ปัญหาและสาเหตุ

วันที่ 03 กค. พ.ศ.2558

 

ปัญหาและสาเหตุ

มาจาก 4 ประการ

            ประการแรก คือ ความเป็นอิสระทางเศรษฐกิจ ในสมัยก่อนผู้ชายจะเป็นหลักในการหาเลี้ยงครอบครัว เมื่อมีปัญหาฝ่ายหญิงจะกล้ำกลืนฝีนทน อดทนเพื่อครอบครัวให้อยู่รอด แต่ปัจจุบันผู้หญิงมีงานทำและพึ่งพาตนเองได้ ความอดทนเริ่มลดน้อย เพราะแรงบีบด้านเศรษฐกิจมีกำลังอ่อนลง

            ประการที่สอง คือ สิ่งแวดล้อมมีความแตกต่างกัน ในสมัยก่อนชายหญิงอยู่ในสิ่งแวดล้อมเดียวกัน หัวข้อสนทนามักเป็นเรื่องเดียวกันหมด เรียกว่าคุยกันรู้เรื่อง ช่องว่างระหว่างคนมีน้อย แต่ในปัจจุบันทั้งสามีภรรยาต่างทำงานกันคนละที่ เลิกงานแล้วต่างมีกลุ่มเพื่อนฝูงพากันไปคนละทาง สามีชอบอย่าง ภรรยาชอบไปอีกอย่าง โอกาสที่จะไม่เข้าใจกันระแวงแคลงใจกันเพิ่มมากขึ้น

            ประการที่สาม คือ ความประพฤติของแต่ละฝ่ายบกพร่อง ถ้าตามหลักธรรมแล้วคือ ศีลไม่เสมอกันนั่นเอง ตัวอย่างเช่น เกิดการนอกใจกัน ไม่ซื่อสัตย์ต่อกัน ไม่ให้เกียรติกัน ปกปิดความลับกัน เป็นต้น เหล่านี้เป็นเหตุผลหลักๆ ที่ต่างฝ่ายต่างโทษกัน

            ประการที่สี่ คือ เป้าหมายชีวิตต่างกัน ทิฐิไม่เสมอกัน คือ ความเห็นไม่เข้ากัน ความเชื่อไม่เหมือนกัน ทำให้ไม่สามารถเป็นคู่คิดที่ดีได้ ถ้าต่างกันมากจนกลายเป็นช่องว่าง เวลาเกิดปัญหาขึ้นมาจะขาดการรับฟัง ขาดการให้กำลังใจอีกฝ่ายหนึ่ง เกิดการประทุษร้ายกัน กลายเป็นคู่รัก คู่แค้น หรือ คู่เวรคู่กรรมแทน

 

            การแก้ไข ทำอย่างไรเราจะไม่เป็นอย่างนั้นบ้าง ต้องเริ่มต้นก่อนว่า คนโดยทั่วไปจะมีความบกพร่องในตนเอง คือ ตนเองยังไม่สมบูรณ์ แล้วก็รู้สึกว่าขาด หวังว่าคู่สมรสจะมาเติมเต็มในสิ่งที่ตนเองขาดไป ไม่ว่าจะขาดเกี่ยวกับความเชื่อมั่นตนเอง ขาดกำลังใจ ขาดความรู้สึกภาคภูมิใจ ขาดความพร้อมในการครองชีวิต ขาดแคลนทรัพยากรต่างๆ รู้สึกว่าถ้ามีสองคนมาช่วยกันทำมาหากิน น่าจะทำให้การครองชีวิตมั่นคงขึ้น เกิดเจ็บไข้ได้ ป่วยขึ้นมาจะได้มีคนดูแลคอยเอาอกเอาใจเป็นเพื่อนแก้เหงา อย่างนี้เป็นต้น นั่นคือ คาดหวังให้อีกฝ่ายมาเติมเต็มสิ่งที่ตัวเองบกพร่อง ต่างฝ่ายต่างหวังอย่างนี้เหมือนกัน

            พอทุกคนเริ่มเอาความต้องการตนเองเป็นที่ตั้ง ปัญหาเกิดทันที เพราะในชีวิตจริงมันไม่ได้เป็นไปตามความปรารถนาของเรา ถ้าจะให้ชีวิตการครองเรือนอยู่ด้วยกันอย่างราบรื่น เราต้องเปลี่ยนมุมมองใหม่ แทนที่จะเอาความต้องการของตนเองเป็นที่ตั้ง หวังให้เขามาเติมเต็ม

 

            ต้องเปลี่ยนมุมมองว่า ถ้าหากจะแต่งงานครองเรือน เราจะเติมเต็มชีวิตของอีกฝ่ายหนึ่งได้อย่างไรบ้าง คือ คิดเปลี่ยนจากผู้รับมาเป็นผู้ให้ ถ้าต่างฝ่ายต่างคิดอย่างนี้ชีวิตการครองเรือนจึงจะราบรื่นได้ สรุปเป็นหลักปฏิบัติสากลในความสัมพันธ์ระหว่างบุคคล ซึ่งคู่สมรสสามารถนำไปใช้ได้เสมอ

“ เมื่อเราเป็นคนเข้าใจคน เอาใจเขามาใส่ใจเรา

เราจะเป็นผู้ดำเนินชีวิตอยู่บนโลกนี้ได้

อย่างมีความสุข และความสำเร็จ ”

            ชีวิตหลังแต่งงาน ใช่ว่าจะมีความสุขเสมอไป ไม่ได้จบแบบ Happy Ending เหมือนเทพนิยายทุกคู่ นอกจากการหย่าร้างกันแล้ว บางคู่กลับมีความคิดว่า แต่งงานมีลูกกันแล้ว อยากจะประคับประคองให้อยู่ต่อไปเพื่อลูก ก็มีหลักการทำได้ คือ ต้องพยายามปรับศีลให้เสมอกัน ปรับลดทิฐิมานะลง นักจิตวิทยาหลายคน จึงแนะนำสามีภรรยาที่กำลังจะแตกร้าวกันให้ทดลองปฏิบัติดู

 

---------------------------------------------------------------------------------------------

 "อย่ามโน รักแท้มันใหญ่มาก "
ผลงานโดยพระมหาสมชาย ฐานวุฑฺโฒ 
วางแผงจำหน่ายแล้วที่ ร้านหนังสือชั้นนำดังต่อไปนี้
1.ร้านซีเอ็ดบุ๊ค
http://goo.gl/IG6uUz
2.ร้านนายอินทร์
http://goo.gl/e5JlbF
3.ศูนย์หนังสือจุฬาฯ
http://goo.gl/iX2fZ3
4. ร้านคิโนะคูนิยะ
http://goo.gl/Xh0uua

 ยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคล Total Execution Time: 0.0049600164095561 Mins