วิธีอธิบายศีล 5 ให้เด็กเข้าใจง่าย ๆ

วันที่ 24 พค. พ.ศ.2560

วิธีอธิบายศีล 5 ให้เด็กเข้าใจง่าย ๆ
 

หลักการสร้างความสุขในครอบครัว , Pre-Degree , วัดพระธรรมกาย , DOU , ธรรมกาย , ปริญญาตรี , พรีดีกรี , พระพุทธศาสนา , พุทธศาสตร์ , พระไตรปิฎก , วิธีอธิบายศีล 5 ให้เด็กเข้าใจง่าย ๆ , รักษาศีล 5 , ศีล

     ครั้งหนึ่ง ได้มีโอกาสเห็นการสอนศีล 5 ให้เด็กเข้าใจได้ง่าย ๆ จากหลวงพ่อรูปหนึ่งรู้สึกยังประทับใจอยู่มาก จึงขออาราธนาคำสอนของท่าน มาเล่าสู่กันฟัง เผื่อว่าคุณพ่อคุณแม่จะใช้เป็นแนวทางในการสอนศีล 5 ให้แก่ลูกได้
 

หลักการสร้างความสุขในครอบครัว , Pre-Degree , วัดพระธรรมกาย , DOU , ธรรมกาย , ปริญญาตรี , พรีดีกรี , พระพุทธศาสนา , พุทธศาสตร์ , พระไตรปิฎก , วิธีอธิบายศีล 5 ให้เด็กเข้าใจง่าย ๆ , รักษาศีล 5 , ศีล

1. ศีล 5 มีความเป็นมาอย่างไร
      "วันนี้ หลวงพ่อจะมาเทศน์เรื่องเบื้องต้น ซึ่งเป็นเรื่องพื้นฐานที่สำคัญที่สุดในชีวิตของเรา คือ เรื่องศีล 5 ให้คุณหนู ๆ ฟัง

       ไม่มีใครทราบว่าใครเป็นผู้กำหนดศีล 5 ขึ้นมา แต่ทราบว่าเมื่อพระสัมมาสัมพุทธเจ้าบังเกิดขึ้นก็ได้มีศีล 5 อยู่ก่อนแล้วในโลก แล้วพระสัมมาสัมพุทธเจ้าของเราก็ทรงประกาศว่าศีล 5 นี้ ถูกต้องดีมาก ทุกคนจะต้องรักษาให้ได้

        คุณหนู ๆ รู้ไหมว่า ศีล 5 มีอะไรบ้างเอ่ย 

1) ไม่ฆ่าสัตว์ 
2) ไม่ลักทรัพย์
3) ไม่ประพฤติผิดในกาม 
4) ไม่พูดปด
5) ไม่เสพของมึนเมา

      วันนี้หลวงพ่อก็จะมาขยายความเรื่องศีล 5 ให้คุณหนู ๆ ฟังว่า เวลาเขากำหนดศีล 5 ขึ้นมาในโลก เขาทำอย่างไร  เพื่อว่า เมื่อคุณหนูโตขึ้นเป็นผู้ใหญ่แล้ว ถ้าวันใดเกิดไปโกรธใครจะไปโกรธสัตว์เล็กสัตว์น้อย หรือโกรธสัตว์ใหญ่ขึ้นมาก็ตาม แล้วคิดจะไปฆ่าสัตว์ตัดชีวิต ก็จะได้ห้ามใจของตนเองได้


2. ศีลข้อที่ 1 ไม่ฆ่าสัตว์ตัดชีวิต เกิดขึ้นมาได้อย่างไร

หลวงพ่อ  :  ก่อนจะเฉลยคำถามนี้ ต้องถามคุณหนูกลับว่า ที่รักที่สุดในชีวิต ของคุณหนูคืออะไร  ช่วยตอบหลวงพ่อหน่อย

เด็ก         :  รักคุณพ่อคุณแม่ครับ

หลวงพ่อ  :  โอ้โ! แล้วที่รักยิ่งกว่าพ่อแม่มีไหม 

เด็ก         :  มีครับ รักตัวเราเองครับ

หลวงพ่อ  :  ถูกต้อง ทุกคนรักชีวิตของตนเองเป็นที่สุดเลย หลวงพ่อขอถามต่ออีกว่า เป็ดไก่รักชีวิตของเขาไหม 

เด็ก         :  รักครับ

หลวงพ่อ  :  แน่ใจหรือ 

เด็ก         :  แน่ใจครับ

หลวงพ่อ  :  ทำไมจึงแน่ใจ  ทำไมจึงคิดว่าเป็ดไก่รักชีวิตของเขา  เขาบอกหนูหรือ 

เด็ก         :  ไม่ได้บอกครับ

หลวงพ่อ  :  แล้วหนูรู้ได้อย่างไรว่าเป็ดไก่เขารักชีวิตของเขา 

เด็ก         :  พอใครจะจับเขาไปฆ่า เขาวิ่งหนีครับ

หลวงพ่อ  :  ใช่ เพราะสัตว์ก็เหมือนกับคนนี่แหละ พอใครจะมาฆ่า เขาก็วิ่งหนีไปเลย เขาพูดภาษาคนไม่ได้หรอก แต่อาการที่แสดงออก บอกว่าเขาก็รักชีวิตของเขา พอใครจะมาฆ่า เขาก็ต้องวิ่งหนี ทั้ง ๆ ที่เขาพูดเป็นภาษาคนไม่ได้ แต่ท่าทางของเขาบอกเรา เรารักชีวิตเรามากที่สุดฉันใด เป็ดไก่ก็รักชีวิตของเขามากที่สุดฉันนั้น นอกจากเป็ดไก่แล้ว ทั้งหมูทั้งแมวเขารักชีวิตเขาไหม 

เด็ก         :  รักครับ (ค่ะ)

หลวงพ่อ  :  เพราะว่าคนเรายังรักชีวิตของตนเอง หมู หมา ไก่ พอเราจะตีจะฆ่าเขาก็วิ่งหนี เขาก็รักชีวิตของเขาเช่นกัน เพราะว่าทุกคนในโลกนี้สัตว์ทุกประเภททุกตัวในโลกนี้ ต่างรักตัวกลัวตายด้วยกันทั้งสิ้นไม่มีใครไม่กลัวตาย ไม่มีใครไม่รักชีวิตของตนเอง เพราะฉะนั้นผู้มีใจเป็นธรรมทั้งหลาย ผู้ที่มี ติปัญญาอย่างแท้จริง จึงได้ลงมติเป็นเอกฉันท์ว่า เนื่องจากใคร ๆ ก็รักชีวิตของตนเองทั้งนั้น ใคร ๆ ก็ต้องไม่ฆ่าใคร ศีลข้อที่ 1 ไม่ฆ่าสัตว์ตัดชีวิตจึงกำเนิดขึ้นมา


3. ศีลข้อที่ 2 ไม่ลักขโมย เกิดขึ้นมาได้อย่างไร

หลวงพ่อ  :  คราวนี้มีข้อคิดที่ให้หนู ๆ ต้องคิดต่อไปอีกว่า เวลาที่ผ่านไปแต่ละวัน ๆ นั้น เราอยู่ได้ด้วยอะไรบ้าง 

เด็ก         :  อากาศ อาหาร น้ำครับ

เด็ก         :  ยารักษาโรค

เด็ก         :  เครื่องนุ่งห่ม ที่อยู่อาศัย

เด็ก         :  เงิน

หลวงพ่อ  :  เอาล่ะ ที่พวกหนู ๆ ตอบมาก็ใช่ทั้งนั้นเลย แต่ละวันที่ผ่านไปพวกเราแม้จะยังต้องเรียนหนังสืออยู่ ยังไม่มีอาชีพ แต่ว่าคุณพ่อคุณแม่ของคุณหนูก็หาอะไรมาให้ 

1) หาเสื้อผ้าเครื่องนุ่งห่ม
2) หาอาหาร
3) หาที่อยู่อาศัย
4) หายารักษาโรค

       ทั้งหมดนี้ ภาษาพระรวมเรียกว่า ปัจจัย 4 คือ เรื่อง 4 ประการ ที่มนุษย์ได้อาศัยเป็นสมบัติเลี้ยงชีวิต

      นอกจากปัจจัย 4 แล้ว ยังมีสิ่งที่เนื่องจากปัจจัย 4 อีกด้วย ยกตัวอย่าง นอกจากบ้านที่เราอยู่แล้ว ก็ต้องมีของใช้ภายในบ้าน รวมไปจนถึงรองเท้าของคุณหนู ๆ ซึ่งไม่ได้ใช้นุ่งใช้ห่ม แต่ว่าเราต้องใส่ไปโรงเรียนทุกวัน ชีวิตคนจึงอยู่ได้ด้วยสมบัติ

     คราวนี้ถามว่าศีลข้อที่ 2 เกิดขึ้นมาได้อย่างไร  เกิดขึ้นเพราะว่าทุกชีวิตอยู่ได้ด้วยสมบัติ ถ้าใครเอาทรัพย์สมบัติที่บ้านของหนูไปหมดเลย หนูอยู่ได้ไหมลูก 

เด็ก         :  ไม่ได้ค่ะ

หลวงพ่อ  :  อยู่ไม่ได้ ถ้าเขาไม่ฆ่าเรา แต่เขาขโมยสมบัติของเราไป เขาแกล้งเผาแกล้งทำลายสมบัติของเราไป เราก็อยู่ไม่ได้ เพราะฉะนั้นศีลข้อที่ 2จึงเกิดขึ้นมาว่า ใคร ๆ ก็ต้องไม่ลัก ไม่ขโมยของใคร เพราะว่าใคร ๆ ก็ต้องใช้สมบัติสำหรับหล่อเลี้ยงชีวิตของเขา นี้จึงเป็นที่มาของการกำหนดศีลข้อที่ 2


4. ศีลข้อที่ 3 ไม่ประพฤติผิดในกาม เกิดขึ้นมาได้อย่างไร
    เมื่อเขาไม่ฆ่าเรา ไม่ขโมยสมบัติของเราไปด้วย เราก็น่าจะมีชีวิตอยู่อย่างเป็นสุข แต่ว่าถ้าเขาต้องการมาอยากได้ของที่เรารักเราชอบ มาแย่งชิงของรักของเราไป และของรักที่มนุษย์รักมากกว่าทรัพย์สมบัติมีอะไรบ้าง 

1.สามี
2. ภรรยา
3. ลูก

    เพราะฉะนั้นผู้มีใจเป็นธรรมทั้งหลายจึงได้ตั้งข้อบัญญัติขึ้นมาว่า ใคร ๆ ก็ไม่ควรจะแย่งชิงของรักของใคร คือไม่ประพฤติผิดในกามนั่นเอง นี้จึงเป็นที่มาของการกำหนดศีลข้อที่ 3


5. ศีลข้อที่ 4 ไม่พูดปด เกิดขึ้นมาได้อย่างไร
     คราวนี้ มีเรื่องที่อยากจะฝากคุณหนูเอาไว้ทุกคนเลย คือ ในชีวิตของคนเราไม่ว่าใครก็ตามที่เรารักสุดชีวิตจิตใจ พ่อแม่เราก็รักเคารพ เพื่อนเราก็รักมาก ๆ เลย พี่ของเราเราก็รัก ครูอาจารย์ของเรา เราก็รัก แต่ว่าทั้ง ๆ ที่เราบอกว่า เรารักที่สุดในโลก แต่หากพบว่าเขาเหล่านั้นขาดความจริงใจกับเราเมื่อไร มันก็จะทำให้เราหมดรักได้เหมือนกันสิ่งที่แสดงว่าเขาขาดความจริงใจต่อเราคืออะไร  การพูดเท็จนั่นเอง

หลวงพ่อ  :  หนูมีพี่ไหม 

เด็ก         :  มีครับ

หลวงพ่อ  :  ถ้าหนูรู้ว่าพี่เขาพูดเท็จ พูดไม่จริงกับเรา หนูเคืองไหม 

เด็ก         :  เคืองครับ

หลวงพ่อ  :  แล้วถ้าเราพูดเท็จกับพี่ พี่เขาจะเคืองไหม 

เด็ก         :  เคืองครับ

หลวงพ่อ  :  แล้วถามจริง ๆ เถอะ หนูเคยพูดเท็จกับพี่เขาไหม 

เด็ก         :  เคยครับ

หลวงพ่อ  :  จำไว้นะลูก ใครก็ตามที่รักเรา ถ้าเราพูดเท็จกับเขา เขาก็จะหมดรักเรา แล้วถ้าเขาพูดเท็จกับเรา เราก็จะหมดรักเขาเช่นกัน

     เพราะฉะนั้น ขอฝากคุณหนูไว้ทุกคน เพราะใคร ๆ ก็ต้องการความจริงใจด้วยกันทั้งนั้น ใคร ๆ ก็ต้องไม่พูดเท็จกับใคร นี้คือที่มาของการกำหนดศีลข้อที่ 4


6. ศีลข้อที่ 5 ไม่ดื่มสุราของมึนเมา เกิดขึ้นมาได้อย่างไร
    มีข้อคิดที่ต้องฝากคุณหนูให้เอาไปคิดอีก พระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ทรงฝากเอาไว้เป็นข้อคิดที่ดีมาก ๆ คุณหนูจดเอาไว้ด้วยนะ

     พระองค์ได้ทรงฝากไว้อย่างนี้ว่า

    ประการที่ 1 ใครที่ไม่ฆ่าสัตว์ตัดชีวิต ไม่ว่าฆ่าสัตว์เล็กสัตว์น้อยสัตว์ใหญ่ หรือฆ่าคนก็ตาม ได้ชื่อว่าให้ทานอย่างยิ่งใหญ่หรือมหาทาน คือ ให้ความปลอดภัยแก่ชีวิตเป็นทาน

    ประการที่ 2 ใครที่ไม่ลัก ไม่ขโมย ก็ได้ชื่อว่าให้ทานอันยิ่งใหญ่อีกเช่นกัน คือให้ความปลอดภัยแก่ทรัพย์สินเป็นทาน

    ประการที่ 3 ถ้าใครไม่ประพฤติผิดในกาม ก็ได้ชื่อว่า ให้มหาทานอย่างยิ่งใหญ่อีก คือ ให้ความปลอดภัยแก่คู่ครองของเขาเป็นทาน

   ประการที่ 4 ถ้าใครไม่พูดเท็จ ไม่โกหก ก็ได้ชื่อว่า ทำทานอย่างยิ่งใหญ่อีกเหมือนกัน คือ ให้ความจริงใจเป็นทาน

    เพราะฉะนั้น ถ้าเรารักษาศีล 4 ข้อแรกได้ ก็เหมือนเราได้ให้ทาน 4 ประการด้วยกัน

    แต่ว่ามีเรื่องที่หนูจะต้องใช้ความคิดให้มากขึ้นไปอีก คือ เรื่องของศีลข้อที่ 5 ต้องใช้ความคิดมากขึ้นไปอีกจึงจะเข้าใจ

  การที่คนใดคนหนึ่งจะไม่ฆ่าสัตว์ก็ตาม ไม่ลักทรัพย์ก็ตาม ไม่ประพฤติผิดในกามก็ตามและไม่พูดเท็จก็ตาม การที่จะทำอย่างนี้ได้ คนผู้นั้นจะต้อง มี "สติ" อย่างดี

    ถ้าเขาขาดสติ เผลอสติเมื่อไร เขาก็พร้อมที่จะไม่ให้ทานแก่ชีวิต ไม่ให้ความปลอดภัยในทรัพย์สินของผู้อื่น ไม่ให้ความปลอดภัยกับคู่ครองของใคร และไม่ให้ความจริงใจเป็นทานกับใคร

   สติของคนเรานั้น แปลกจริง ๆ บทเหนียวแน่น ก็เหนียวแน่นอย่างไม่น่าเชื่อบทเปอยก็เปอยอย่างไม่น่าเชื่อเหมือนกัน ที่ว่าสติเหนียว

     สติเหนียวแน่นอย่างไม่น่าเชื่อเป็นอย่างไร 

    ยกตัวอย่าง ถ้ามีนักเรียนคนหนึ่ง วันพรุ่งนี้เขาจะต้องไปสอบ แต่ว่าเกิดมีอาการไข้ขึ้นมากะทันหัน เขาก็รีบไปหาหยูกยาแก้ไข้กินเรียบร้อย แล้วอาการไข้ก็ยังไม่หาย แต่ก็กลับมาพยายามดูหนังสือต่อให้จบ แสดงว่า ติของเขานี่เหนียวมากๆ เลย

     สติเปื่อยได้อย่างไม่น่าเชื่อเป็นอย่างไร 

   คนเดียวกันนี่แหละ ทั้งๆ ที่สติของคนเราถึงบทเหนียวแน่น แต่ว่าพอดื่มเหล้าเข้าไปเท่านั้น แพ้เหล้า แพ้เบียร์ แพ้ยาม้า หรือยาเสพติดให้โทษ

    ใครไปเสพของอันตรายอย่างนี้เข้า ก็จะทำให้ ติของตัวเองขาดเปอยไปได้อย่างไม่น่าเชื่อ เพราะฉะนั้นเพื่อรักษาสติของเราเอาไว้ ศีลข้อที่ 5 จึงได้เกิดขึ้นว่าใคร ๆ ก็จะต้องไม่ดื่มสุรายาเมาหรือเสพยาเสพติดให้โทษ เพราะว่าจะทำให้ ติของเราขาดไป

    ถ้าสติของเราขาดหายไปแล้วจะเป็นอย่างไร ศีลทั้ง 4 ข้อที่ต้องใช้ ติคอยกำกับก็จะพลอยขาดไปด้วยอย่างง่ายดาย

    ยกตัวอย่าง มีเด็กอายุรุ่นราวคราวเดียวกับคุณหนู ๆ ที่นั่งอยู่ตรงนี้แหละ เขาเคยเจอมาแล้ว เวลาคุณพ่อเมาเหล้า คุณพ่อก็พร้อมจะฆ่าเป็ด ฆ่าไก่ได้ทันที บางทีก็พร้อมจะตีคุณหนู บางทีก็พูดไม่เพราะกับคุณหนูด้วย ทั้ง ๆ ที่ก่อนจะกินเหล้าเข้าไป พ่อก็เป็นคุณพ่อที่แสนดีต่อลูก ๆ เพราะฉะนั้นหลวงพ่อขอฝากคุณหนูเอาไว้ โตขึ้นมาห้ามดื่มเหล้า ห้ามดื่มเบียร์ห้ามเสพยาเสพติดให้โทษต่าง ๆ


7. ทำอย่างไรจึงจะรักษาศีล 5 ข้อนี้ไว้ได้
    คราวนี้แล้วทำอย่างไรจึงจะรักษาศีล 5 ข้อเอาไว้ได้ เมื่อหลวงพ่อเป็นนักเรียนนักศึกษาเหมือนอย่างกับพวกหนูนี่แหละ หลวงพ่อก็ค่อย ๆ ฝึกรักษาศีล 5 ของตัวเองไป วิธีที่จะทำให้รักษาศีลได้อย่างครบถ้วนบริบูรณ์ หลวงพ่อทำอย่างนี้ คุณหนูลองไปทำดู

  เมื่อก่อนจะบวช หลวงพ่อมีพระห้อยคออยู่ ทุกเช้าก่อนที่หลวงพ่อจะไปเรียนหนังสือหลวงพ่อก็หยิบพระที่ห้อยคอเอามาใส่มือ แล้วก็สวดมนต์นอบน้อมต่อพระสัมมาสัมพุทธเจ้าว่า

     "นะโม ตัสะ ภะคะวะโต อะระหะโตสัมมาสัมพุทธัสะ" (3 จบ)

     พอสวดมนต์เสร็จเรียบร้อยแล้ว หลวงพ่อก็สัญญากับพระที่ห้อยคอว่า

1. วันนี้ข้าพเจ้าจะไม่ฆ่าสัตว์
2. วันนี้ข้าพเจ้าจะไม่ลักทรัพย์
3. วันนี้ข้าพเจ้าจะไม่ประพฤติผิดในกาม
4. วันนี้ข้าพเจ้าจะไม่พูดเท็จ
5. วันนี้ข้าพเจ้าจะไม่ดื่มสุรายาเมาหรือยาเสพติด

    พอสัญญาครบทั้ง 5 ข้อแล้ว หลวงพ่อก็ออกจากบ้านไปเรียนหนังสือ เหมือนอย่างที่พวกหนูมาโรงเรียนอย่างนี้แหละ ทีแรก ๆ หลวงพ่อก็รักษาศีล 5 ได้ข้ามวันบ้าง ไม่ข้ามวันบ้างแต่ว่าผ่านไปได้ประมาณสักครึ่งปี หลวงพ่อก็รักษาศีล 5 ได้

      หลวงพ่อรักษาศีลได้ครบถ้วนเรื่อยมาถึง 6 ปี แล้วหลวงพ่อก็ได้มาบวชอย่างที่คุณหนูเห็นนี่แหละ หลวงพ่อก็ทำมาอย่างนี้ คุณหนูคิดว่าพอจะทำได้ไหม  ได้นะ


8. สรุปความสำคัญของศีล 5
      มาถึงตรงนี้ หลวงพ่อขอทบทวนให้พวกเราฟังอีกเที่ยวหนึ่ง

      ทำไมจึงไม่ให้ฆ่าสัตว์ เพราะว่าไม่ว่าใคร ๆ ก็รักชีวิตตนเอง

    ทำไมจึงไม่ให้ลักทรัพย์ เพราะว่าใคร ๆ ก็อยู่เป็นสุขได้ด้วยสมบัติของเขา ถ้าเราไปลัก ไปทำลายทรัพย์สมบัติของเขามา เขาก็จะมีชีวิตอยู่ไม่ได้ หรืออยู่ได้ก็ต้องพบความยากลำบาก

      ทำไมจึงไม่ให้ประพฤติผิดในกาม เพราะใคร ๆ ก็รักพี่น้องพวกพ้องของเขา

      ทำไมจึงไม่ให้พูดเท็จ เพราะใคร ๆ ก็รักความจริงใจด้วยกันทั้งนั้น จึงไม่ควรพูดเท็จกับใคร

    ทำไมจึงไม่ให้ดื่มเหล้า ไม่ให้เสพยาเสพติด เพราะว่าเมื่อดื่มเข้าไปแล้วจะทำลายสติของเรา เมื่อสติของเราเสียหายไปแล้ว ศีลข้ออื่น ๆ ก็พร้อมที่จะขาดไปหมด

    เพราะฉะนั้น คุณหนู ๆ ที่นั่งอยู่ตรงนี้ หลวงพ่อขอฝากเอาไว้ ถ้าหนูอยากจะเป็นคนดีต่อไปในภายภาคหน้า ศีลทั้ง 5 ข้อ หนูต้องรักษาเอาไว้ให้ดี"

    หวังว่าเรื่องที่เล่าสู่กันฟังนี้ พอจะเป็นแนวทางให้คุณพ่อคุณแม่สามารถสอนลูกให้รักษาศีล 5 ได้บ้าง และนั่นก็หมายความว่า หากลูกมีศีล 5 เป็นปกติ บ้านเมืองของเราก็จะมีคนดีเพิ่มขึ้นอีกคนอย่างแน่นอน ความภูมิใจใดเล่า จะเทียบเท่ามีลูกเป็นคนดีมีศีลธรรม

 

 

*----------------------------------------------------------------------------------------------------------*
หนังสือ PD 001 หลักการสร้างความสุขในครอบครัว
หนังสือเรียน หลักสูตร Pre-Degree

 

 ยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคล Total Execution Time: 0.0083161513010661 Mins