เศรษฐีพิชิตมาร

วันที่ 26 พย. พ.ศ.2558

เศรษฐีพิชิตมาร

    สาเหตุที่ตรัสชาดก ณ พระวิหารเชตวัน ท่านอนาถบิณฑิกเศรษฐีถูกเทวดาห้ามมิให้ทำทานแต่ก็ยังได้ให้ทาน จึงทูลเล่าคุณของตนแด่พระทศพล พระองค์ตรัสว่าเศรษฐีเป็นพระอริยสาวกผู้มีศรัทธาไม่หวั่นไหว ไม่น่าอัศจรรย์ แต่บัณฑิตทั้งหลายในกาลก่อน เมื่อญาณยังไม่แก่กล้าได้ถูกมารห้ามอยู่ก็ให้ทาน โดยยืนอยู่บนดอกปทุม ข้อนี้น่าอัศจรรย์! เมื่อเศรษฐีทูลอ้อนวอน พระจอมมุนีจึงทรงนำเรื่องในอดีตมาสาธกดังต่อไปนี้..

 

    ในอดีต เศรษฐีผู้หนึ่งสร้างโรงทานแจกจ่ายอาหารชาวบ้านไว้ 6 แห่ง คือ ที่ประตูทางเข้าออกเมือง 4 แห่ง ใจกลางเมือง 1 แห่ง และหน้าประตูบ้านของตนอีก 1 แห่ง เมื่อชาวบ้านมารับอาหารก็ถือโอกาสให้ธรรมทานไปด้วย ได้ชักชวนผู้คนรักษาศีล 5 และ ศีล 8 ในวันพระ จนเช้าวันหนึ่ง ขณะที่คนรับใช้นำโภชนาหารร เลิศเข้ามาหาท่านเศรษฐี ช่วงเวลาเดียวกัน ณ ป่าหิมพานต์ มีพระปัจเจกพุทธเจ้าองค์หนึ่งนั่งสมาธิติดต่อกัน 7 วันโดยมิได้ฉันภัตตาหารใดๆ ได้ออกจากสมาธิพอดีพลางคิดว่า วันนี้เราควรจะไปบ้านของเศรษฐีที่ตั้งโรงทานในเมืองพาราณสี จึงถือบาตรดินเหาะมาทางอากาศแล้วเสด็จลงหน้าบ้านเศรษฐี เศรษฐีเห็นดังนั้นจึงรีบให้บริวารไปนิมนต์แล้วรับบาตรของพระปัจเจกพุทธเจ้ามาโดยเร็ว พริบตานั้น มารผู้จมในบาปสั่นสะท้านคิดว่า..

 

"พระปัจเจกพุทธเจ้านี้ ไม่มีอาหารมา 7 วัน วันนี้หากไม่มีอาหารอีกท่านจะต้องมรณภาพเราต้องกำราบพระปัจเจกพุทธเจ้านี้ให้พินาศไป และจะไม่ให้เศรษฐีนี้ได้บารมี!"มารปรากฏตัวขึ้น เนรมิตหลุมถ่านเพลิงลึก 80 ศอก ไฟลุกโพลงโหมกระหน่ำร้อนแรงอย่างยิ่ง ร้อนยิ่งกว่าไฟในโลกมนุษย์ แสงโชติช่วงดุจอเวจีนรก มารแสดงตัวยืนในอากาศ บุรุษผู้มารับบาตรเห็นหลุมเพลิงน่ากลัวสุดประมาณ จึงลนลานวิ่งกลับมาเล่าให้ท่านเศรษฐีฟัง เศรษฐีก็รู้ทันทีว่า..

"วันนี้มารต้องมาขัดขวางทานบารมีของเรา แต่มารไม่รู้เลยว่าแม้มีร้อยมาร พันมาร แสนมารก็มิอาจทำใจเราให้หวั่นไหวได้ ดีล่ะ! วันนี้จะรู้กันว่ามารหรือเรามีกำลังมากกว่ากัน"

 

เศรษฐีถือถาดอาหารเดินออกไปไม่ครั่นคร้าม ไปยืนอยู่เหนือหลุมถ่านเพลิงแล้วมองดู
พระปัจเจกพุทธเจ้า กล่าวอาราธนาว่า..

"ถึงศีรษะข้าพเจ้าจะดิ่งลงหลุมเพลิงนี้ ก็ไม่มีการหวนกลับเป็นอันขาด! ขอท่านได้โปรดรับอาหารที่ข้าพเจ้านำมาถวายนี้ด้วยเถิด"

 

    กล่าวจบก็วิ่งฝ่าหลุมเพลิงอันโชติช่วง พริบตานั้นเองดอกบัวใหญ่เบ่งบานเต็มที่ ปรากฏผุดขึ้นที่หลุมเพลิงรองรับเท้าท่านเศรษฐี ยังมีเกสรบัวขนาดใหญ่ผุดขึ้นเหนือศีรษะเศรษฐี โปรยละอองทองออกมาจนทั่วร่างเศรษฐี พระปัจเจกพุทธเจ้ารับโภชนะแล้วอนุโมทนาโยนบาตรขึ้นไปในอากาศแล้วเหาะกลับสู่ป่าหิมพานต์ ท่ามกลางมหาชนที่มามุงดูอย่างอัศจรรย์ใจ ในที่สุดมารเป็นฝ่ายพ่ายแพ้แล้วหายวับกลับไป อานุภาพบุญประจักษ์แก่สายตามหาชนเช่นนี้ เศรษฐีจึงได้ถือโอกาสยืนแสดงธรรมอยู่บนดอกปทุมวิเศษ พรรณนาถึงทานและศีลด้วยความปีติท่วมท้นจนมหาชนต่างพากันทำทานสั่งสมบุญ ละโลกแล้วได้ไปพักในเทวโลกกันถ้วนหน้า

 

ประชุมชาดก
         พระทศพลทรงประชุมชาดกว่า พระปัจเจกพุทธเจ้าในกาลนั้นได้ปรินิพพานแล้วส่วนพาราณสีเศรษฐีผู้ทำมารให้พ่ายแล้วยืนบนฝักดอกปทุมถวายบิณฑบาตแด่พระปัจเจกพุทธเจ้าคือเราตถาคตแลจากชาดกเรื่องนี้ เศรษฐีต้องสละชีวิตสู้ คือยอมตายก็ไม่เลิกการให้ทาน ผู้รักการให้ได้เช่นนี้ต้องไม่เป็นคนขลาด อ่อนแอและต้องมีจิตใจกล้าหาญด้วย จึงจะได้นิสัยเช่นนี้มาครอง"นิสัยไม่เลิกให้ทานเมื่อพบพานอุปสรรคแม้ต้องตาย" จึงนับเป็นนิสัยในวิถีนักสร้างบารมีที่นับเนื่องเข้าในทานบารมี

-----------------------------------------------

SB 405 ชาดก วิถีนักสร้างบารมี

กลุ่มวิชาพุทธวิธีในการพัฒนานิสัย

 ยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคล Total Execution Time: 0.0013697862625122 Mins