เมื่อต้องอยู่ร่วมกับคนมิจฉาทิฎฐิ

วันที่ 24 ตค. พ.ศ.2567

24-10-67-b.jpg

เมื่อต้องอยู่ร่วมกับคนมิจฉาทิฎฐิ

โยมถาม : มีวิธีประคับประคองใจตนเองอย่างไรหากต้องอยู่ในแวดล้อมที่มีแต่คนมิจฉาทิฐิ


พระอาจารย์ตอบ : ถือว่าเป็นความตระหนักรู้เบื้องต้นที่ดีมาก เรียกว่า ไม่ประมาท เมื่อเราจำเป็นจะต้องไปอยู่ในสภาพแวดล้อมที่เป็นพิษ เรามีสิทธิ์จะถูกโรคระบาดทางใจจู่โจมได้ มีวิธีการที่ดี คือ รักษาใจตนเองให้ผ่องใสอยู่เป็นนิจ ด้วยการให้ทาน รักษาศีล เจริญสมาธิภาวนา
 

                               อาตมภาพเคยมีประสบการณ์ตรง เมื่อครั้งที่พระเดชพระคุณหลวงพ่อและหมู่คณะมอบหมายให้ไปเรียนที่ประเทศญี่ปุ่นเพื่อศึกษาเรียนรู้ภาษาญี่ปุ่น รวมทั้งเรื่องราวเนื้อหาทางวิชาการทางด้านพระพุทธศาสนา เพื่อมองหาลู่ทางในการเผยแผ่พระพุทธศาสนาในประเทศญี่ปุ่นต่อไป   อาตมภาพเดินทางไปประเทศญี่ปุ่นครั้งแรกในปี 2533 ทั่วทั้งประเทศไม่มีพระสงฆ์ไทยเลยแม้แต่รูปเดียว ยังไม่มีพระ ยังไม่มีวัดเลย อาตมภาพเป็นพระสงฆ์ไทยรูปแรก จะมีก็เพียงข่าวลือว่ามีวัดตั้งอยู่ที่นั่นที่นี่ อาตมภาพก็ดันด้นพาตนเองขึ้นรถไฟไปดูว่าที่ใดมีวัดไทยอยู่บ้าง ผลปรากฏว่าไม่มีเลยแม้แต่ที่เดียว
 

                                ครั้งหนึ่งได้ยินข่าวลือว่า มีวัดไทยเป็นอาคารเรือนไทยตั้งอยู่บนเนินเขา ลงแรงหาคนรู้จักพากันนั่งเหมารถไปถึงที่สุดท้ายไปพบศาลาเรือนไทยที่เขามาสร้างไว้ตอนสมัยมีงานเอ็กซ์โป พอจบงานไม่ได้ขนกลับเมืองไทยยกให้ที่นั่นไปเลย อาคารเรือนไทยตั้งอยู่หลังเดียวโดด ๆ บนเนินเขากลางป่า ไม่มีพระสงฆ์ ไม่มีคนเฝ้า เราเป็นพระสงฆ์ที่เปรียบเสมือนทหารออกนอกฐานทัพ ตอนที่อยู่
ประเทศไทยสะดวก มีพระสงฆ์มากมาย มีวัดเต็มไปหมด คนไทยส่วนใหญ่ก็เป็นชาวพุทธ รู้ว่าต้องปฏิบัติกับพระสงฆ์อย่างไร  แต่พอไปถึงญี่ปุ่น ชาวญี่ปุ่นไม่รู้จักพระสงฆ์ไทยมาก่อน ไม่รู้ว่าต้องปฏิบัติกับพระสงฆ์อย่างไร วัดก็ไม่มี ต้องไปอยู่ที่หอพักนักศึกษานานาชาติของรัฐบาลญี่ปุ่น ที่แห่งนั้นมีนักศึกษาอยู่ราว 300 คน ก็ยังดีที่มีนักศึกษาไทย อยู่บ้างประมาณ 30 คน เขาก็ยังหมุนเวียนกันมาถวายภัตตาหาร

 

                                 เพราะฉะนั้น จึงต้องคุ้มครองตนเองให้ได้ อาตมภาพตั้งกติกากับตนเองขึ้นว่า ต้องเขียนบันทึกประจําวันเพื่อสอนตนเองทุกวัน เพราะตอนนี้ไม่มีคนอื่นมาสอนเราได้แล้ว เขียนว่าทั้งวันเจอกับอะไรมาบ้าง แล้วได้ข้อคิดเตือนตนเองอย่างไรบ้าง จะได้ทำให้วันพรุ่งนี้ดียิ่งขึ้นไปอีก  และต้องสวดมนต์ทำวัตรเย็นทุกวัน โดยใช้เวลาประมาณ 20 นาที จากนั้นนั่งสมาธิต่อไปโดยไม่มีข้อแม้เงื่อนไขว่าวันนี้งานยุ่ง วันนี้เรียนหนัก กลับดึก  ไม่มีเวลา ไม่ว่าอย่างไรก็ตั้งเป้าสวดมนต์ทำวัตรเย็นแล้วนั่งสมาธิต่อไปทุกวันโดยไม่มีข้อแม้เงื่อนไข

 

                                  บางคราวดูหนังสือจนสว่างแบบไม่ได้เจตนาแต่ค้นตำราจนเพลิน พอเหลียวมองหน้าต่างพระอาทิตย์ก็ขึ้นแล้ว  แต่ในเมื่อเราตั้งใจว่าจะสวดมนต์ทำวัตรเย็นและนั่งสมาธิทุกคืน ถึงแม้สว่างแล้วยังไม่ได้จำวัดก็ต้องทำให้ได้ ล้างหน้าเสร็จก็สวดมนต์ทำวัตรเย็น แล้ว  คว้ากระเป๋าไปมหาวิทยาลัยต่อเลย ทำอย่างนี้จึงพอจะประครองตนรักษาตัวได้
 

                                  เมื่อเรียนภาษาญี่ปุ่นเข้าใจแล้ว เรียนจบระดับโทเข้าเอกแล้ว มีความมั่นคงระดับหนึ่งแล้ว จึงได้หันกลับมาประชุมกันว่าเราจะช่วยกันสร้างวัดพระธรรมกายโตเกียวขึ้นมาเป็นแห่งแรก แล้วค่อยขยายเป็นวัดอื่นๆ ต่อไป  ทุกอย่างเริ่มต้นจากการที่เราคุ้มครองตนเองได้ก่อนด้วยการอยู่ในบุญ สอนตนเองให้ไม่ประมาท แล้วตั้งใจสวดมนต์ นั่งสมาธิอย่างสม่ำเสมอเป็นประจําทุกวัน พอใจเราใส ใจเราสว่าง มีกำลังบุญหล่อเลี้ยง เราจะมีกำลังใจในการทําสิ่งที่ถูกต้อง พร้อมกับรักษาตนเองได้
 

                                   เพราะฉะนั้น ขอให้ตั้งใจรักษาตนเองให้ได้ ถ้าทำได้อย่างนี้แล้ว สุดท้ายเราจะเป็นหลักช่วยขยายธรรมะไปสู่บุคคลรอบข้างตามภารกิจที่หมู่คณะมอบหมาย และตามความตั้งใจของเรา
 

เจริญพร.

 ยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคล Total Execution Time: 0.0049737652142843 Mins