ชาดก 500 ชาติ รวมนิทานชาดกพร้อมภาพประกอบ คติธรรม ข้อคิดสอนใจ

ชาดก 500 ชาติ : ชาดก 500ชาติรวมชาดก 500 ชาติพร้อมภาพประกอบ  ข้อคิดสอนใจ

ชาดก คือ เรื่องราวหรือชีวประวัติในอดีตชาติของพระโคตมพุทธเจ้า คือ สมัยที่พระองค์เป็นพระโพธิสัตว์บำเพ็ญบารมีอยู่ พระองค์ทรงนำมาเล่าให้พระสงฆ์ฟังในโอกาสต่าง ๆ เพื่อแสดงหลักธรรมสุภาษิตที่พระองค์ทรงประสงค์ เรียกเรื่องในอดีตของพระองค์นี้ว่า ชาดก ชาดกเป็นเรื่องเล่าคล้ายนิทาน บางครั้งจึงเรียกว่า นิทานชาดก

ชาดก 500 ชาติ :: อัสสกชาดก-ชาดกว่าด้วยพระเทวีอุพพรีเกิดเป็นด้วงขี้ควาย

 ชาดก 500 ชาติ
อัสสกชาดก-ชาดกว่าด้วยพระเทวีอุพพรีเกิดเป็นด้วงขี้ควาย

 

ชาดก 500 ชาติ อัสสกชาดก-ชาดกว่าด้วยพระเทวีอุพพรีเกิดเป็นด้วงขี้ควาย

     ณ นครสาวัตถี มีภิกษุรูปหนึ่งเมื่อได้บวชแล้วก็ไม่สามารถตัดกิเลสได้ แต่ละวันได้แต่คิดถึงภรรยาจนไม่สามารถปฏิบัติกิจสงฆ์ได้  “ ป่านนี้น้องนางของพี่จะเป็นอย่างไรบ้างนะ จะกินจะอยู่อย่างไร จะคิดถึงพี่บ้างหรือเปล่า ” “ ตั้งแต่ภิกษุรูปนี้บวชมา เราก็ไม่เคยเห็นกิจสงฆ์เลยสักนิด ” “ นั่นนะสิ แล้วอย่างนี้จะบรรลุธรรมได้อย่างไร ”

 ชาดก 500 ชาติ อัสสกชาดก-ชาดกว่าด้วยพระเทวีอุพพรีเกิดเป็นด้วงขี้ควาย
     “ พวกเราเองก็ออกบวชมาก่อน น่าจะตักเตือนเค้าได้บ้างนะท่าน ” “ ทำไมท่านไม่ปฏิบัติกิจสงฆ์ละ การนั่งสมาธิ (Meditation)จะทำให้จิตใจท่านสงบเยือกเย็นได้นะ ” “ ผมทำอย่างไรก็ไม่สามารถตัดกิเลสออกไปจากใจได้ พอหลับตาครั้งใด จิตใจก็เฝ้าแต่คำนึงถึงน้องนางที่รัก ” “ ท่านไม่ลองพยามยามดูอีกครั้งหรือท่าน ” “ ไม่ไหวแล้วละ ผมตัดสินใจแล้วว่าจะสึก ”

     “ อย่าเพิ่งด่วนตัดสินใจไปอย่างนั้นเลย เราไปเข้าเฝ้าองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้ากันเถิด พระองค์ต้องมีข้อชี้แนะให้เราแน่ๆ ” เมื่อองค์พระศาสดาทรงทราบเรื่องทั้งหมด จึงตรัสว่า “ ดูก่อนภิกษุ หญิงนั้นไม่ได้ทำให้เธอโหยหาแต่ในครั้งนี้เท่านั้น แม้เมื่อก่อน เธอก็ได้รับทุกข์ใหญ่หลวงเพราะหญิงนั้นเหมือนกัน ” แล้วพระองค์ก็ทรงตรัสเล่า อัสสกชาดก ดังนี้ 

 

ชาดก 500 ชาติ อัสสกชาดก-ชาดกว่าด้วยพระเทวีอุพพรีเกิดเป็นด้วงขี้ควาย     ณ แคว้นกาสี พระเจ้าอัสสกะผู้ครองนครปาฏลิมีอัครมเหสีรูปโฉมงดงามพระนามว่า อุพพรี เป็นที่รักใคร่โปรดปรานของพระราชาอย่างยิ่ง “ ไหนขอพี่ชื่นชมใบหน้าที่งดงามของเจ้าหน่อยสิจ๊ะ ” “แหม ท่านพี่ก็อยู่ๆ ก็ตรัสชมกันอย่างนี้ หม่อมฉันอายนะเพค่ะ ” “จะอายทำไมเล่า ที่พี่พูด ล้วนแต่เป็นความจริง ”

 

ชาดก 500 ชาติ อัสสกชาดก-ชาดกว่าด้วยพระเทวีอุพพรีเกิดเป็นด้วงขี้ควาย     พระนางอุพพรีพยายามบำรุงรูปโฉม และรักษาพระฉวีวรรณให้สดใสเปล่งปลั่งยิ่งกว่าพระมเหสีองค์อื่นๆ เพื่อผูกพระทัยพระราชาให้หลงใหลพระนางแต่เพียงผู้เดียว “พวกเจ้าช่วยขัดผิวเราให้เนียนหน่อยนะ แล้วอย่าลืมใส่ดอกไม้หอมๆ ลงไปเยอะๆ ละ กลิ่นกายเราจะได้หอม อย่าใช้ดอกไม้ที่กลิ่นฉุนเกินไปละ เสด็จพี่ไม่ชอบ ”

     “ โอ๊ย พระมเหสีนี่ ผิวเนียนสุกใสกว่าพระมเหสีองค์อื่นๆ อีกนะเพค่ะ ” “ใช่ ทั้งรูปโฉมและรูปกาย ได้สัดส่วน สวยไปหมด สมแล้วที่เป็นที่โปรดปรานของพระราชา ” “เสด็จพี่ต้องโปรดปรานแต่เราคนเดียวเท่านั้น ” “เสด็จพี่เพค่ะ หม่อมฉันได้ยินหมอหลวงบอกว่า ทางใต้ของเมืองเรามียาดีที่ช่วยบำรุงผิวพรรณให้สดใสอ่อนวัย หม่อมฉันอยากจะลองนำมาใช้ดูเสด็จพี่จะว่ากระไรเพค่ะ ” 

     “ ถ้าน้องหญิงอยากได้ พี่จะสั่งให้ทหารไปเสาะหามาให้ อะไรก็ตามที่น้องหญิงต้องการพี่จะหามาให้จ้า ” “ หม่อมฉันก็ทำเพื่อให้เสด็จพี่พอพระทัยเพค่ะ ถ้าเกิดวันหนึ่งหม่อมฉันไม่สวย เสด็จพี่ก็คงไม่พอใจ ” “ อย่าพูดอย่างนั้นสิจ๊ะ อย่างเจ้านะเหรอ จะมีวันไม่สวยไม่มีหรอก ” ไม่ว่าพระนางอุพพรีจะต้องการยาวิเศษใดๆ มาบำรุงรูปโฉมให้งดงาม หรือแม้จะต้องใช้วิธีใดๆ ก็ตาม พระราชาก็ทรงยอมรับของความปรารถนาของพระนางทั้งสิ้น

 

ชาดก 500 ชาติ อัสสกชาดก-ชาดกว่าด้วยพระเทวีอุพพรีเกิดเป็นด้วงขี้ควาย     วันหนึ่งพระนางอุพพรีสิ้นพระชนม์ลงอย่างไม่รู้สาเหตุ พระราชาตกพระทัยอย่างยิ่ง ทรงโศกเศร้าเสียพระทัย เสวยทุกข์โทมนัสเป็นที่สุด “ ทำไมน้องหญิงจากพี่ไปเร็วอย่างนี้ พี่จะอยู่ได้อย่างไรหากขาดเจ้า ” พระเจ้าอัสสกะทรงให้สร้างโลงแก้วใส่พระศพของพระนางอุพพรีซึ่งหล่อน้ำมันไว้แล้วยกไปตั้งข้างแท่นบรรทมทรงอดพระกระยาหาร คร่ำครวญกรรแสงถึงพระนางด้วยปริเวทนาการไม่เป็นอันทำสิ่งใด

     “ พี่คิดถึงเจ้าอุพพรี ไม่น่าจากพี่ไปเลย ไม่มีเจ้า แล้วพี่จะมีจิตใจทำอะไร ” แม้พระราชบิดา พระราชมารดา พระญาติพร้อมด้วยอำมาตย์และข้าราชบริพารทั้งหลายจะปลอบอย่างไรก็ไม่สามารถให้พระองค์สร่างโศกได้ “ เจ้าอย่าโศกเศร้าเสียใจไปเลย ยังไงๆ นางก็จากเจ้าไปแล้ว หักห้ามใจไว้บ้างเถอะลูก ”

     “ เลิกโศกเศร้าได้แล้ว เจ้าควรจะห่วงงานบ้านงานเมืองบ้างนะ ” “ หม่อมฉัน ยังทำใจไม่ได้เลยเสด็จพ่อเสด็จแม่ หม่อมฉันไม่มีจิตใจที่จะทำอะไรได้ ” พระเจ้าอัสสกะทรงเศร้าโศกถึงพระนางอุพพรีอยู่เช่นนั้นล่วงไปถึงเวลา 7 วัน “ ทำไมเจ้าต้องจากพี่ไปด้วย พี่รักเจ้ามากแค่ไหนเจ้าก็รู้ ”

 

ชาดก 500 ชาติ อัสสกชาดก-ชาดกว่าด้วยพระเทวีอุพพรีเกิดเป็นด้วงขี้ควาย     ในกาลนั้นพระดาบสสำเร็จอภิญญาและสมาบัติ เป็นพระอาจารย์ของพระเจ้าอัสสกะอยู่ในป่าหิมพานต์ เจริญอาโลกสินตรวจดูชมพูทวีปด้วยทิพยจักษุเห็นพระราชาทรงปริเวทนาการอยู่อย่างนั้น จึงเป็นห่วง “ เฮ้อ เราคงต้องทำอะไรสักอย่างแล้วละ ปล่อยไว้อย่างนี้คงไม่ดีแน่ ” พระดาบสคิดได้ดังนั้นจึงตัดสินใจเหาะมายังพระราชอุทยาน หวังช่วยพระเจ้าอัสสกะให้พ้นความโศกเศร้า

 

ชาดก 500 ชาติ อัสสกชาดก-ชาดกว่าด้วยพระเทวีอุพพรีเกิดเป็นด้วงขี้ควาย     เมื่อถึงอุทยานแล้ว พระดาบสจึงตรัสถามเรื่องราวจากมหาดเล็ก “ ตั้งแต่พระมเหสีอุพพรีสิ้นพระชนม์ พระเจ้าอัสสกะทรงโศกเศร้าอยู่อย่างนี้ นี่ก็ล่งมา 7 วันแล้วขอรับ ” “ถ้าอย่างนั้นรบกวนท่านไปกราบทูลเชิญพระองค์มาที่อุทยานนี้ด้วยเถิด เราจะช่วยจะช่วยพระราชาให้หายจากความโศกเศร้าและให้พระองค์ทรงรู้ความจริงซะที " 

     ด้วยความเคารพและเกรงใจดาบส พระเจ้าอัสสกะจึงทรงยินยอมเสด็จมาพบที่พระราชอุทยาน “ มหาบพิตร จะมัวเศร้าโศกถึงพระนางทำไม บัดนี้พระนางได้ไปเกิดใหม่แล้วนะท่าน ” “ น้องอุพพรี มเหสีของหม่อมฉันไปเกิดใหม่แล้วรึ ที่ไหนพระคุณเจ้า ” “ เนื่องจากเมื่อตอนที่เป็นมนุษย์ พระนางทรงมัวเมาในรูปโฉม ไม่ทรงทำความดี ด้วยความหลงมัวเมานี้ จึงนำไปเกิดเป็นด้วงขี้ควาย ”

 

ชาดก 500 ชาติ อัสสกชาดก-ชาดกว่าด้วยพระเทวีอุพพรีเกิดเป็นด้วงขี้ควาย     “ หม่อมฉันไม่เชื่อ พระมเหสีของหม่อมฉันเมื่อตอนเป็นมนุษย์สิริโฉมงดงาม เมื่อเกิดใหม่ความงามนั้นก็น่าจะคงอยู่ จะไปเกิดเป็นด้วงขี้ควายได้อย่างไร ” “ ถ้าพระองค์ไม่ทรงเชื่อ อาตมาจะพาไปให้เห็นความจริง ตามอาตมา มาเถิด เมื่อไปถึงท้ายอุทยานพระองค์จะทรงทราบด้วยพระองค์เอง ” พระดาบสเสด็จนำพระเจ้าอัสสกะไปยังท้ายพระราชอุทยาน เมื่อมาถึงท้ายอุทยานก็พบกองมูลควาย ทั้งสององค์ก็นั่งลงข้างกองมูลควาย

     พระเจ้าอัสสกะยังทรงไม่เชื่อตามคำที่พระดาบสบอก แต่ก็ทรงทราบว่าพระดาบสนี้มีอภิญญารู้ภาษาสัตว์ และสามารถเสกให้บุคคลฟังภาษาสัตว์ได้ระยะหนึ่ง สักพักพระเจ้าอัสสกะทรงเริ่มได้ยินเสียงสัตว์รอบข้างสนทนากัน พระองค์ก็รู้พระองค์ทันทีว่าพระดาบสได้เสกให้พระองค์ได้ยินเสียงสัตว์เรียบร้อยแล้ว

 

ชาดก 500 ชาติ อัสสกชาดก-ชาดกว่าด้วยพระเทวีอุพพรีเกิดเป็นด้วงขี้ควาย     “ วันนี้อากาศดีจริงจะบินไปออกหากินที่ไหนดีนะ ” “ ไปทางด้านเหนือโน่นไหม ฉันได้ข่าวมาว่าที่นั่นมีอาหารอุดมสมบูรณ์มากๆ เลยนะ ผลไม้เต็มไปหมดเลย ” “ ดีสิ ไปกันเลย ” “ แม่ด้วงเอ้ย ออกมาเถิด ” เมื่อร่ายคาถาให้มนุษย์ได้ฟังเสียงสัตว์ได้เสร็จสิ้นแล้ว พระดาบสจึงเริ่มสนทนากับพระนางอุพพรีที่เกิดใหม่เป็นด้วงมูลควาย “ ไหนๆๆ อึบๆๆ ขอโผล่ออกมาก่อน พระดาบสนั่นเอง มีธุระอะไรกับเจ้านะ ไปๆ ออกมาพบท่านก่อนก็แล้วกัน ”

     “ จ๊ะพี่ อึบๆ เฮ้อ โผล่ออกมาได้สะที ” “ แม่ด้วง ชาติที่แล้วเจ้าเป็นอะไรกัน ” “ ข้าพเจ้าเป็นมเหสีของพระเจ้าอัสสกะ ชื่อ อุพพรีเจ้าค่ะ ” “ เมื่อครั้งเจ้าเป็นมเหสีนั้นทรงเป็นที่สนิทเสน่หาอย่างยิ่งของพระราชาใช่ไหม ” “ ใช่เจ้าค่ะ ” “ ไม่จริง ข้าไม่เชื่อ เจ้าจะเป็นน้องอุพพรีของข้าได้อย่างไร ” พระเจ้าอัสสกะยังไม่ตกลงปลงใจเชื่อเสียแต่ทีเดียว พระดาบสจึงถามคำถามที่มีแต่พระเจ้าอัสสกะกับพระมเหสีเท่านั้นที่รู้

 
ชาดก 500 ชาติ อัสสกชาดก-ชาดกว่าด้วยพระเทวีอุพพรีเกิดเป็นด้วงขี้ควาย     “ แม่ด้วงเมื่อตอนเจ้าเป็นมเหสี พระเจ้าอัสสกะให้ความรักดูแลเจ้าดีหรือไม่ อย่างไรกัน ” “ พระเจ้าอัสสกะทรงดูแลข้าพเจ้าเป็นอย่างดี ทุกครั้งที่ข้าพเจ้าต้องการสิ่งใดเพื่อบำรุงความงามของข้าพเจ้า ไม่ว่าจะต้องไปหาที่ไหน ด้วยวธีใด พระเจ้าอัสสกะก็จะหามาให้ สนองตามความปรารถนาของข้าพเจ้าทุกครั้ง ” “ น้องหญิง เจ้าคือมเหสีของข้าจริงๆ ด้วย พี่ดีใจเหลือเกินที่ได้พบเจ้าอีกครั้ง ” 
     พระเจ้าอัสสกะเมื่อได้ยินคำตอบจากด้วงมูลความแล้วก็ปักใจเชื่อทันทีว่า คือ พระมเหสีของพระองค์ เนื่องจากเรื่องนี้เป็นเรื่องที่รู้กันสองพระองค์ “ บัดนี้พระเจ้าอัสสกะได้มาอยู่ตรงหน้าเจ้าแล้ว เจ้าจะกลับไปเป็นมเหสีสุดที่รักของพระองค์อีกหรือไม่ ” พระเจ้าอัสสกะ ได้ยินคำถามจากพระดาบสก็ดีพระทัย หวังจะให้นางด้วงตอบรับเผื่อพระดาบสจะเสกให้นางด้วงกลับเป็นพระนางอุพพรีที่ทรงฟื้นคืนชีพเป็นพระมเหสีสุดรักตามเดิม

     “ ไม่เจ้าค่ะ ในครั้งนั้น พระราชาเป็นพระสวามีของข้าพเจ้าก็จริง แต่บัดนี้ข้าพเจ้ามีสามีใหม่เป็นที่รักยิ่งแล้ว แม้จะให้สังหารพระเจ้าอัสสกะเอาโลหิตจากพระศอมาล้างเท้าสามีใหม่ของข้าพเจ้า ข้าพเจ้าก็ทำได้ ” “ โธ่ แม่ด้วง ทูนหัวของพี่ด้วงเจ้านี่เป็นภรรยาที่ดีของข้าจริงๆ ” “ เจ้าพูดเช่นนี้ได้ยังไง เจ้าลืมไปแล้วรึ ครั้งยังเป็นสามีภรรยาข้าดีต่อเจ้าเพียงใด รักเจ้าเพียงใด ”

 

ชาดก 500 ชาติ อัสสกชาดก-ชาดกว่าด้วยพระเทวีอุพพรีเกิดเป็นด้วงขี้ควาย     “ ความสุขและความทุกข์เก่า ถูกความทุกข์และความสุขใหม่บดบังเสียแล้ว ฉะนั้นเจ้าด้วงจึงเป็นที่รักของข้าพเจ้ายิ่งกว่าพระองค์ร้อยเท่าพันเท่า ” “ ที่ผ่านมาข้าอุตส่าห์เฝ้าคิดถึงเจ้า หวังให้เจ้ากลับมาอยู่กับข้าดังเดิม แต่ดูเจ้าสิ กลับเห็นด้วงมูลควายดีกว่าข้า ” 

     พระมเหสีอุพพรีบัดนี้ได้เกิดใหม่เป็นตัวด้วงมูลควาย เมื่อเห็นพระเจ้าอัสสกะทรงโกรธ ก็ไม่รู้สึกกลัวแต่อย่างใด มุดกองมูลความหายไปพร้อมกับด้วงสามีใหม่ พระเจ้าอัสสกะกริ้วสุดขีดได้แต่ทรงแค้นพระทัย แล้วก็ไหว้ลาพระดาบสแล้วกลับคืนสู่ห้องพระบรรทม สั่งมหาดเล็กให้ย้ายศพพระนางอุพพรีออกไปจากห้อง

 

ชาดก 500 ชาติ อัสสกชาดก-ชาดกว่าด้วยพระเทวีอุพพรีเกิดเป็นด้วงขี้ควาย

     ต่อมาไม่นานพระเจ้าอัสสกะก็ลืมความโศกเศร้าเสียใจครั้งพระมเหสีสิ้นพระชนม์ ทรงอภิเษกพระอัครมเหสีใหม่ และทรงครองราชสมบัติโดยธรรม พระบรมศาสดาทรงเล่าจบแล้ว ภิกษุผู้ตัดกิเลสไม่ขาด ที่เฝ้าแต่คิดถึงภรรยาก็ได้บรรลุโสดาปัตติผล

 

พระเจ้าอัสสกะ ได้กำเนิดเป็น ภิกษุผู้ตัดกิเลสไม่ขาด
พระดาบส เสวยพระชาติเป็น องค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า

 

 

บทความนี้ ถูกใจคุณหรือไม่ + -

สิ่งดีๆมีไว้แบ่งปัน อะไรดีๆมีอีกเยอะ กด Like facebook กัลยาณมิตร

* * ชาดก 500 ชาติ แนะนำ * *

 ยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคล