายสกทาคาละเอียด อนาคา อนาคาละเอียด อรหัตต์ อรหัตต์ละเอียด เรียกว่า ธมฺโม นี่ทางปฏิบัติ เป็นดวงใสบริสุทธิ์ ธรรมดวงนั้นเป็นธรรมสำคัญ ทว่า หลักธรรม อันนั้น เป็นธรรมทีเดียว

.....ธรรมนั้นถ้าว่าจะแยกออกไป ธรรมที่ทำให้เป็นกายมนุษย์ ที่จะได้ธรรมดวงนั้นมา ต้องกล่าวเริ่มแรก มนุษย์หญิงชายทุกถ้วนหน้า ทั้งคฤหัสถ์บรรพชิต บริสุทธิ์สนิททั้งกายวาจาจิต ไม่มีผิดจากความประสงค์ของพระพุทธเจ้า อรหันต์เลย บริสุทธิ์สนิททั้งกายวาจาจิต ไม่ฆ่าสัตว์ แต่เวทนาปรานีต่อสัตว์ ลักทรัพย์สมบัติก็ไม่มี มีแต่ให้สมบัติของตนแก่คนอื่น ประพฤติล่วงผิดในกามก็ไม่มี หรือประพฤติล่วงอสัทธรรมประเพณีก็ไม่มี สนิททีเดียว พูดจริงทุกคำ ไม่มีปด เสพสุรายาเมาเป็นที่ตั้งของความประมาท ไม่มีวัตถุที่ทำให้เมาเป็นที่ตั้งของความประมาทก็ไม่ใช้สอย ในศีลทั้ง ๕ นี้ตลอด ศีล ๘ ศีล ๑๐ ศีล ๒๒๗ ตลอด สะอาดสะอ้านทั้งกาย กายก็ไม่มีร่องเสีย วาจาก็ไม่มีร่องเสีย ใจก็ไม่มีร่องเสีย ใช้ได้ทั้งกายวาจาใจ …

 ยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคล Total Execution Time: 0.0017429669698079 Mins