อดทนจนได้ดี

วันที่ 16 มค. พ.ศ.2559

อดทนจนได้ดี


             สาเหตุที่ตรัสชาดก ภิกษุรูปหนึ่งเที่ยวบิณฑบาตในกรุงสาวัตถีเห็นสตรีแต่งกายงามแล้วถือนิมิตอันงาม ถูกกิเลสเข้าครอบงำจนหมดความยินดี เธอมีผมและเล็บงอกยาว มีจีวรเศร้าหมอง มีตัวผอมเหลือง เพื่อนภิกษุนำไปเฝ้าพระทศพล พระตถาคตเจ้าตรัสว่า โบราณกบัณฑิตยังไม่แสดงความกระสันให้ปรากฏแก่ใครๆ เพราะกลัวหิริโอตตัปปะจะทำลาย เหตุไรเธอจึงทำความกระสันให้ปรากฏในท่ามกลางบริษัท 4 ไม่รักษาหิริโอตตัปปะของตนไว้ แล้วทรงนำเรื่องในอดีตมาสาธกดังนี้

 

             ..กาลครั้งหนึ่ง ณ ป่าใหญ่อันร่มรื่น มีอาศรมหลังหนึ่งเป็นที่อยู่ของฤาษีมาช้านาน วันหนึ่งสองสามีภรรยาคู่หนึ่งได้นำดอกไม้ของหอมเข้าไปสักการะฤาษี ขณะนั้นเองบุตรของสองสามีภรรยากำลังเล่นลูกข่างอยู่ที่เนินดินนอกอาศรม ได้วิ่งเข้าไปใกล้งูพิษที่จอมปลวก งูเกิดรำคาญจึงกัดเด็กล้มลงมารดาบิดาได้ยินเสียงลูกร้องรีบวิ่งออกมาดู กรีดร้องแล้วอุ้มลูกไปให้ฤาษีรักษา ปากก็ละล่ำละลักกล่าวว่า..

"พระคุณเจ้า! บรรพชิตน่าจะรู้ยาดีหรือมีพระปริตรดีๆ บ้าง ได้โปรดช่วยลูกของดิฉันให้หายด้วยเถิด"
"ฉันไม่รู้ตัวยาเลย ฉันเป็นบรรพชิต ทำเวชกรรมไม่ได้" ฤาษีกล่าว

"ถ้าเช่นนั้น พระคุณเจ้าโปรดลองทำสัตยาธิษฐานดูเถิด" มารดาเด็กกล่าวฤาษีรับคำ แล้ววางมือลงบนศีรษะเด็ก กล่าวว่า..
"เรานี้เป็นผู้ต้องการบุญจึงมาบวช แต่เราเลื่อมใสในการประพฤติพรหมจรรย์อยู่เพียง 7 วันเท่านั้น! จากนั้นมาเราก็ทนประพฤติพรหมจรรย์มาถึง 50 กว่าปี ด้วยความสัตย์อันนี้ ขอความสวัสดีจงมีแก่เด็กเถิด"

 

พริบตานั้น เด็กก็ลืมตาขึ้นมองดูพ่อแม่ ร้องว่า แม่! แล้วสลบลงไปอีก
"กำลังของฉันทำได้เท่านี้แหละโยม โยมจงทำบ้างเถิด" ฤาษีตอบอย่างจนใจพ่อของเด็กจึงรีบวางมือลงบนอกบุตรแล้วกล่าวบ้างว่า..
"ข้าพเจ้าเห็นสมณะมาบ้านเพื่อขอพักอาศัย บางครั้งก็ไม่พอใจจะให้พักเลย แต่ก็ยอมทนให้พักค้างได้ ด้วยความสัตย์อันนี้ ขอความสวัสดีจงมีแก่ลูกของเราเถิด"ทันใดนั้น เด็กลุกขึ้นนั่งได้แต่ไม่อาจยืนได้สามีหันไปกล่าวกับภรรยาสุดรักว่า..
"เธอก็กล่าวบ้างสิ!"
"ฉันกล่าวต่อหน้าเธอไม่ได้หรอก" ภรรยากระอักกระอ่วนบอกสามี
"เอาน่า! จะอย่างไรก็ช่างเถอะ พูดไปเถอะ ทำเพื่อลูกของเรา"สามีอ้อนวอนภรรยาจึงจำใจต้องกล่าว..
"ลูกรักเอ๋ย! อสรพิษที่กัดเจ้านี้ไม่เป็นที่ชอบใจของแม่เลย แต่หากเปรียบอสรพิษนี้กับพ่อของเจ้าแล้ว มันช่างไม่แตกต่างกันเลยสำหรับแม่ ด้วยความสัตย์แน่แท้นี้ ขอความสวัสดีจงมีแก่ลูกแม่ด้วยเถิด"

 

           ทันทีที่กล่าวจบ เด็กก็ลุกขึ้นวิ่งออกไปเล่นได้ตามปกติบัดนี้ความลับแตกหมดแล้ว! เมื่อความรู้สึกถูกเปิดเผยแก่กันอย่างหมดเปลือกจนเห็นกระทั่งเม็ด! ความฉงนสงสัยก็ครอบคลุมไปทั่วบรรยากาศสามีเข้าไปถามฤาษีอย่างสุดสงสัยว่า..
"เอ.. ธรรมดานักพรตทั้งหลายย่อมเป็นผู้สงบ ฝึกฝนตนเองมิใช่รึ แล้วท่านเกลียดชังอะไรจึงสู้ฝนใจประพฤติพรหมจรรย์อยู่ได้ตั้ง 50 ปี ทำไมไม่สึกออกมาครองเรือนซะเลยล่ะท่าน"


"ผู้ออกบวชด้วยศรัทธาแล้วกลับเข้ามาในบ้านอีก เป็นคนเหลวไหล กลับกลอก เราเกลียดต่อถ้อยคำเช่นนี้ จึงสู้ฝนใจประพฤติพรหมจรรย์ เรากลัวหิริและโอตตัปปะของตนจะถูกทำลายลง เหตุนี้แม้เราจะร้องไห้จนน้ำตานองหน้าก็จะสู้ทนฝนใจประพฤติพรหมจรรย์อยู่ให้ได้ นี้เป็นสิ่งที่วิญูชนสรรเสริญและเป็นฐานะของสัตบุรุษทั้งหลาย" ฤาษีตอบจบก็ถามโยมบ้างว่า.

 

"อาตมาเห็นท่านเลี้ยงดูสมณะและคนเดินทางให้อิ่มหนำสำราญด้วยดีมาตลอด บ้านของท่านนี้ก็บริบูรณ์ด้วยข้าวและน้ำเป็นเหมือนบ่อน้ำให้ความชื่นใจ แล้วไฉนเมื่อท่านไม่อยากจะให้ทานก็ยังให้ได้อยู่ล่ะ"


"ทั้งนี้เพราะบิดามารดาและปู่ ย่า ตา ยาย ของข้าพเจ้าเป็นคนมีศรัทธา เป็นทานบดี รู้หลักนักปราชญ์ ข้าพเจ้าเองก็อนุวัตรตามธรรมเนียมของตระกูล กำหนดใจไว้ว่าอย่าได้เป็นคนตัดธรรมเนียมของตระกูลเสียเลย ข้าพเจ้าแม้ไม่อยากจะให้ทานก็ทนให้ได้"

 

             สามีตอบฤาษีจบจึงหันไปถามภรรยาสุดรักอย่างงุนงงและปวดร้าวใจเป็นที่สุดว่า..
"เธอไม่มีความรักใคร่ในตัวฉันมาตลอดเวลาที่เราอยู่ด้วยกัน แล้วเธอปรนนิบัติฉัน ทนอยู่ร่วมกับฉันผู้เป็นดังปฏิกูลสำหรับเธอและเสมอด้วยอสรพิษ อยู่ได้เหมือนอยู่ร่วมกับคนที่รักกันได้อย่างไร"

 

"ตั้งแต่ไหนแต่ไรมา ภรรยาที่มีสามีบ่อยๆ ไม่เคยมีในตระกูลฉันเลย ฉันทำตามธรรมเนียมของตระกูลสอนตัวเองทุกวันว่าขออย่าได้เปลี่ยนผู้ชายบ่อยๆ ขอเราอย่าเป็นหญิงกลับกลอกคนแรกของตระกูล และขออย่าให้เป็นคนตัดธรรมเนียมของตระกูลเลย ฉันเกลียดถ้อยคำเช่นนี้ แม้จะไม่พอใจปรนนิบัติเธอก็ฝนใจทำได้"

 

              นางรู้ว่าได้กล่าวความลับที่ไม่ควรกล่าวต่อสามีจึงขอโทษสามีว่า..
"วันนี้ฉันพูดคำที่ไม่ควรพูด ขอเธอจงอดโทษเพราะเห็นแก่ลูกเถิดสิ่งอื่นใดๆ ในโลกที่ฉันจะรักเท่าลูกไม่มีอีกแล้ว"


"ลุกขึ้นเถิด ฉันอดโทษให้ ฉันจะไม่เกลียดเธอเลย"สามีปลอบภรรยา

จากนั้นฤาษีแนะนำโยมว่า..
"การที่ท่านหาทรัพย์มาได้แล้วบริจาคทานโดยไม่เชื่อกรรมและผลแห่งกรรม เป็นการไม่สมควรเลย แต่นี้ไปท่านควรเชื่อกรรมและผลแห่งกรรมแล้วให้ทานเถิด"นายบ้านก็รับคำ แล้วกล่าวกับฤาษีว่า..


"ท่านผู้เจริญ ท่านดำรงเป็นทักขิไณยบุคคลของข้าพเจ้า แต่ไม่ยินดีประพฤติพรหมจรรย์เป็นการไม่สมควร ตั้งแต่นี้ไปขอท่านโปรดทำจิตให้เลื่อมใสมีใจบริสุทธิ์ ยินดีในฌาน ประพฤติพรหมจรรย์โดยที่ข้าพเจ้าทำสักการะแก่ท่านแล้วได้รับผลมากเถิด"


               สองสามีภรรยานมัสการลาไป แต่นั้นมาภรรยากลับมามีความรักในสามีสามีก็มีจิตเลื่อมใสถวายทานด้วยศรัทธาส่วนฤาษีก็สามารถกำจัดความเบื่อหน่ายได้ ทำฌานและอภิญญาให้เกิดขึ้น มีความสุขเบิกบานอยู่ในฌานนับแต่นั้นมาตราบจนสิ้นอายุขัย..

 

ประชุมชาดก
             พระทศพลทรงประชุมชาดกว่า นายบ้านครั้งนั้นมาเป็นพระอานนท์ ภรรยานายบ้านมาเป็นนางวิสาขา บุตรมาเป็นพระราหุลส่วนฤาษีมาเป็นตถาคตแล


              จากชาดกเรื่องนี้ ทุกคนอดทนจนได้ดี หากฤาษีสึกไป ชีวิตก็ตกต่ำลง ย่อมเป็นที่แหนงใจตนและต้องอยู่ด้วยกิเลสจะมิได้พบสุขในฌานอีกเลย ทั้งยังสูญเสียอัธยาศัยในการบวชหรือที่เรียกว่า"เนกขัมมัชฌาศัย" ไปอีกด้วย หากทนในชาติเดียวได้ ก็จะได้สิ่งดีๆ ติดไปข้ามชาติยาวนาน หากเลิกอดทนและยินยอมตามกิเลสเพียงชาติเดียว ก็จะสูญเสียสิ่งดีๆ ไปนับชาติมากมาย ฝ่ายสามี หากไม่ทนทำดีต่อไปก็จะพลาดจากบุญเป็นอันมาก ต้องไปเกิดในตระกูลขัดสนจนปัญญา ฝ่ายภรรยา หากไม่อดทน ขอเปลี่ยนสามีใหม่ ก็อาจต้องเปลี่ยนอยู่เรื่อยไป เพราะเมื่อเบื่อกันขึ้นมาก็เปลี่ยนใหม่ได้อีกไม่รู้จักพอ


"นิสัยยอมตายไม่ยอมแพ้ แม้อดกลั้นทั้งน้ำตาก็ไม่ทำตามสิ่งยั่วเย้า, มีหิริโอตตัปปะไว้
ข่มกลั้นใจ, ยอมสละอารมณ์อกุศล และยอมรับในสิ่งไม่พึงปรารถนาให้ได้" ทั้งหมดนี้จึงนับเป็น
นิสัยในวิถีนักสร้างบารมีที่นับเนื่องเข้าในขันติบารมี

-----------------------------------------------

SB 405 ชาดก วิถีนักสร้างบารมี

กลุ่มวิชาพุทธวิธีในการพัฒนานิสัย

 ยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคล Total Execution Time: 0.0019341667493184 Mins