ภาษิตหมวดศีลบารมีที่มีมาในชาดก

วันที่ 08 ธค. พ.ศ.2558

ภาษิตหมวดศีลบารมีที่มีมาในชาดก

        ธรรมดาของคนรักศีลจะมิอยากแปดเปื้อนการกระทำที่แหนงแคลงใจ ประพฤติไม่สะอาดความชั่วเพียงเท่าปลายขน ย่อมปรากฏชัดเหมือนเมฆบนท้องฟ้าแก่ผู้แสวงหาความสะอาดเป็นนิตย์การรักษาศีลเป็นการป้องกันบาปมิให้ซึมซาบเข้ามาในใจ การปฏิเสธข้อด่างพร้อยของตนจึงเหมือนเรือรั่วที่แล่นไปสู่หายนะ คนมักง่ายคือคนที่ปล่อยความผิดทิ้งไว้ในใจ ข้อบกพร่องก็หมักหมมเรื่อยไปจนคุ้นเป็นนิสัย ทำให้จิตมีกำลังต่ำเป็นปกติ ขาดภูมิต้านทานกิเลสมักลุแก่โทสะ ติดในลาภสักการะกระทบกระทั่งผู้อื่นอยู่เสมอ เมื่อได้ฟังกัลยาณมิตรแนะนำตักเตือนเป็นเหมือนคนไข้ได้ของแสลงภาษิตในชาดก

 

      บาปเป็นการกระทำของผู้มีชาติอ่อนแอ ผู้กล้าหาญย่อมไม่ทำบาป ผู้เป็นพหูสูตบัณฑิตไม่ควรกระทำ วิญูชนติเตียนบาปเหมือนชาวเมืองติเตียนของโสโครก หิริคือความละอายต่อการทำบาปเหมือนคนเมื่อจะถ่ายอุจจาระปัสสาวะในที่ฝูงชน แม้ถูกบีบคั้นจนอาจมเล็ดก็ถ่ายไม่ได้ ฉะนั้นส่วนโอตตัปปะคือความกลัวภัยในอบายจึงไม่ทำบาป เหมือนคนไม่ยอมจับก้อนเหล็กร้อนเพราะกลัวไหม้ฉะนั้นควรพูดแต่คำที่ถูกใจเท่านั้น ไม่ควรพูดคำที่ไม่ถูกใจ ไม่ว่าเวลาไหนบุคคลลามกเห็นบาปว่าดีตราบที่บาปยังไม่ส่งผล แต่เมื่อใดบาปส่งผลจะเห็นแต่บาปเท่านั้นผู้เจริญเห็นบาปได้แม้กรรมดีจะยังไม่ส่งผล เมื่อกรรมดีส่งผล ผู้นั้นจะเห็นแต่กรรมดีเท่านั้น ผู้ใช้ปัญญาหลอกลวงคนอื่นจะไม่ได้สุขอยู่เป็นนิตย์ ต้องประสบผลบาปที่ทำไว้ควรเปล่งแต่วาจางามเท่านั้น ไม่ควรเปล่งวาจาชั่วเลย เปล่งวาจางามให้ประโยชน์สำเร็จได้เปล่งวาจาชั่วย่อมจะเดือดร้อนบุคคลไม่ควรไว้วางใจในผู้ที่ยังไม่คุ้นเคย แม้ผู้คุ้นเคยกันแล้วก็ไม่ควรวางใจ ภัยย่อมมาจากผู้ที่คุ้นเคยกันผู้ใดเทิดธรรมเป็นธงชัย ให้สัตว์ทั้งหลายตายใจจนเกิดความไว้วางใจว่าผู้นี้มีศีล แล้วซ่อนการทำชั่วอยู่ลับๆ ความประพฤติของผู้นั้นชื่อว่าเป็นพรตล่อลวงบุคคลได้สิ่งใดควรยินดีสิ่งนั้น เพราะความโลภเกินไปชั่วนักเฮ้ย! ชฎิลเจ้าเล่ห์ เราเข้าไปหาเจ้าเพราะคิดว่าเจ้าเป็นผู้มีศีล แต่ความเจ้าเล่ห์ของเจ้าเรารู้แล้วมหาโจรอย่างเจ้าบวชไปทำไมกันสึ่ย! ชฎิลปัญญาทราม! ไร้ความรอบรู้ เจ้ามุ่นชฎาไปทำไมเล่าเจ้าไม่มีสังวรคุณที่คู่ควรกันแล้วจะนุ่งหนังเสือทำไม ข้างในเจ้ามันรุงรัง เจ้ามัวขัดสีแต่ภายนอก

 

    ความชั่วย่อมสมกับความชั่วคนผู้ไม่สงบ มีมารยาททราม ย่อมเข้ากันได้ดีเหมือนคูถเข้ากันได้กับคูถภิกษุเป็นอันมากสำเร็จชีวิตด้วยการแสวงหาไม่ควร ครั้นสำเร็จชีวิตอย่างนี้แล้ว จะไม่พ้นความเป็นยักษ์ความเป็นเปรต จักเกิดเป็นโคเทียมแอก จะเกิดในนรก บิณฑบาตที่เกิดขึ้นด้วยการแสวงหาไม่ควรเป็นเช่นกับก้อนทองแดงร้อน เปรียบเหมือนยาพิษร้ายแรง จริงอยู่การแสวงหาไม่สมควรนี้ พระพุทธเจ้า พระปัจเจกพุทธเจ้า และสาวกของพระพุทธเจ้า ติเตียนคัดค้าน เมื่อภิกษุบริโภคบิณฑบาตอันเกิดจากการแสวงหาอันไม่ควร จะไม่มีความร่าเริงหรือโสมนัสเลย เพราะว่าบิณฑบาตอันเกิดขึ้นอย่างนี้ เป็นเช่นกับอาหารเดนของคนจัณฑาลในศาสนาของเรา
ผู้ประกอบด้วยความข่มใจและซื่อสัตย์ ผู้นั้นแล จึงสมควรแก่ผ้าย้อมน้ำฝาดผู้ไม่ติดรสย่อมกลืนอาหารเพื่อยังอัตภาพให้เป็นไปเหมือนบริโภคเนื้อบุตรในหนทางกันดารหรือเหมือนใช้น้ำมันหยอดเพลารถ

 

         ฉะนั้นสิ่งใดเป็นที่รักไม่ควรขอสิ่งนั้น บุคคลเป็นที่เกลียดชังเพราะขอจัด การขอไม่เป็นที่ชอบใจแม้ของพวกนาคอันบริบูรณ์ด้วยรัตนะ 7 จะกล่าวไยถึงมนุษย์ผู้ให้เกิดสักกหาปณะหนึ่งก็ยังยากแม้มีความน่ารักน่าชม แต่มีวาจากระด้าง ย่อมไม่เป็นที่รักของใครทั้งในโลกนี้โลกหน้าผู้ต้องการให้ตนเป็นที่รักพึงมีวาจาสละสลวย พูดด้วยความคิดไม่ฟุ้งซ่าน ถ้อยคำของผู้แสดงอรรถธรรมเป็นถ้อยคำไพเราะ ไม่ฟุ้งซ่านเพ้อเจ้อ เพราะกล่าวพอประมาณเราติเตียนชื่อเสียงสมบัติ กับทั้งการหาเลี้ยงชีพด้วยการทำตนตกต่ำ ประพฤติไม่เป็นธรรมเราบวชเป็นบรรพชิตถือภาชนะเที่ยวภิกขาจารแหละประเสริฐกว่า การแสวงหาไม่เป็นธรรมจะประเสริฐอะไร!

 

      ผู้ไม่มีศีลย่อมไม่ได้ประโยชน์จากการฟัง (มีความรู้แล้วก่อโทษ) ศีลนี่แหละประเสริฐกว่าสุตะห้วงน้ำอันไม่มีโคลนตมคือธรรม บาปเรียกว่าเหงื่อไคลที่ต้องชำระล้าง และศีลเรียกว่าเครื่องลูบไล้ใหม่ แต่ไหนแต่ไรมา กลิ่นของศีลนั้นไม่ขาดหายไปคืนพระจันทร์เต็มดวงเหล่าชนผู้รื่นเริงใจเท่านั้นจึงสละชีพได้ข้าพระองค์ทำสัตว์ทั้งหลายผู้ใคร่ต่อสุข ให้ได้รับทุกข์ จึงได้ถึงส่วนอันนี้ ข้าพระองค์ดำรงอยู่เหมือนกองถ่านไฟล้อมรอบด้าน ย่อมไม่ได้ความสุขเลย

 

       คนพาลมีเสียงอื้ออึงเหมือนกันหมด แต่สักคนหนึ่งก็ไม่รู้สึกตนว่าเป็นคนพาล คนมีสติหลงลืมแต่ยังพูดว่าตนเป็นบัณฑิต มีวาจาเป็นอารมณ์ช่างพูด อยากให้เสียงออกจากปากอยู่เพียงใดก็พูดไปเพียงนั้น เขาถูกการทะเลาะครอบงำยังไม่รู้ว่าการทะเลาะนั้นเป็นโทษ ชนเหล่าใดผูกโกรธว่าคนโน้นด่าเรา ตีเรา ชนะเรา ลักของเรา เวรของชนเหล่านั้นไม่ระงับลงได้เลย ถ้าได้ หายมีปัญญาเป็นปราชญ์ไปไหนไปด้วยกัน ช่วยกันทำประโยชน์ให้สำเร็จ ควรชื่นชมยินดีมีสติเที่ยวไปกับสหายนั้นจะครอบงำอันตรายทั้งปวงได้ ถ้าไม่ได้สหายเช่นนั้นพึงเที่ยวไปแต่ผู้เดียวเถิด

 

    ภิกษุไม่อิ่มปัจจัย แสวงหาสังฆภัตมีที่ไหน กิจนิมนต์มีที่ไหน พอใจแต่เรื่องอามิ ชื่อว่าเป็นผู้เหลาะแหละลามกมากบัณฑิตไม่ประพฤติบาปเพราะหาความสุขใส่ตน แม้พลาดพลั้งประสบทุกข์ก็สงบสุขอยู่ได้ไม่ละทิ้งธรรมบุคคลพึงรีบทำความดี รีบห้ามจิตเสียจากความชั่วโดยเร็ว เพราะเมื่อทำความดีช้า ใจย่อมยินดีในความชั่วคนเราจึงควรทำความดีให้เร็วพลันทีเดียวผู้ใดทำบาปแล้วไม่สะดุ้งกลัวต่อชนเหล่าอื่น อายุผู้นั้นย่อมไม่ยืนยาว แม้เทวดาก็มองดูผู้นั้นด้วยนัยน์ตาอันเหยียดหยามผู้ใดมัวรักษาของรักอยู่ ด้วยถือว่านี้เป็นสิ่งที่เราชอบ แล้วทำตัวเหินห่างจากความดี เสพสมอยู่แต่สิ่งที่ชอบเหมือนคอเหล้า เฝ้าเสพสุราเจือยาพิษ จะต้องรับทุกข์ในภาคหน้า ผู้ใดพิจารณาแล้วทิ้งของรักเสีย หันกลับมาซ่องเสพธรรม แม้จะลำบากใจเหมือนคนไข้ทนดื่มยา แต่จะมีความสุขในภาคหน้าชีวิตนี้สั้นนัก ทั้งระคนด้วยทุกข์ยากควรละหรือที่ผู้ใดจะใช้ชีวิตไปก่อเวรภัยผู้สะสมบาปกรรมไว้ทีละน้อยๆ ย่อมพาเอาบาปกรรมซึ่งเป็นภาระหนักนั้นจมลงไปในนรกด้วยการที่บุคคลทุศีล มีธรรมทราม ไม่สะอาด ตนเองนึกแล้วก็กินแหนงตัวเอง มีการกระทำที่ต้องปกปิดซ่อนเร้น เป็นคนเน่าใน ชุ่มโชกด้วยราคะ หมักหมมเหมือนบ่อน้ำคล่ำ แล้วใช้สอยจีวรที่เขาถวายด้วยศรัทธาจะประเสริฐอะไร เอาแผ่นเหล็กร้อนลุกเป็นไฟมานาบกายยังดีเสียกว่า .. การใช้สอยกุฏิที่เขาถวายด้วยศรัทธาจะประเสริฐอะไร การถูกจับห้อยศีรษะโยนลงหม้อเหล็กร้อนไฟลุกโชติช่วงถูกไฟลวกเดือดเป็นฟองในหม้อนั้นยังดีเสียกว่า ..การฉันข้าวที่เขาถวายด้วยศรัทธาจะประเสริฐอะไรให้คนเอาตะของ้างปากยัดก้อนเหล็กร้อนใส่เข้าไปยังดีเสียกว่า เพราะอะไร เพราะเขาตายก็ไม่ไปเกิดในอบาย ทุคติ วินิบาต นรกส่วนบุคคลที่ทุศีล มีธรรมทราม ไม่สะอาด ฯลฯ แล้วยังคิดนุ่งห่มจีวร..ยัง

 

      คิดนั่งนอนในกุฏิ ยังคิดฉันข้าวที่เขาถวายมาด้วยศรัทธา จะเป็นไปเพื่อทุกข์ ไปตลอดขณะที่ยังมีชีวิตอยู่ ตายแล้วต้องไปอบาย ทุคติ วินิบาต นรกอีกความชั่วไม่ทำเสียเลยประเสริฐกว่า ความชั่วย่อมเผาผลาญในภายหลัง กรรมใดทำแล้วไม่เดือดร้อนในภายหลัง กรรมนั้นเป็นความดี ทำแล้วประเสริฐกว่า หญ้าคาที่บุคคลจับไม่ดีย่อม บาดมือฉันใด ความเป็นสมณะที่บุคคลปฏิบัติไม่ดีย่อมฉุดเขาไปในนรกฉันนั้น การกระทำที่ย่อหย่อน ข้อ
วัตรที่เศร้าหมอง พรหมจรรย์ที่น่ารังเกียจ ทั้งสามอย่างนั้นไม่มีผลมากภิกษุใดเป็นอย่างหนึ่งแต่ประกาศตนให้คนเข้าใจว่าเป็นอย่างอื่น ทานข้าวด้วยอาการขโมยย่อมเป็นเช่นกับพรานนกล่อนกแล้วจับกิน ภิกษุมีผ้ากาสาวพัสตร์พันคอ แต่มีธรรมเลวทราม ไม่สำรวมย่อมไปนรกเพราะบาปหยาบช้า ภิกษุทุศีลไม่สำรวม กินก้อนเหล็กแดงที่ร้อนเหมือนเปลวไฟยังดีกว่าทานข้าวชาวบ้านไม่ดีเลยภิกษุผู้มีใจฟุ้งซ่านกลับกลอก ถึงจะนุ่งห่มผ้าบังสุกุล ภิกษุนั้นย่อมไม่งดงามด้วยผ้าบังสุกุลนั้นเหมือนกับวานรคลุมด้วยหนังราชสีห์ฉะนั้นส่วนภิกษุผู้ไม่ฟุ้งซ่าน ไม่กลับกลอก มีปัญญาเป็นเครื่องรักษาตนสำรวมอินทรีย์ย่อมงดงามเพราะผ้าบังสุกุล เป็นดังราชสีห์ในถ้ำ ฉะนั้นในที่ใด ไม่นับถือคนดี มีแต่ดูถูกคนดี หรือมีแต่ยกย่องคนเลว ในที่นั้นคนดีย่อมอยู่ไม่ได้แน่แท้

-----------------------------------------------

SB 405 ชาดก วิถีนักสร้างบารมี

กลุ่มวิชาพุทธวิธีในการพัฒนานิสัย

 

 ยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคล Total Execution Time: 0.0068956017494202 Mins