จะแนะนำลูกหลานอย่างไร

วันที่ 23 สค. พ.ศ.2550

 

คำถาม..  หลวงพ่อเจ้าคะขณะนี้บางศาสนามีการทุ่มทุนเผยแผ่ความเชื่อของตนผ่านทางสื่อต่างๆอย่างกว้างขวาง ในสภาวการณ์เช่นนี้ควรจะแนะนำลูกหลานอย่างไร?

คำตอบ..  พูดง่ายๆ ชาวพุทธควรปฏิบัติตนอย่างไรต่อการเผยแผ่ศาสนาอื่นๆนั่นเอง เอาหลักการขั้นต้นก่อนก็แล้วกัน คือ เรื่องความเชื่อ เรื่องการนับถือศาสนานั้น เป็นเรื่องสากล ใครพอใจจะเชื่อจะนับถือศาสนาใดก็ตามใจเถอะ แต่ว่าสำหรับพวกเรา เมื่อเลือกจะนับถือพระพุทธศาสนาแล้ว มาทำตัวให้สมกับเป็นชาวพุทธที่ดีกันดีกว่า เพราะยิ่งเราประพฤติปฏิบัติตัวให้เคร่งครัดต่อคำสอนในพระพุทธศาสนาที่ทรงประสิทธิภาพที่สุด

 

           เพราะฉะนั้น ใครอยากจะเผยแผ่ศาสนาของเขาอย่างไร ก็เป็นเรื่องของเขา ส่วนเราก็ทำตัวให้เป็นชาวพุทธที่ดียิ่งๆขึ้นไป แต่ว่าเราจะพิจารณาเรื่องการเผยแผ่ศาสนาอื่นๆอย่างไรถึงจะเป็นประโยชน์กับตัวเราและพระพุทธศาสนา

           สำหรับเรื่องนี้หลวงพ่ออยากจะให้ข้อคิดง่ายๆว่า “เรื่องส่วนตัวให้วางอุเบกขา เรื่องพระพุทธศาสนาต้องเอาอุเบกขาวาง” และสิ่งที่เราจะต้องทำก็คือ

 

           ประการที่ ๑ เมื่อมีการว่าร้าย กล่าวโจมตีพระพุทธศาสนา เราต้องรีบเข้าไปป้องกันและแก้ไขทันที

ยกตัวอย่างถ้าเข้าโจมตีด่าว่าล่วงล้ำก้ำเกินคำสอนในพระพุทธศาสนา ว่าผิดอย่างนั้นผิดอย่างนี้ ศาสนพิธีว่าพิธีกรรมของเราคร่ำครึบ้าง ล้าสมัยบ้าง หรือมาทำลายศาสนสถาน เช่นวัดวาอาราม ทำลายศาสนวัตถุ เช่น พระพุทธรูป เหล่านี้เป็นต้น

 

           นอกจากนี้มีหลายครั้งที่พระพุทธศาสนาของเราถูกศาสนาอื่นมาทำลาย ถ้ามีใครมาทำลายศาสนาของเรา ไม่ว่าจะโดยวาจาหรือการกระทำก็ตาม เราก็คงยอมไม่ได้ จะต้องรีบเข้าไปจัดการแก้ไข ตั้งแต่ทักท้วงติเตียน และถ้ายังไม่เชื่อฟังกันก็คงจะต้องดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมายต่อไป ที่จะนิ่งเฉยนั้นไม่ได้ เพราะเป็นเรื่องของพระศาสนา ซึ่งเป็นแสงสว่างที่จะทำให้สัตว์โลกพ้นทุกข์

 

           แต่ในเวลาเดียวกันถ้าเราไม่ได้ล่วงล้ำก้ำเกินอะไร เขาก็พูดแต่เรื่องของเขา อย่างนั้นก็เป็นสิทธิของเขาเหมือนกัน เราจะไปตำหนิ ไปห้ามปรามไม่ได้ และไม่ควรห้ามด้วย สำหรับกรณีนี้สิ่งที่เราต้องทำก็คือ ย้อนกลับมาดูตัวของเราเองว่า ตัวเรานั้น

 

           ๑.ได้ทำหน้าที่ของตัวเอง ด้วยการปฏิบัติตนเป็นชาวพุทธที่ดีแล้วหรือยัง

           

           ๒.ได้ทำหน้าที่ในการเผยแผ่พระพุทธศาสนาดีแล้วหรือยัง คือ ย้อนกลับมามองที่ตัวเราเองดีกว่า ว่าทำอย่างไรตัวเราถึงจะดีวันดีคืน ให้สมกับเป็นชาวพุทธ ทำอย่างไรชาวโลกถึงจะรู้จักพระพุทธศาสนาให้ยิ่งๆ ขึ้นไป เพื่อพวกเขาจะได้พ้นทุกข์พ้นร้อนกันเสียที ต้องมองอย่างนี้อย่าไปด่า อย่าไปว่า อย่าไปโจมตีใคร

 

           ส่วนการที่เราจะเผยแผ่พระพุทธศาสนาของเราบ้างนั้น พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงให้หลักในการเผยแผ่พระพุทธศาสนาเอาไว้ ๖ ข้อด้วยกัน คือ

     

         ๑.ไม่ว่าร้าย ชาวพุทธทั้งหลายต้องไม่ว่าร้าย ไม่โจมตีใคร ไม่ว่าเขาจะนับถือศาสนาอื่น หรือว่าเป็นคนที่ไม่มีศาสนาก็ตาม ใครชอบใจอย่างไร ก็เป็นเรื่องของเขา แต่ถ้าสงสัยคำสอนในพระพุทธศาสนาเราก็สามารถอธิบายให้เขาเข้าใจถูกต้อง นี่คือ หน้าที่ของเรา

 

         ๒.ไม่ทำร้าย พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงเผยแผ่พระพุทธศาสนาให้แก่ชาวโลกมาเป็นเวลานาน ทั้งในสมัยพุทธกาลก็ดี หรือการเผยแผ่สืบทอดต่อๆกันมากว่า ๒,๕๐๐ ปีก็ดี พระพุทธองค์ไม่เคยบังคับให้ใครมาเชื่อ ให้มานับถือพระองค์ และไม่เคยฆ่าไม่เคยทำร้ายใคร เพื่อให้เขาหันมานับถือพระพุทธศาสนา มีแต่คนของศาสนาอื่นที่มาฆ่าชาวพุทธ เพื่อบังคับให้เปลี่ยนไปนับถือศาสนาของตน

เพราะฉะนั้น จำไว้เลยว่าพระสัมมาสัมพุทธเจ้าไม่เคยบังคับให้ใครมาเคารพพระองค์ แต่ว่า ถ้าใครจะมาทำร้าย ทำลายใคร ไม่ว่าจะเป็นทรัพย์สิน ไม่ว่าจะเป็นชีวิต ไม่ว่าจะเป็นอวัยวะ ไม่ทำเด็ดขาด นี้คือหลักการของชาวพุทธ

 

        ๓.เข้มงวดกวดขันตัวเอง เคร่งครัดในศีลและมารยาทให้สมกับกับเป็นลูกของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า

สิ่งใดที่เป็นการแสดงความหยาบคาย ความไม่ศิวิไลซ์ ความกักขฬะต่างๆ จะต้องไม่ออกมาจากกิริยาท่าทาง หรือคำพูดของชาวพุทธเด็ดขาด เพราะว่าเราไม่อยากมีบาปนั่นเอง

ทั้งไม่ว่าใคร ทั้งไม่ทำร้ายใคร ทั้งกวดขันศีลและมารยาทของตัวเองให้ดี เมื่อทำได้อย่างนี้ ต้องบอกว่าชนะใจกันสุดๆทีเดียว คือ ทั้งชนะใจตัวเองและชนะใจคนอื่นๆด้วย

 

       ๔.รู้จักประมาณ ชาวพุทธต้องเป็นผู้รู้จักประมาณ คือ รู้จักความพอดี ไม่ว่าเรื่องอาหารการกินเรื่องเสื้อผ้าเครื่องนุ่งห่ม เป็นต้น

พูดง่ายๆชาวพุทธต้องรู้จักพอ รู้จักประหยัดต้องไม่ฟุ่มเฟือย เมื่อเป็นอย่างนี้ ก็จะทำให้เป็นที่ยอมรับของคนที่นับถือศาสนาอื่นได้

 

       ๕.เลือกอยู่ในสงบ สำหรับเรื่องที่อยู่อาศัยที่นั่งที่นอนนั้น ต้องเลือกอยู่ในที่สงบ เพื่อจะได้มีเวลาพิจารณาตัวเองมากๆ เพราะเวลาลืมตา เรามองเห็นคนอื่น แต่ว่าไม่เคยเห็นตัวอย่างชัดเจนเลย

เพราะฉะนั้น ถ้าหากได้อยู่ในที่สงบ ได้นั่งหลับตาทำสมาธิ ได้ทบทวนพฤติกรรมของตัวเองเสียบ้าง ก็จะทำให้เรารู้จักตัวเองได้ดียิ่งขึ้น

 

       ๖.ตั้งใจฝึกสมาธิไม่เลิกรา ตั้งใจฝึกสมาธิกลั่นใจให้ใสเป็นแก้ว ใสเป็นเพชรทุกวัน ทุกคืนไป ถ้าหากทำได้อย่างนี้ ก้อนกายของเราทั้งก้อนก็จะใสบริสุทธิ์ผุดผ่อง ไม่มีตำหนิใดๆให้ใครมากล่าวหาได้ ใจของเราก็ใสเป็นแก้วใสเป็นเพชร เป็นต้นแบบแห่งคุณความดีทั้งหลายในโลก

 

         เราก็จะได้ชื่อว่าเป็นทั้งชาวพุทธที่แท้จริงและเป็นผู้ประกาศ เป็นผู้เผยแผ่พระพุทธศาสนาอย่างแท้จริง อย่างสันติสุข ชนะวิธีการกล่าวร้ายโจมตีหรือวิธีเผยแผ่ของศาสนาใดๆในโลกนี้ ได้อย่างเด็ดขาด

 ยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคล Total Execution Time: 0.051266916592916 Mins