นักสืบสวนขบวนการโกง

วันที่ 18 ธค. พ.ศ.2558

นักสืบสวนขบวนการโกง

    สาเหตุที่ตรัสชาดก ณ พระเชตวันมหาวิหาร ภิกษุนั่งประชุมกันในธรรมสภาพรรณนาคุณของพระอานนทเถระเจ้าว่า เป็นผู้ฉลาดในอุบายที่ทำให้พระเจ้าโกศลทรงได้แก้วมณีคืนมา โดยมิต้องให้มหาชนลำบากเลย พระทศพลเสด็จมาทรงทราบเรื่องที่ภิกษุสนทนา แล้วตรัสถึงบัณฑิตในกาลก่อนก็ใช้อุบายเช่นกัน เมื่อภิกษุกราบทูลอาราธนา จึงทรงนำเรื่องในอดีตมาสาธกดังต่อไปนี้..

 

    ในอดีต ณ นครแห่งหนึ่ง พระราชาทรงปกครองไพร่ฟ้าโดยธรรม อยู่มาวันหนึ่ง พระราชาเสด็จพักผ่อนในราชอุทยานพร้อมสนมนางใน พระเทวีถอดเครื่องประดับล้ำค่าให้นางทาสีถือไว้เพื่อพระนางจะได้สรงสนานได้ นางทาสีเผลอหลับไป ลิงในอุทยานรีบกระโดดลงต้นไม้อย่างเร็วปานลมพัด ขโมยเครื่องประดับมุขซุกไว้ที่โพรงไม้ แกล้งทำเป็นสงบเสงี่ยมนั่งเฝ้าอยู่หน้าโพรง นางทาสีตื่นขึ้นมาไม่เห็นเครื่องประดับล้ำค่า ก็เกิดกลัวตัวสั่น โพล่งตะโกนออกไปทันทีว่า..

 

"มีคนแย่งเครื่องประดับมุกดาหารของพระเทวีไปๆ"พวกทหารรีบวิ่งไปกราบทูลพระราชา พระราชามีรับสั่งให้จับโจรให้ได้ ขณะนั้น เผอิญมีชายคนหนึ่งเข้ามาในป่าทำสักการะต้นไม้ ได้ยินเสียงจับโจรเกิดสะดุ้งตกใจทำอะไรไม่ถูก จึงวิ่งหนีไปก่อนพวกทหารเห็นพอดีรีบกวดตามไปร้องตะโกนว่า..

 

"ไอ้นี่เป็นโจรๆ ช่วยกันล้อมจับเร็ว!"ทหารจับชายผู้เคราะห์ร้ายได้แล้วก็โบยไปด่าไปว่า.."เฮ้ย! ไอ้โจรชั่ว! มึงกล้าลักขโมยเครื่องประดับของพระเทวีเชียวรึ"ชายหนุ่มคิดว่า..

 

"ถ้าเราบอกความจริงว่าเรามิได้เอาไป เห็นทีคงถูกซ้อมให้รับสารภาพจนตายแน่ จำเราต้องรับผิดไว้ก่อนแล้วค่อยไปหาทางแก้กันทีหลังก็แล้วกัน"ชายหนุ่มรีบบอกกับทหารที่กำลังโบยทุบตีตนอยู่ว่า.."ท่านครับๆ กระผมขโมยไปเองๆ"พวกทหารหยุดโบยแล้วมัดนำไปมอบตัวต่อพระราชา พระราชาตรัสถามถึงของกลางว่าเอาไปซ่อนไว้ที่ไหน ชายหนุ่มกราบทูลว่าให้เศรษฐีประจำเมืองไปแล้ว เมื่อนำเศรษฐีมาซักไซร้ เศรษฐีก็ไม่รู้จะยืนยันอย่างไรว่าตนมิได้เอาไป พยานก็ไม่มี ขืนตอบไปก็เหมือนจะแก้ตัวไปเสียอีก จึงกราบทูลไปว่าให้ปุโรหิตไปแล้ว ปุโรหิตก็กราบทูลว่าให้คนธรรพ์ไปคนธรรพ์ก็ซัดทอดว่าให้นางวัณณทาสีตกค่ำพอดี ทั้งหมดถูกขังไว้ในคุกรอพิจารณาคดีต่อในวันพรุ่งนี้..

            อำมาตย์บัณฑิตทราบเรื่องนี้แล้วค่อยๆ คิดไล่เรียงเหตุการณ์และความเป็นไปได้ว่า..
"เครื่องประดับนี้อยู่วงภายใน แต่ชายหนุ่มเป็นคนภายนอก จะฝ่าการป้องกันรักษาเขตอุทยานของทหารที่หนาแน่นเข้ามาได้อย่างไรกัน ไม่มีวี่แววเลย!ส่วนคนในราชสำนักเองจะเล็ดลอดเข้าไปในเขตราชอุทยานก็ยาก ดังนั้น ที่ชายหนุ่มนั้นบอกว่าให้เศรษฐีไป คงเพราะต้องการปลดเปลื้องตนให้พ้นผิดส่วนเศรษฐีโยนความผิดให้ปุโรหิต คงเป็นเพราะต้องการหาผู้มีอำนาจมาช่วยสะสางคดี แต่ที่ท่านปุโรหิตบอกว่าให้คนธรรพ์ไป ก็คงเพราะปุโรหิตคิดถึงความสนุกสนานเมื่อต้องทนอยู่ในเรือนจำนั้นเอง จึงอยากให้คนธรรพ์มาอยู่ด้วย และที่คนธรรพ์พูดว่าให้นางวัณณทาสีไป ก็เพราะจะได้ไม่ต้องหงอยเหงาอยู่ในคุก ทั้ง 5 คนนี้คงไม่ใช่โจร ทว่าในอุทยานมีลิงเป็นจำนวนมาก เห็นทีเครื่องประดับคงตกอยู่ในมือนางลิงตัวหนึ่งเป็นแน่!"

 

      แม้ไตร่ตรองได้เช่นนี้แล้ว อำมาตย์ก็ยังไม่ด่วนสรุปลงไป ต้องการพิสูจน์ให้แน่นอนเสียก่อนจึงรับอาสาพระราชามาสอบสวน แล้วนำทั้งหมดขังรวมกัน เพื่อให้ทหารดักฟังการสนทนาของคนทั้ง 5เศรษฐีกล่าวกับชายหนุ่มว่า..

"เฮ้ย! ไอ้คนชั่ว แกเคยพบข้าหรือข้าเคยพบแกตอนไหนว่ะ! แล้วแกให้เครื่องประดับข้าตั้งแต่เมื่อไร"


"ข้าแต่ท่านมหาเศรษฐี ผมไม่รู้จักของชิ้นนี้เลย แต่ที่พูดก็เพราะคิดว่าจะอาศัยท่านเพื่อรอดพ้นโปรดอย่าโกรธผมเลยนะขอรับ" ชายหนุ่มตอบหน้าซื่อ


"อ้าว! ในเมื่อชายคนนี้ไม่ได้ให้เครื่องประดับแก่ท่าน แล้วท่านบอกว่าเอามาให้แก่เราได้อย่างไรกัน" ปุโรหิตถามเศรษฐีอย่างงุนงง


"เอ่อ..ท่านขอรับ กระผมพูดไปก็เพราะคิดว่า เราทั้งสองเป็นคนใหญ่คนโต หวังจะได้มาช่วยกันน่ะขอรับ" เศรษฐีตอบปุโรหิตด้วยสายตาอ้อนวอน


"ท่านปุโรหิต! แล้วท่านให้เครื่องประดับแก่ผมเมื่อไรกัน" คนธรรพ์ชักสงสัย


"โธ่..ข้าพเจ้าพูดไปก็เพราะอยากให้ท่านมาช่วยพวกเราให้อยู่เป็นสุขในคุกแห่งนี้หน่ะ อย่าว่ากันเลยนะ" ปุโรหิตตอบอย่างน่าเห็นใจส่วนนางวัณณทาสีพอได้โอกาสก็ตะโกนขึ้นว่า..


"ไอ้คนร้าย! คนธรรพ์ชาติชั่ว! เราเคยไปหาเจ้า หรือเจ้าเคยมาหาเราตั้งแต่ตอนไหน เจ้าให้เครื่องประดับแก่เราตอนไหนกันหือ"


"โธ่..น้องเอ๋ย เหตุไรจะต้องมาโกรธเคืองกันด้วย เธอคิดดูสิ! เมื่อพวกเราทั้ง 5 คนมาอยู่รวมกันในคุก เพียงมีเจ้าอยู่สักคน พวกเราจะได้ไม่ต้องหงอยเหงาไงล่ะ" คนธรรพ์ตอบด้วยสีหน้าเจ้าเล่ห์ยิ้มกรุ้มกริ่มอำมาตย์ทราบความจากทหารแล้ว ก็แน่ใจว่าคนที่ถูกจับมิใช่ขโมย จึงสั่งให้ทำเครื่องประดับยางไปใส่ให้นางลิงทุกตัว ฝูงนางลิงพากันร่าเริงยินดีเหมือนลิงได้แก้ว เที่ยววิ่งอวดเครื่องประดับยางกระโดดโลดเต้นไปทั่วอุทยาน นางลิงที่ขโมยของไปนั้นมีของที่เหนือกว่าลิงทุกตัวจึงทนไม่ไหว หมั่นไส้ลิงทั้งหลายเหลือประมาณที่มีแค่ยางยืดแล้วทำเป็นยืดอกเชิดซะใหญ่โต ยิ่งคิดก็ยิ่งอยากเอาของดีมาอวดให้เด่นเหนือใคร รีบเข้าไปหยิบเครื่องประดับมุกมาใส่คล้องคอแล้วออกมาเดินนวยนาดอยู่ท่ามกลางฝูงลิงจนน่าสมเพชเหลือทน ทหารรีบปราดเข้าไปล้อมจับนำของมาได้ พระราชาทรงทราบความทั้งหมดแล้วดีพระทัย ทรงชื่นชมในปัญญาของอำมาตย์ ตรัสว่า..

 

"วีรชนคนกล้าย่อมน่าปรารถนาในตำแหน่งแห่งจอมทัพ เพราะยามคับขันย่อมต้องการคนกล้าหาญเช่นนั้น แต่ยามปรึกษางานกันย่อมต้องการคนไม่พูดพล่าม ยามมีข้าวน้ำย่อมต้องการคนที่รักมาร่วมดื่มร่วมกินส่วนยามต้องการเหตุผลนี่สิ! ต้องได้บัณฑิตผู้ฉลาดในอุบายมาช่วยแก้"พระราชาตรัสพรรณนาชมเชย แล้วทรงบูชาอำมาตย์ด้วยรัตนะ 7 ประการ และดำรงตนอยู่ในธรรมที่บัณฑิตแนะนำสืบไป..

 

ประชุมชาดก
            พระทศพลทรงประชุมชาดกว่า พระราชาในครั้งนั้นมาเป็นพระอานนท์ส่วนอำมาตย์ผู้เป็นบัณฑิตมาเป็นตถาคตแล

             จากชาดกเรื่องนี้ อำมาตย์ได้ข้อมูลเหมือนกับทุกคนที่ได้รับจากห้องสืบสวน แต่อำมาตย์สังเกตเห็นความแปลกของข้อมูลทันที ในขณะที่ผู้อื่นยังมิได้คิดเห็นอะไรการดำเนินชีวิตในปัจจุบัน ข้อมูลที่ถูกต้องแม่นยำมักตกอยู่ในมือคนขยัน คือขยันสืบค้นหาข้อมูล ไม่ใจง่ายใจเร็ว หลายแห่งถึงกับมีทีมงานรวบรวมข้อมูล กลั่นกรองข้อมูล วิจัยข้อมูล กว่าจะได้ข้อมูลที่แน่นอนมาต้องเหนื่อยยาก มิใช่ได้มาโดยง่าย องค์กรเหล่านี้จึงมีทิศทางแม่นยำที่จะกำความสำเร็จ ในทางตรงข้าม ข้อมูลที่ผิดพลาดจะนำมาใช้ประโยชน์ไม่ค่อยได้ มีแต่สร้างโทษ มักจะตกอยู่ในมือคนใจง่าย ไม่ขยันหาข้อมูล ติดสบาย เกียจคร้าน คนเช่นนี้ดูเหมือนจะคู่ควรกับข้อมูลผิดๆ อยู่เสมอ


"นิสัยขยันค้นคว้าหาข้อมูลในการแก้ปัญหา, ไม่ใจเร็วด่วนสรุป, ไม่เชื่อถือข้อมูลที่ยัง ไม่พิสูจน์ให้ถ่องแท้ รวมทั้งแยกแยะและเชื่อมโยงเหตุการณ์ได้" ทั้งหมดนี้จึงนับเป็นนิสัยในวิถีนักสร้างบารมีที่นับเนื่องเข้าในปัญญาบารมี
 

-----------------------------------------------

SB 405 ชาดก วิถีนักสร้างบารมี

กลุ่มวิชาพุทธวิธีในการพัฒนานิสัย

 

 ยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคล Total Execution Time: 0.031194933255514 Mins