อธิษฐานพรรษา

วันที่ 31 มีค. พ.ศ.2567

310367b01.jpg
 

อธิษฐานพรรษา
๔ สิงหาคม ๒๕๓๔
พระธรรมเทศนาเพื่อการปฏิบัติธรรม วัดพระธรรมกาย
โดย... พระราชภาวนาวิสุทธิ์ (หลวงพ่อธัมมชโย)

 

                ต่อจากนี้ขอเรียนเชิญทุกท่านตั้งใจหลับตาเจริญสมาธิภาวนากันทุก ๆ คนนะจ๊ะ ให้นั่งขัดสมาธิ โดยเอาขาขวาทับขาซ้าย ให้มือขวาทับมือซ้าย นิ้วชี้ของมือข้างขวาจรดนิ้วหัวแม่มือข้างซ้าย วางไว้บนหน้าตักพอสบาย ๆ หลับตาของเราเบา ๆ หลับตาพอสบาย ๆ คล้าย ๆ กับเรานอนหลับ ขยับเนื้อขยับตัวของเราให้ดี กะคะเนให้เลือดลมในตัวของเราเดินได้สะดวก เราจะได้ไม่ปวดไม่เมื่อย ต่อจากนี้ก็ให้ลืมทุกสิ่งทุกอย่างให้หมดสิ้นจากใจ ไม่ว่าจะเป็นธุรกิจการงานอันใดก็ตาม ให้ปลด ให้ปล่อย ให้วางให้จิตใจว่างเปล่าจากภารกิจทั้งหลาย ทำประหนึ่งว่าเราอยู่คนเดียวในโลก ไม่เคยมีภารกิจเครื่องกังวลมาก่อน     แล้วก็ทำใจของเราให้เบิกบาน ให้แช่มชื่น ให้สะอาด ให้บริสุทธิ์ ให้ผ่องใส 

 


                ใจที่สะอาดที่บริสุทธิ์ผ่องใส จะได้เหมาะสมที่จะเป็นภาชนะรองรับพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ ทั้ง ๓ อย่างนี้เป็นสรณะอันประเสริฐ คือเป็นทั้งที่พึ่งและที่ระลึก สิ่งอื่นที่จะเป็นที่พึ่งที่ระลึกยิ่งกว่านี้ไม่มีอีกแล้ว เพราะฉะนั้นต้องทำใจของเราให้ใส ให้สะอาดให้บริสุทธิ์ พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ ท่านจะได้เข้าสิงสถิตอยู่ในกาย วาจา ใจ ของเราสืบไป เพราะฉะนั้นต้องทำใจให้เบิกบาน ให้แช่มชื่น ให้สะอาด ให้บริสุทธิ์ ให้ผ่องใสให้ท่านทั้งหลายซึ่งเป็นชาวพุทธ โดยกำเนิด ให้ตั้งใจประพฤติปฏิบัติธรรมกันให้เต็มที่ โดยเฉพาะภายในพรรษานี้ ซึ่งเป็นฤดูกาลที่เหมาะสม อากาศไม่ร้อนอบอ้าวเกินไป ไม่หนาวจนกระทั่งเกิดความทุกข์ทรมาน เป็นอากาศที่เหมาะสมต่อการประพฤติปฏิบัติธรรมอย่างยิ่ง 

 


                พระภิกษุสามเณรก็ได้อาศัยฤดูกาลนี้ อยู่จำพรรษาในอาวาส เมื่อถึงฤดูกาลนี้แล้ว ท่านก็อธิษฐานจิตของท่านโดยเห็นว่า ฤดูกาลนี้เหมาะสมต่อการปฏิบัติธรรม ก็ได้อธิษฐานจิตเอาไว้ว่าตลอดระยะเวลา ๓ เดือนนี้ จะอยู่จำพรรษา ประพฤติปฏิบัติธรรมในขอบเขตของอาวาสนี้ไม่จำเป็นก็ไม่ไปค้างคืนที่ไหน จะอยู่ประพฤติปฏิบัติธรรมภายในพรรษานี้ ภิกษุสามเณรทั้งหลายก็ได้ตั้งใจอธิษฐานกันอย่างนี้ ผู้ที่กวดขันตัวเองที่จะให้เข้าถึงมรรคผลนิพพานโดยเร็ว เห็นว่าภายในอาวาสนี้ยังกว้างขวางใหญ่โตนัก ก็อธิษฐานเพิ่มขึ้นว่านอกจากในอาวาสนี้แล้ว เราจะอยู่จำพรรษาที่มีขอบเขตกะทัดรัดเข้ามาอีก คือในวิหาร อยู่ในขอบเขตของวิหาร จะอาศัยขอบเขตนี้อยู่จำพรรษา ประพฤติปฏิบัติธรรมให้เข้าถึงรัตนะทั้ง ๓ ให้ได้ 

 


                ผู้ที่มีบารมีแก่กล้า ตั้งใจที่จะบรรลุมรรคผลนิพพาน ยิ่งกว่านี้ก็อธิษฐานย่นย่อลงมาอีกว่า นอกจากในอาวาสในวิหารนี้แล้ว จะอยู่จำพรรษาในขอบเขตของวงกายในขันธ์ ๕ นี้ ในกายยาววา หนาคืบ กว้าง ๑ ศอก คือร่างกายของเรานี้ จะไม่ส่งใจไปที่อื่น จะส่งใจอยู่ในแวดวงของขันธ์ ๕ นี้ ของร่างกายอันนี้ อยู่ภายในตัวของเรา ไม่ไปที่ไหน ผู้ที่มีปัญญายิ่งกว่านี้ได้ยินได้ฟังมามาก รู้เห็นหนทางที่จะไปสู่อายตนนิพพานว่ามีหนทางเดียวอยู่ในกลางกายตรงฐานที่ ๗ ตรงนี้ที่เดียว ที่จะไปสู่อายตนนิพพาน ก็จะอธิษฐานจำพรรษาว่าตลอดระยะเวลา ๑ พรรษานี้ จะสอดส่องใจให้หยุดให้นิ่งอยู่ที่ศูนย์กลางกายฐานที่ ๗ จะหยุดนิ่งอยู่ที่ตรงนี้ที่เดียว ไม่ส่งใจไปที่อื่น ไม่ว่าจะนั่ง จะนอน จะยืน จะเดิน จะทำภารกิจอะไรก็ตาม จะเอาใจหยุดตรึกอยู่ที่ตรงนี้ ไม่ส่งใจไปที่ไหน 

 


                ผู้ที่เข้าถึงดวงธรรมภายในเข้าถึงปฐมมรรค เห็นหนทางเบื้องต้นที่ไปสู่อายตนนิพพาน ใสบริสุทธิ์เกิดขึ้นอยู่ในกลางกาย อย่างเล็กขนาดดวงดาวในอากาศ อย่างกลางขนาดพระจันทร์ในคืนวันเพ็ญ อย่างใหญ่ขนาดพระอาทิตย์ตอนเที่ยงวัน ก็จะเอาใจเนี้ยะ จรดจดจ่ออยู่ในกลางดวงธรรมนี้ ตลอดพรรษา อธิษฐานเอาไว้ ไม่ส่งใจไปที่อื่น ไม่ว่าจะนั่ง จะนอน จะยืน จะเดิน จะเอาใจหยุดนิ่งอยู่ที่กลางปฐมมรรคนี้ ผู้ที่เข้าถึงกายมนุษย์ละเอียด เห็นกายตัวเองชัดเจนอยู่ภายใน เห็นลึกซึ้งเข้าไปอีก ก็ตั้งใจมั่นว่า ตลอดพรรษานี้ จะไม่ส่งใจไปที่ไหน จะเอาใจหยุดอยู่ในกลางกายมนุษย์ละเอียด ให้เห็นใสแจ่มอยู่ตลอดเวลา ในอิริยาบถทั้ง ๔ นั่ง นอน ยืน เดิน ไม่ส่งใจไปที่ไหน ที่เข้าถึงกายทิพย์ ก็ตั้งใจมั่นว่าภายในพรรษานี้ จะส่งใจไปที่ศูนย์กลางกายของกายทิพย์ ไม่ส่งใจไปที่ไหน ในอิริยาบถทั้ง ๔ ตลอดพรรษานี้    

 


                ที่เข้าถึงกายรูปพรหม เห็นกายรูปพรหมชัดใสแจ่มบริสุทธิ์อยู่ในกลางกาย ก็ตั้งใจมั่นว่า ตลอดพรรษานี้จะไม่ส่งใจไปที่ไหน จะเอาใจหยุดนิ่งอยู่ที่กลางกายของกายรูปพรหม ในอิริยาบถทั้ง ๔ ที่เข้าถึงกายอรูปพรหม ก็ตั้งใจมั่นว่าจะเอาใจหยุดไปที่ศูนย์กลางกายฐานที่ ๗ ของกายอรูปพรหม ตลอดระยะเวลา ๑ พรรษานี้ ในอิริยาบถทั้ง ๔ ที่เข้าถึงกายธรรมเห็นกายธรรมใสบริสุทธิ์ ก็จะเอาใจหยุดไปที่ศูนย์กลางกายฐานที่ ๗ ของกายธรรม ตั้งใจอธิษฐานอย่างแน่วแน่ ว่าตลอดระยะเวลา ๑ พรรษานี้ ไม่ส่งใจไปที่ไหน ในอิริยาบถทั้ง ๔ ทำได้อย่างนี้ เรียกว่าอยู่จำพรรษา ตลอดพรรษานี้ 

 


                หนทางที่จะไปสู่พระนิพพานก็ใกล้เข้ามาแล้ว ขอให้ใช้ฤดูกาลอันเหมาะสมในพรรษานี้ ตั้งใจประพฤติปฏิบัติธรรมกันให้เต็มที่ แม้ว่าเราจะเป็นผู้ครองเรือน มีภารกิจมากมายก็ตาม หมั่นฝึกเอาไว้ทีเดียวว่าเราจะอยู่ในสถานที่ใดก็ตาม ในอิริยาบถใดก็ตาม เราจะฝึกฝนอบรมใจของเราให้หยุดนิ่งอยู่ที่ศูนย์กลางกายฐานที่ ๗ จะตรึกอย่างนี้ ตั้งใจมั่นให้ดีทีเดียวว่าจะตรึกอย่างนี้ในอิริยาบถทั้ง ๔ ถ้าไม่เผลอสติจะหยุดอยู่ที่ตรงนี้ตั้งใจมั่นอย่างนี้ พรรษานี้ก็จะเป็นพรรษาแห่งความสมปรารถนา ของพวกเราทั้งหลาย เพราะฉะนั้นให้ทุก ๆ ท่านให้ตั้งใจกันอย่างนี้ทุกคนเลยนะจ๊ะ 

 


              จะต้องฝึกใจของเราให้หยุดให้นิ่งอยู่ภายใน ให้รู้จักว่าศูนย์กลางฐานที่ ๗ นั้นอยู่ที่ตรงไหน ซึ่งจะเป็นหนทางที่จะไปสู่อายตนนิพพาน ถือเป็นหนทางที่จะเข้าถึงพระรัตนตรัยภายใน นั้นน่ะอยู่ที่ตรงไหน ให้สมมติหยิบเส้นเชือกขึ้นมา ๒ เส้นนำมาขึงให้ตึง เส้นเชือกเส้นหนึ่งสมมติว่าขึงจากสะดือทะลุไปด้านหลัง อีกเส้นหนึ่งสมมติว่าขึงจากด้านขวาทะลุไปด้านซ้าย ให้เส้นเชือกทั้ง ๒ ตัดกันเป็นกากบาท ให้เส้นเชือกทั้ง ๒ ตัดกันเป็นกากบาท จุดตัดของเส้นเชือกทั้ง ๒ จะเล็กเท่ากับปลายเข็ม ยกถอยหลังสูงขึ้นมา ๒ นิ้วมือเรียกว่าศูนย์กลางกายฐานที่ ๗ 

 


                ยกถอยหลังจากจุดตัดของเส้นเชือกทั้ง ๒ ขึ้นมา ๒ นิ้วมือ เรียกว่าศูนย์กลางกายฐานที่ ๗ ถ้าหลวงพ่อพูดถึงฐานที่ ๗ ท่านที่มาใหม่ให้ทรงจำเอาไว้นะจ๊ะ ว่าอยู่ที่ตรงนี้ หมายเอาตรงนี้ อยู่เหนือจากจุดตัดของเส้นเชือกทั้ง ๒ ขึ้นมา ๒ นิ้วมือ ให้เอาใจของเรามาหยุดนิ่งอยู่ที่ตรงนี้ ให้เอาใจของเรามาหยุดมานิ่งอยู่ที่ตรงนี้ มานึกมาคิดอยู่ที่ตรงนี้ หยุดนิ่งตรงนี้ โดยกำหนดบริกรรมนิมิตขึ้นมาในใจ โดยกำหนดบริกรรมนิมิตขึ้นมาในใจ เป็นดวงแก้วที่ใสสะอาดบริสุทธิ์ ประดุจเพชรลูกที่เจียระไนแล้ว ไม่มีขนแมว โตเท่ากับแก้วตาของเรา กำหนดบริกรรมนิมิตขึ้นมาคือ สร้างมโนภาพขึ้นมาในใจว่า มีดวงแก้วที่ใสสะอาดบริสุทธิ์ ประดุจเพชรลูกที่เจียระไนแล้ว ไม่มีขนแมว โตเท่ากับแก้วตาของเรา 

 


                ให้ตรึกนึกถึงความใสบริสุทธิ์ของบริกรรมนิมิต เอาใจหยุดไปที่จุดกึ่งกลางของความใสบริสุทธิ์ ตรึกนึกถึงดวงใสบริสุทธิ์อย่างสบาย ๆ เอาใจหยุดไปที่จุดกึ่งกลางความใสบริสุทธิ์ อย่างสบาย ๆ ตรึกนึกถึงดวงใสบริสุทธิ์ หยุดอยู่ที่จุดกึ่งกลางของความใสบริสุทธิ์ อย่างสบาย ๆ พร้อมกับภาวนาในใจ โดยให้เสียงของคำภาวนาดังออกมาจากจุดกึ่งกลางของความใสบริสุทธิ์ ให้เสียงของคำภาวนาดังออกมาจากจุดกึ่งกลางของความใสบริสุทธิ์ สัมมาอะระหัง ๆ ๆ ๆ ๆ สัมมาอะระหังไปเรื่อย ๆ โดยให้เสียงของคำภาวนาดังออกมาจากจุดกึ่งกลางของความใสบริสุทธิ์ ที่อยู่ที่ศูนย์กลางกายฐานที่ ๗ โดยให้เสียงของคำภาวนา ดังออกมาจากจุดกึ่งกลางของความใสบริสุทธิ์ เมื่อเราภาวนา สัมมาอะระหัง ใจเราจะต้องนึกถึงภาพความใสบริสุทธิ์ควบคู่กันไปด้วย 

 


                เมื่อเราภาวนาคำว่าสัมมาอะระหัง เราจะต้องนึกถึงภาพความใสบริสุทธิ์ของดวงแก้วไปด้วย ที่หลวงพ่อใช้คำว่า ตรึกนึกถึงดวงใส เอาใจหยุดไปที่จุดกึ่งกลางของความใสบริสุทธิ์ อย่างสบาย ๆ เมื่อเราภาวนาสัมมาอะระหัง ต้องนึกอย่างนี้นะจ๊ะ นึกถึงความใสบริสุทธิ์เนี่ยะ ควบคู่กันไป ท่านที่มาใหม่จะต้องพยายามทำความเข้าใจในเบื้องต้นนี้ให้ได้นะจ๊ะ ได้ผลในเบื้องต้น ถ้าหากว่าเราทำความเข้าใจได้ถูกต้อง ว่าหลวงพ่อแนะนำให้ทำอย่างไร จะทำให้เราเข้าถึงดวงธรรมภายในได้ง่าย เราจะไม่เสียเวลาเป็นเดือน เป็นปี หรือว่าหลาย ๆ ปี ถ้าหากเราไม่ฟังผ่านไป 

 


                เพราะว่ามีอยู่หลายท่านนะที่เสียเวลามาหลาย ๆ ปี ได้มาสารภาพให้หลวงพ่อฟังว่านึกว่าสิ่งที่หลวงพ่อพูดไปนั้นเป็นสิ่งที่ง่าย ๆ ไม่มีอะไร ก็เลยดูเบาไป แต่จริง ๆ แล้วต่อมาในภายหลังอีกหลายปี ที่ฝึกได้ผล คือวางใจให้หยุดนิ่งภายใน เค้าก็ค้นพบว่า ถ้าหากเค้าได้ทำความเข้าใจในเบื้องต้น ที่หลวงพ่อให้นึกถึงดวงใส ๆ อย่างสบาย ๆ น่ะ และให้นึกง่าย ๆ คล้าย ๆ กับนึกถึงน้ำที่กลิ้งอยู่บนใบบัว หรือหยาดน้ำค้างที่อยู่ที่ปลายยอดหญ้าแต่ถ้าทำอย่างนี้มาตั้งนานแล้วนะ เค้าก็จะต้อง เค้าก็จะคงจะไม่เสียเวลามาหลายปี เนี่ยะ เค้าค้นพบอย่างนี้ พอตอนที่เค้าสมหวังนั่นน่ะ เค้าได้ทำใจอย่างสบาย ๆ นึกง่าย ๆ และก็วางใจเป็นกลาง ๆ ไม่ยินดีไม่ยินร้ายนะ วางใจเป็นกลาง ๆ นึกถึงดวงใส ๆ อย่างเดียว โดยไม่ได้คิดว่า ดวงใสนั้นน่ะมันจะสำคัญ มันจะวิเศษอย่างไร 

 


                นึกถึงดวงใส ๆ มันก็เหมือนกับนึกถึงลูกแก้วธรรมดาน่ะ ที่เคยเห็นมาแล้วนะหรือนึกถึงภาพเพชรธรรมดา ๆ อย่างนั้นนะ คือนึกอย่างธรรมดาโดยไม่คิดว่ามันจะวิเศษอย่างไร คือนึกไปเรื่อย ๆ เมื่อเค้ารักษาใจที่เป็นกลาง ๆ นึกถึงดวงใสอย่างสบาย ๆ และก็นึกอย่างธรรมดา ๆ ผลที่ตามมาคือใจมันก็หยุดนิ่ง ใจหยุดนิ่งก็เกิดอาการปลอดโปร่งอยู่ภายในตัว อย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน แล้วก็มีความรู้สึกพอใจกับอารมณ์อย่างนี้ อยากจะรักษาอารมณ์นี้ให้ต่อเนื่องกันไป พอใจเริ่มชอบอารมณ์นี้เข้า ก็มีความรู้สึกว่า เราไม่ได้ฝันในการนั่งสมาธิ แต่รักษาอารมณ์ที่สบาย ที่ตรึกนึกถึงดวงใสอย่างสบายภาวนาสัมมาอะระหัง อย่างสบาย ๆ ไปเรื่อย ๆ คือมีหน้าที่ประกอบเหตุอย่างเดียว โดยไม่ได้คิดถึงว่าผลที่ได้ต่อมาในภายหลังมันจะเป็นอย่างไร 

 


                คิดแค่ประกอบเหตุอย่างเดียว คือทำแค่สัมมาอะระหัง กับนึกถึงดวงใส ๆ ที่ศูนย์กลางกายฐานที่ ๗ อย่างสบาย ๆ อย่างธรรมดา ๆ แล้วก็ภาวนาอย่างนั้นไปเรื่อย ๆ โดยไม่มีความทะยานอยากเกิดขึ้น อยากให้ได้เร็ว ๆ เห็นเร็ว ๆ เป็นเร็ว ๆ ใจสงบเร็วๆ น่ะไม่มีเกิดขึ้นในใจ แต่มีหน้าที่ภาวนา สัมมาอะระหังกับตรึกนึกถึงดวงใสอย่างเดียวเท่านั้น และก็ทำไป ทำไปทุกวัน ทำไปทุกอิริยาบถ ทั้งนั่ง ทั้งนอน ทั้งยืน ทั้งเดิน ตรึกไปเรื่อย ภาวนาไปเรื่อยนึกไปเรื่อย ๆ อย่างสบาย ๆ โดยไม่กังวลว่าผลมันจะเกิดขึ้นวันไหน คืนไหน เดือนไหนแล้วไม่นำตัวของตัวเองไปแข่งกับคนอื่น ไม่น้อยใจ ไม่เสียใจว่าทำไมเราทำถึงยังไม่ได้ดีเหมือนคนอื่น 

 

 

                ประกอบความเพียรเรื่อยไป มีหน้าที่ทำแค่สัมมาอะระหังกับตรึกนึกถึงดวงใส ใจหยุดอยู่ในกลางดวงใส จนกระทั่งผลแห่งการประกอบเหตุที่ถูกต้องอย่างนี้   วันหนึ่งใจก็หยุดเอง หยุดสนิทนิ่งอยู่ภายใน เกิดความรู้สึกปลอดโปร่ง โล่ง เบาสบาย เราวางอารมณ์นั้นไปเรื่อย ๆ พอถูกส่วนเข้า คือถึงที่หมายแห่งความละเอียดของใจ ดวงปฐมมรรคก็เกิดขึ้นมาเอง เป็นดวงที่สว่างสุกใส แตกต่างจากดวงที่สมมติเข้าไปนะ ดวงที่สมมติเข้าไปนั้นเป็นดวงที่เราเห็นอยู่ในโลกนี้เห็นลูกแก้วกลม ๆ ดวงกลม ๆ เป็นอย่างไร 

 


                แต่ดวงปฐมมรรคที่เกิดขึ้นมาในภายหลัง มันไม่มีตัวอย่างในโลก มันเป็นผลจากใจที่หยุดนิ่งแล้ว สะอาดแล้ว บริสุทธิ์แล้ว ผุดเกิดขึ้นมาในภายหลัง และเป็นสิ่งที่ไม่เหมือนกับสิ่งใด ๆ ในโลก จะคล้ายกันแค่ว่ามันกลม ๆ คล้ายลูกแก้วเท่านั้นเอง ส่วนความใสก็ไม่เหมือน แถมยังมีความสว่างที่ตามมาด้วย พร้อมกับความสุขที่เจือปนมาอยู่ในนั้น ทั้งความใส ความสว่าง ความสุข ติดมาพร้อม ๆ กันเลย ไม่เหมือนกับตัวอย่างที่เคยเห็นในโลกนี้ เพราะฉะนั้นท่านที่ได้มาเล่าให้ฟังในภายหลัง ที่ค้นพบว่า การศึกษาทำความเข้าใจในเบื้องต้นให้ถูกต้องแล้ว จะย่นย่อหนทางในการเข้าถึงพระธรรมกายภายใน ได้อย่างดีที่สุด 

 


                แต่ถ้าหากว่าฟังผ่าน ดูเบาไป มันก็จะทำให้เสียเวลา เพราะฉะนั้นท่านที่มาใหม่ เป็นโอกาสดีของท่านที่เราจะปฏิบัติในวันนี้ เข้าถึงในวันนี้ โดยไม่ต้องเสียเวลาไปอีกหลาย ๆ วัน หลาย ๆ เดือน หรือหลาย ๆ ปี คือทำความเข้าใจให้ถูกต้องว่าหลวงพ่อให้นึกถึงแค่ ๒-๓ อย่างเท่านั้น คือนึกถึงดวงใส ๆ อย่างสบาย ๆ ความใสก็เหมือนกับเพชรลูกที่ใส เราเคยเห็นเพชรกันแล้ว หรืออย่างน้อยก็ใสเหมือนน้ำแข็ง น้ำแข็งใส ๆ กระจกที่ใส ๆ น้ำที่ใส ๆ แต่ว่าให้มันกลมรอบตัว เราก็นึกถึงภาพนั้นอย่างสบาย ๆ ภาพที่เรานึกใหม่ ๆ นี้ มันอาจจะไม่ชัดเจนเหมือนของจริงก็ช่างมัน  

 


                เราก็นึกเท่าที่เราจะนึกได้ ด้วยใจที่สบาย ๆ คือไม่ไปรำคาญหรือหงุดหงิดในกรณีที่นึกทีเดียวมันไม่ชัดเจนทันที เราไม่หงุดหงิดไม่รำคาญใจ นึกอย่างสบาย ๆ ให้ต่อเนื่อง นึกให้ต่อเนื่องกันไป อย่างสบาย ๆ และก็ภาวนาสัมมาอะระหังไปเรื่อย ๆ ตรึกนึกถึงดวงใสบริสุทธิ์ หยุดอยู่ที่จุดกึ่งกลางของความใสบริสุทธิ์ อย่างสบาย ๆ พร้อมกับภาวนาในใจ โดยให้เสียงของคำภาวนา ดังออกมาจากจุดกึ่งกลางของความใสบริสุทธิ์ ให้เสียงของคำภาวนาดังออกมาจากจุดกึ่งกลางของความใสบริสุทธิ์ สัมมาอะระหัง ๆ ๆ ๆ ตอนนี้เราก็เอาใจหยุดไปที่ศูนย์กลางกายฐานที่ ๗ ที่ศูนย์กลางกายฐานที่ ๗ นะจ๊ะ 

 


                เอาใจของเราหยุดในหยุด ๆ นิ่งในนิ่งลงไปที่ศูนย์กลางกายฐานที่ ๗ ตรึกนึกถึงดวงใส เอาใจหยุดไปที่ จุดกึ่งกลางของความใสบริสุทธิ์ ให้ใจเราหยุดในหยุด ๆ วางใจเบา ๆ นึกเบา ๆ อย่างสบาย ๆ นึกเบา ๆ อย่างสบาย ๆ อย่าไปตั้งใจนึกมากเกินไปนะจ๊ะ ให้ใจเราหยุดนิ่ง ไม่นึก ไม่คิดเรื่องอื่นเลย เรื่องอื่นนั้นไร้สาระทั้งนั้น ไม่เป็นประโยชน์ เอาใจเราหยุดนิ่งที่ศูนย์กลางกายฐานที่ ๗ หยุดในหยุด ๆ นิ่งลงไป ศูนย์กลางกายฐานที่ ๗ นี้ เป็นทางไปสู่อายตนนิพพาน เป็นทางเอกสายเดียวเข้าที่กลางแกนกายเนี้ยะ เป็นแกนกลางตรงกลาง ตรงนี้เรื่อยไปเลย พระพุทธเจ้าพระอรหันต์ทั้งหลาย ท่านเสด็จเข้าสู่อายตนนิพพาน อาศัยเส้นทางสายกลางสายนี้ สายเดียวเท่านั้น 

 


                เป็นทางเอก เป็นทางหนึ่งไม่มีสอง ตรงกลางนี้ ถ้าออกนอกกลางนี้ไปนิพพานไม่ถูก พอเข้ากลางกายนี้ เดี๋ยวก็จะเห็นดวงธรรมต่าง ๆ ผุดเกิดขึ้นมาในกลางนั้น เราจะรู้จักว่า ศีลเป็นยังไง สมาธิ ปัญญา วิมุตติ วิมุตติญาณทัสสนะ ธรรม ๕ ประการนี้เป็นยังไง ศีล สมาธิ ปัญญา วิมุตติ วิมุตติญาณทัสสนะ อยู่ในกลางนี้ทั้งนั้น จะผุดเกิดขึ้นมา และเราก็จะเข้าถึงกายมนุษย์ละเอียด พอเข้าถึงก็เห็นกายมนุษย์ละเอียด ลักษณะหน้าตาเหมือนกับตัวเรา ท่านหญิงเหมือนท่านหญิง ท่านชายก็เหมือนกับท่านชาย นั่งขัดสมาธิหันหน้าออกไปทางเดียวกับตัวของเราน่ะ กายนี้มีอยู่แล้วอยู่ภายใน บางครั้งเราเรียกว่ากายฝัน 

 


                เพราะว่าเวลาเรานอนหลับ กายนี้ออกไปทำหน้าที่ฝัน ออกไปพบปะเจอะเจอเห็นสรรพสิ่ง สรรพสัตว์อะไรต่าง ๆ เหล่านั้นน่ะ แล้วก็มารายงานให้กายมนุษย์หยาบทราบ พอเอาใจหยุดเข้าไปกลางกายมนุษย์ละเอียด การที่ใจเราหยุดไปในกลางกายมนุษย์ละเอียดจะหยุดได้นั้นใจต้องปลด ต้องปล่อย ต้องวาง กายต่าง ๆ น่ะ สมมติว่าเราเข้าถึงกายมนุษย์ละเอียด แสดงว่าเราต้องปลด ต้องปล่อย ต้องวางต้องหลุดพ้นจากกายมนุษย์หยาบแล้วจึงจะเข้าถึงกายมนุษย์ละเอียดได้ ถ้าหากว่าเราไม่หลุด ไม่หลุดพ้นจากกายมนุษย์หยาบ เราจะเข้าถึงกายมนุษย์ละเอียดไม่ได้ กายที่ใจหลุดพ้นจากกายมนุษย์หยาบก็แสดงว่าใจนั้น ไม่ติดอยู่ในกายมนุษย์หยาบ เพราะกายมนุษย์หยาบไม่มีอะไรที่เป็นสาระเป็นแก่นสาร สมควรที่จะให้กายให้ใจเนี้ยะเข้าไปติดได้ จึงปล่อยหลุดพ้นจากกายมนุษย์หยาบ เข้าถึงกายมนุษย์ละเอียด

 


                การที่ใจปล่อยหลุดพ้นจากกายมนุษย์หยาบได้ ใจดวงนี้ต้องเต็มเปี่ยมไปด้วยสติ ด้วยปัญญา เป็นมหาสติเป็นมหาปัญญา มองเห็นแล้วว่ากายหยาบเนี้ยะอาศัยอยู่ชั่วคราวเท่านั้น เป็นสามี เป็นภรรยา เป็นลูกเป็นเต้า เป็นพ่อเป็นแม่ เป็นอะไรก็แล้วแต่ ชั่วคราว ของชั่วคราวกันเท่านั้น จะไปยึดอะไรให้เป็นแก่นเป็นสาร มั่นคงไม่ได้เพราะฉะนั้นก็ปล่อยวาง พอปล่อยก็หลุดพ้น พอหลุดพ้นก็เห็นว่าหลุดพ้นเลย มันเห็นน่ะ เหมือนหลุดจากอะไรเราก็เห็น เราอยู่ในกรง เราหลุดจากกรุงเราก็หันมาเห็นกรง เราหลุดพ้นจากกรงแล้ว ออกสู่โลกกว้าง หลุดพ้นจากในห้องนี้ เราออกสู่โลกภายนอก หลุดพ้นจากกายมนุษย์หยาบ ก็ออกสู่ภายนอกกายมนุษย์หยาบ เข้าถึงกายมนุษย์ละเอียด 

 


                ใจดวงนี้ต้องเต็มเปี่ยมด้วยสติ ด้วยปัญญา มีความรอบรู้ รู้ได้รอบด้านทีเดียว ถึงกายมนุษย์ละเอียด ก็ เอาใจหยุดไปที่กลางกายมนุษย์ละเอียด ให้ทำอย่างนี้นะ ที่เข้าถึงกายมนุษย์ละเอียด แล้วมองเข้าไปในกลางกายมนุษย์ละเอียด มองต่อไปเลย พิจารณาว่ากายมนุษย์ละเอียด อาศัยเพียงชั่วคราว ยังไม่ใช่สรณะอันประเสริฐ ไม่ใช่ที่พึ่งที่ระลึก เมื่อของที่ไม่ใช่ที่พึ่งที่ระลึก ขึ้นเราไปยึดเป็นที่พึ่งมันก็เหลว เวลาเรามีภัย ช่วยอะไรเราไม่ได้ เพราะฉะนั้นใจก็จะหลุดพ้นจากกายมนุษย์ละเอียด ก็จะเห็นดวงธรรมต่าง ๆ นะ ศีล สมาธิ ปัญญา วิมุตติ วิมุตติญาณทัสสนะ เข้าถึงกายทิพย์ที่อยู่ภายใน เป็นกายละเอียดซ้อนอยู่ภายใน รู้จักกายทิพย์แล้ว สวยงามอย่างนี้ เป็นกายของชาวสวรรค์ ละจากโลกมนุษย์ไปสู่โลกสวรรค์ต้องได้กายนี้ ต้องไปอยู่ได้ด้วยกายนี้ จะเอากายมนุษย์หยาบหรือกายมนุษย์ละเอียดไปอยู่ไม่ได้ เพราะว่าโลกสวรรค์นั้นละเอียดกว่า มันละเอียดกว่ากายมนุษย์ละเอียด หรือกายมนุษย์หยาบ 

 


                กายทิพย์นั้นเป็นกายที่ละเอียดเท่ากับโลกสวรรค์ สุคติโลกสวรรค์ ซ้อนอยู่ภายใน สวยงามมากใครอยากจะรู้จัก รู้จักว่าเทพบุตรเทพธิดา เป็นยังไงน่ะ เข้าถึงกายทิพย์ เป็นอย่างนี้แหละ เหมือนอย่างเนี้ยะ จะแตกต่างก็ตรงรัศมีน่ะ นิดหน่อยเท่านั้นเอง เพราะถ้าหากเข้าถึงกายทิพย์ ก็เอาใจหยุดที่กลางกายทิพย์ เข้าถึงกายรูปพรหม ก็เอาใจหยุดไปที่กลางกายรูปพรหม พอเราหลุดพ้นจากกายทิพย์ ก็จะเข้าถึงกายรูปพรหม สวยงามหนักยิ่งขึ้นไปเลย นี่เป็นข้อสังเกตอันหนึ่งว่า กายที่ละเอียดขึ้นไป เกิดขึ้นจากใจที่ละเอียด ใจยิ่งบริสุทธิ์มากก็ยิ่งละเอียดมาก ใจยิ่งละเอียดมาก กายก็ยิ่งละเอียดและสวยงามมากขึ้น สวยงามมากขึ้นไปเลย มากขึ้นไป คุณธรรมภายในก็เพิ่มเติมสูงขึ้น สติปัญญา การเห็นต่าง ๆ ก็กว้างขวางเพิ่มขึ้นไปอีก นี่เป็นข้อสังเกตที่เข้าถึง 

 


                ท่านที่เข้าถึงกายรูปพรหม ก็เอาใจหยุดที่กลางกายรูปพรหม พอหลุดจากกายรูปพรหม ก็จะถึงกายอรูปพรหม นี่ละเอียดไปอีกชั้นหนึ่ง ใครที่เข้าถึงก็เอาใจหยุดไปตรงนั้น ที่กลางกายอรูปพรหม สวยงามหนักยิ่งขึ้น อรูปพรหมไม่ใช่แปลว่าพรหมไม่มีรูป อรูปพรหมนะคือไม่ใช่รูปพรหม ไม่รู้จะเรียกอะไรน่ะ มันละเอียดกว่า ถึงเรียกว่าอรูปพรหมนะ มันไม่ใช่รูปพรหม เหมือนมนุษย์กับอมนุษย์ อมนุษย์ ไม่ใช่แปลว่าไม่มีมนุษย์ อรูปพรหมก็ไม่ใช่ว่า แปลว่าไม่ใช่รูปพรหม เพราะฉะนั้นเนี้ยะ พอเข้าถึงก็สังเกตดู อรูปพรหมเป็นยังไง สวยงามแค่ไหน เข้าถึงแล้วก็เอาใจหยุดไปที่ศูนย์กลางกายของกายอรูปพรหม 

 


                พอหลุดจากกายอรูปพรหมก็เข้าถึงกายธรรม กายนี้แหละเป็นสรณะ ที่กล่าวเอาไว้ตั้งแต่เบื้องต้น ซึ่งเรียกว่า พุทธรัตนะ ถามท่าน ๆ ก็บอกว่าท่านชื่อธรรมกาย ธรรมกาย ก้อนกายเป็นธรรมล้วน ๆ บริสุทธิ์ ล้วนหมด งามไม่มีที่ติ เกตุดอกบัวตูมใสเป็นแก้ว นั่งขัดสมาธิหันหน้าออกไปทางเดียวกับเรา เช่นเดียวกับกายต่าง ๆ เห็นใสบริสุทธิ์ทีเดียว เพราะฉะนั้น เข้าถึงกายไหนได้เราก็เอาใจหยุดในหยุด ๆ นิ่งในนิ่ง หยุดนิ่ง เฉย ให้ถูกส่วนทีเดียวนะ ลักษณะที่เห็นอยู่ที่กลางนั้น ไม่ใช่ชะโงกมองหรือเปิดฝาโหลมองอย่างงั้นนะ มันเห็นได้รอบตัว เห็นชัดทีเดียว เห็นรอบตัวเป็นอย่างไร เอาไว้เข้าถึงถึงจะรู้จัก ถ้ายังไม่เข้าถึงก็ไม่ทราบว่าจะบอกอย่างไร เพราะมนุษย์มันเห็นได้ทีละด้าน เห็นได้เฉพาะด้านหน้า หันหน้าไปทางไหนถึงจะเห็นตรงนั้นนะ 

 


                แต่ตรงนี้ไม่ใช่เป็นการเห็นที่แตกต่าง จากการเห็นของมนุษย์ธรรมดา นี่เป็นของอัศจรรย์ทีเดียวมนุษย์ทั้งหลายที่ขัดแย้งกันเนี่ยะ ก็เพราะว่ามันมองเห็นกันคนละด้าน มันเห็นไม่เหมือนกัน มันมองกันคนละมุม มุมนั้นมองอย่าง มุมนี้มองอย่าง เพราะมันเห็นได้เฉพาะด้านหน้า ความขัดแย้งจึงเกิดขึ้น ความขัดแย้งเกิดขึ้นที่ บางครั้งใช้คำว่ามันเป็นความแตกต่าง แต่จริง ๆ ความแตกต่างคือความแตกแยกในเบื้องต้นนั่นเอง เพราะเห็นไม่ตรงกัน เห็นไม่เหมือนกัน มองคนละมุม เนื่องจากมองเห็นได้ด้านเดียว แต่แปลก มีอยู่ที่หนึ่งในโลกที่ ๆ มนุษย์ทั้งหลายในโลก เมื่อเข้าถึงตรงนี้ ตำแหน่งนี้จุดนี้แล้ว จะเห็นตรงกัน จะเห็นเหมือนกัน จะเห็นได้รอบด้าน แล้วความขัดแย้งไม่มี มองได้ทีเดียวได้รอบตัวทีเดียว คือที่ศูนย์กลางกายฐานที่ ๗ ตรงนี้แหละ 

 


                ถ้าไปอยู่ตรงนั้นแล้วเห็นได้รอบตัว นี่เป็นสิ่งที่อัศจรรย์ มนุษย์ในโลกนี้จะพบสันติสุขที่แท้จริงได้ ไม่ขัดแย้งกัน จะต้องเข้าถึงตรงนี้ คือถ้านำมนุษย์ทุก ๆ คนในโลกมาถึงตรงนี้ได้ ความขัดแย้งจะไม่มีเลยในโลก สันติสุขที่แท้จริงจะเกิดขึ้น สันติภาพที่แท้จริงจึงจะเกิดขึ้นได้ที่ตรงนี้  เป็นตรงที่มนุษย์ไม่มีมานะทิฐิ เป็นตรงที่มนุษย์ ใส สะอาด บริสุทธิ์เห็นมนุษย์ทุกคนมีสภาพที่เหมือน ๆ กัน คือ เป็นเพื่อนทุกข์ เกิดแก่เจ็บตายเหมือนกันหมด เป็นพี่เป็นน้องกัน จะเห็นตรงนี้นะ ตรงนี้นะจ๊ะ   

 


                ตรงศูนย์กลางกายฐานที่ ๗ โดยเฉพาะตรงศูนย์กลางกายของพระธรรมกายตรงนั้น ด้วยธรรมจักขุของธรรมกาย จะทำให้มองเห็นได้เหมือนกันไปเลย ความขัดแย้งไม่มีเลย ออกมาพูดเหมือนกันเลยอยู่ตรงนี้ เป็นจุดที่เห็นได้รอบตัว ศูนย์กลางกายฐานที่ ๗ ของสภาวธรรมที่เราเข้าถึง เข้าถึงดวงธรรมก็เอาใจหยุดอยู่กลางดวงธรรม เข้าถึงกายภายในก็เอาใจหยุดอยู่ในกลางกายภายใน หยุดนิ่ง ให้หยุดในหยุด ใสในใส ๆ เนี่ยะให้ใสที่สุดเท่าที่จะใสได้ สว่างที่สุดเท่าที่จะสว่างได้ ชัดที่สุดเท่าที่จะชัดได้ สว่างโล่ง

 


                คราวนี้เราก็น้อมเลย น้อมไปที่ศูนย์กลางกาย ใครที่เข้ากลางได้ ปล่อยตรงกลางได้ก็ปล่อยลงไปตรงกลาง ใครที่เข้ายังไม่ได้ ก็หยุดนิ่งเฉยนะจ๊ะ แล้วก็กราบทูลพระพุทธเจ้าว่า เครื่องไทยธรรมทั้งหลายเหล่านี้ เป็นของพวกเราที่ได้มาประชุมกัน ณ ที่นี้ บางท่านก็ร่วมบุญมา แต่ว่าตัวเองไม่ได้มา ขออานุภาพแห่งทานบารมีที่ถวายเป็นพุทธบูชานี้ ให้มีบุญบารมี รัศมี กำลังฤทธิ์ อำนาจ สิทธิ ให้ทุกคนอยู่เย็นเป็นสุข ทำมาค้าขึ้น คิดอะไรสมความปรารถนา ท่านที่เป็นนักธุรกิจก็ให้ซื้อง่ายขายคล่องให้กำไรงาม ประสบความสำเร็จในธุรกิจการงาน ที่เป็นนักศึกษา ก็ให้มีสติปัญญาเฉลียวฉลาด แทงตลอดในความรู้ของครูบาอาจารย์ ที่รับราชการก็ขอให้ผู้หลักผู้ใหญ่ท่านสนับสนุน เพื่อนร่วมงานสนับสนุนไปให้สูงที่สุดเท่าที่จะสูงได้ 

 


                ให้ครอบครัวอยู่เย็นเป็นสุข ร่างกายทุกคนแข็งแรง อย่าเจ็บ อย่าป่วย อย่าไข้ ให้มีความสุข สดชื่น เบิกบาน ให้บรรลุมรรคผลนิพพาน ปัจจุบันก็ให้เข้าถึงธรรมกาย ให้เข้าถึงวิชชาธรรมกายให้เข้าถึงความสุขที่แท้จริง จะเดินทางไกลก็ให้ปลอดภัยจากภัยพิบัติทั้งหลายให้อยู่เย็นเป็นสุข ประสบความสำเร็จในชีวิตทุก ๆ ด้าน และสิ่งที่พึงปรารถนาอันใดที่เป็นไปเพื่อหนทางการสร้างบารมี ให้ความปรารถนานั้นสำเร็จเป็นอัศจรรย์ทีเดียว และขอบุญ ขอบารมีพระพุทธเจ้าทุก ๆ พระองค์ ให้ทั่วถึงติดที่ศูนย์กลางกายหมดทุกคนเลย ทับทวีทั่วถึง และก็ทับทวีอาหารทิพย์ไปไว้ตามวิมานต่าง ๆ ของพวกเราน่ะ 

 


                เมื่อละโลกไปแล้วยังไปนิพพานไม่ได้ ไปสู่สุคติโลกสวรรค์ มีกายเป็นทิพย์ มีสมบัติเป็นทิพย์ วิมานที่เป็นทิพย์นั้น จะได้มีอาหารทิพย์ที่หล่อเลี้ยงขันธ์ ๕ ของกายทิพย์ต่อไป ทับทวีไปให้ทั่วถึง และทับทวีบุญคุณยายคุมบุญให้ถึงญาติที่ละโลกไปแล้วนะ กัลยาณมิตรของเราบางท่านที่ละโลกไปแล้ว ก็เอาบุญไปให้ หมู่ญาติของพวกเราทุก ๆ คน ให้อยู่เย็นเป็นสุข ทับทวีไป แจกจ่ายอาหารทิพย์ทั่วถึงกันไปให้หมด มาถึงพื้นมนุษย์เลย ภุมเทวา รุกขเทวา อากาศเทวา และก็แจกจ่ายทั่วถึงหมดกายสัมภเวสีต่าง ๆ ทับทวีให้ทั่วถึงคราวนี้พวกเราซึ่งเป็นเจ้าของบุญ 

 


                เราก็ต้องเอาใจหยุดไปที่ศูนย์กลางกายฐานที่ ๗ นึกถึงผลบุญน่ะ นึกไว้ตรงกลางนะจ๊ะ ให้ใจใสบริสุทธิ์เลื่อมใสในพระรัตนตรัยน่ะ ในธรรมกายของพระพุทธเจ้า แล้วก็อธิษฐานจิต อยู่ที่ศูนย์กลางกายฐานที่ ๗ อธิษฐานให้ดีทีเดียว กราบทูลพระพุทธเจ้า อาราธนาท่านให้คุมบุญ ความสำเร็จจะเกิดขึ้นขอให้ตั้งใจมั่นทีเดียว เลื่อมใสในพระรัตนตรัยให้เต็มที่ และความสำเร็จจะเกิดขึ้นเป็นอัศจรรย์ อธิษฐานจิตกันให้ดี ๆ นะจ๊ะ อธิษฐานที่ศูนย์กลางกายฐานที่ ๗ ที่กลางหยุดกลางนิ่ง และก็แผ่เมตตาไปให้สรรพสัตว์ทั้งหลาย ให้มีความสุข ด้วยผลบุญที่เราอุทิศไปแล้วเนี่ยะ ให้สรรพสัตว์ทั้งหลายมีความสุขโดยเฉพาะวันนี้เป็นวันสมาธิโลก เป็นวันที่ชาวโลกกำหนดกันว่าเราจะนั่งสมาธิตรงกัน 

 


                เป็นวันสมาธิ เราจะเชื่อมโยงความเป็นพี่น้องกัน ด้วยกระแสใจอันบริสุทธิ์ ที่เกิดจากสมาธิ เราได้ปรับเวลาที่ตรงกัน เวลาของธรรมกายตรงกันทั่วโลก ปรับตรงกันและก็ปฏิบัติธรรมกันทั่วโลก กระแสใจจะได้เชื่อมโยงกันเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน เพราะฉะนั้นให้เอาใจหยุดอยู่ที่กลางกายนะหยุดแล้วก็แผ่เมตตาไปยังสรรพสัตว์ทั้งหลาย ให้มนุษย์ทั้งโลกมีดวงตาเห็นธรรม ให้เข้าถึงพระธรรมกาย ให้เลิกการขัดแย้งกัน เมื่อเค้าเข้าถึงธรรมกายแล้ว จะได้รู้เห็นอะไรไปตามความเป็นจริง เห็นได้รอบตัวเห็นไปเหมือน ๆ กัน การมองกันคนละมุมก็ไม่เกิดขึ้น เพราะว่ามีความรู้เท่าเทียมกันแล้ว ทันกันไปด้วย เท่าเทียมกัน เห็นเหมือนกัน เห็นได้รอบตัว 

 

 

 

 

 

 


 

 ยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคล Total Execution Time: 0.020754981040955 Mins