ต้องหนึ่งสมองสองมือ ๑

วันที่ 01 กย. พ.ศ.2560

 ต้องหนึ่งสมองสองมือ ๑,ที่นี่มีคำตอบ ฉบับมินิ เล่ม 4 รักนี้สีอะไร,บทความประจำวัน

 

       ต้องหนึ่งสมองสองมือ ๑

 

      คุณแม่ของผมมีชีวิตลำบากมาตั้งแต่เด็ก ต้องช่วยคุณตาคุณยายทำงานตั้งแต่อายุ ๘ ขวบ โดยรับจ้างเก็บพริกและแบกขนมไปขาย เมื่อแต่งงานกับคุณพ่อแล้ว คุณแม่ได้มาค้าขายผลไม้อยู่ที่ปากคลองตลาด เริ่มสร้างฐานะจากคนที่ไม่มีอะไรเลย ท่ามกลางเสียงสบประมาทของคนอาชีพเดียวกัน

      ช่วงนั้นคุณแม่นอนแค่วันละ ๒ - ๓ ชั่วโมง บางวันก็ดื่มแค่โอเลี้ยงถุงเดียว ทำงานหนัก จนเลือดในตัวข้นจัด นอนแล้วขยับตัวไม่ได้ และเคยถูกพิษของยาฆ่าแมลงในผลไม้ซึมเข้าตัว จนตัวคันทั้งวันทั้งคืน ต้องไปรักษาด้วยการฝังเข็มที่เมืองจีนถึงจะหาย ท่านสร้างฐานะจนมีเงินฝากทรัสต์ไว้เป็นจำนวนมาก แต่แล้วก็เหมือนมีกรรม ต่อมาทรัสต์ล้มทำให้ แม่ต้องสูญเสียเงินไปหลายล้านบาท หลังจากทรัสต์ล้มได้ไม่นาน ก็โดนขโมยขึ้นบ้านกวาดเครื่องเพชรและเงินสดในลิ้นชักไปเกลี้ยง

   ภายหลังเมื่อคุณแม่ฟื้นกิจการขึ้นมาได้ใหม่ ก็หันมาทำธุรกิจผลไม้ส่งออก แต่ก็ไม่วายถูกเจ้าของสวนทุเรียน จ้างวานนักเลงมาขู่ฆ่าอีก บางช่วงก็หาเงินได้มาก แต่บางช่วงก็ขาดทุนจนเกือบหมดตัว แต่ทุกครั้งที่ย่ำแย่ก็มักจะมีคนหยิบยื่นมาให้ความช่วยเหลือเสมอ ทั้งที่ไม่เคยรู้จักกันมาก่อน หรือมิฉะนั้นก็จะมีเหตุการณ์พลิกผันให้สามารถพยุงตัวขึ้นมาได้ใหม่ ทำให้ผ่านพ้นวิกฤตมาได้ทุกครั้ง

   ปัจจุบันนี้คุณแม่อายุ ๖๗ ปี ไม่ค่อยแข็งแรง เป็นเบาหวาน และเคยเข้ารับการผ่าตัดเพราะหมอนรองกระดูกกดทับเส้นประสาทครับ

    เหตุใดชีวิตของคุณแม่ถึงได้ลำบาก มาตั้งแต่เกิด ต้องทำงานหนัก ต่อสู้กับอุปสรรค ในชีวิตมามาก และท่านประกอบเหตุในอดีตมาอย่างไร พอทำท่าจะแย่ทีไรก็จะมีคนเข้ามาช่วยเหลือ หรือมีเหตุให้รอดพ้นวิกฤตมาได้ทุกครั้ง แต่พอตั้งตัวได้ก็กลับย่ำแย่อีก แล้วก็ดีขึ้นได้อีก เดี๋ยวจน เดี๋ยวรวย เป็นอย่างนี้หลายรอบเพราะกรรมใด

    เหตุใดช่วงขาขึ้นรายได้ถึงดีเกินคาด แต่พอขาลงก็แทบจะไม่เหลืออะไรเลยครับ

    คุณครูไม่ใหญ่

  คุณแม่ลำบากตั้งแต่เกิด ทำงานหนักต้องต่อสู้อุปสรรคชีวิตมากมาย เพราะในอดีตท่านทำทานแบบสงเคราะห์โลก จะชอบแจกเสื้อผ้า แจกอาหาร เวลาคนลำบากยากจนก็ไปช่วย เกิดไฟไหม้น้ำท่วมก็จะไปช่วย แต่ไม่เชื่อเรื่องบุญ มีความเชื่อว่าคนเราจะสำเร็จได้ ต้องหนึ่งสมองสองมือเท่านั้น เพราะฉะนั้นท่านจึงทำทานไม่สม่ำเสมอ เวลาจะช่วยเหลือใครก็จะต้องใช้เวลาตัดสินใจนาน เพราะไม่เชื่อเรื่องบุญ แต่ตัดสินใจแล้วก็ไปทำแบบสงเคราะห์โลก วิบากกรรมดังกล่าวมาส่งผล

  เมื่อชีวิตคุณแม่ทำท่าจะแย่ทีไรก็จะมีคนมาช่วยเหลือ หรือมีเหตุให้รอดพ้นวิกฤตมาได้ทุกครั้ง เพราะบุญที่ท่านได้สงเคราะห์โลกและสงเคราะห์ญาติดังกล่าวมาช่วยท่านเอาไว้ แต่พอตั้งตัวได้ก็กลับย่ำแย่อีก เดี๋ยวจนเดี๋ยวรวยอย่างนี้หลายรอบ เพราะเวลาทำบุญสงเคราะห์โลกหรือหมู่ญาติ เวลาทำก็ทำอย่างเต็มที่ แต่เวลาใจตกก็นึกเสียดายว่าแหม ไม่น่าจะให้เขาไปเลย ไม่น่าช่วยเลยคิดอย่างนี้บ่อยๆ จึงทำให้กรรมตระหนี่ในชาติอื่นๆ ได้ช่องแทรกเข้ามา ทำให้วิบากกรรมดังกล่าวมาส่งผลให้ขึ้นๆ ลงๆ เดี๋ยวรวย เดี๋ยวจน อย่างนี้อยู่หลายรอบ

  ช่วงขาขึ้น รายได้ดีเกินคาด ช่วงขาลง ก็แทบไม่มีอะไรเหลือ ก็เพราะวิบากกรรมดังกล่าวนั้นแหละ เวลาบุญส่งผลช่วงขาขึ้น ก็รวยเกินคาด พอตอนช่วงเสียดายมันก็เป็นช่วงขาลงจึงแทบจะไม่มีอะไรเหลือเลย


 

 

ที่นี่มีคำตอบ ฉบับที่ 8 ความใช่-ความเชื่อ

คุณครูไม่ใหญ่

๘ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๔๙
    
     

 ยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคล Total Execution Time: 0.0011850476264954 Mins